งงกันทั้งประเทศ! นิสิตจุฬาฯ ทำงานเซเว่นฯ แม้เรียนจบม.ดัง โซเชียลถกสนั่นเรื่องงาน-ค่านิยมสังคม

งงกันทั้งประเทศ! นิสิตจุฬาฯ ทำงานเซเว่นฯ แม้เรียนจบม.ดัง โซเชียลถกสนั่นเรื่องงาน-ค่านิยมสังคม

กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ เมื่อมีภาพของนิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้สำเร็จการศึกษาจากหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ กำลังปฏิบัติงานเป็นพนักงานร้านสะดวกซื้อเซเว่นฯ ลฃ Tiktok ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ชาวเน็ตว่า เหตุใดผู้ที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยชื่อดังจึงเลือกทำงานที่ดูเหมือนจะ “สวนทาง” กับค่านิยมในสังคมไทย

โซเชียลเสียงแตก: งานไหนคือ “งานดี”?
ในขณะที่บางคนมองว่า การเลือกทำงานในเซเว่นฯ เป็นเรื่องปกติและควรเคารพสิทธิส่วนบุคคล แต่ก็มีอีกหลายเสียงที่ตั้งคำถามว่า การเรียนจบจากมหาวิทยาลัยระดับประเทศ ควรนำไปสู่การทำงานที่ “เหมาะสม” และสร้างรายได้มากกว่านี้

ความคิดเห็นหนึ่งในโซเชียลระบุว่า
“เรียนจบจากมหาวิทยาลัยดังขนาดนี้ ทำไมไม่หางานที่ตรงกับสายวิชาชีพหรืองานที่สร้างรายได้มากกว่านี้?”

ขณะที่อีกฝ่ายแย้งว่า
“งานทุกงานมีคุณค่า การทำงานเซเว่นฯ ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แค่เป็นการเริ่มต้นชีวิต ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ตรงนี้ตลอดไป”

เสียงจากนิสิต: “งานนี้คือสิ่งที่ฉันเลือก”
หลังจากที่ประเด็นนี้กลายเป็นกระแส เจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงผ่านโพสต์บนโซเชียลส่วนตัว โดยระบุว่า การเลือกทำงานที่เซเว่นฯ เป็นการตัดสินใจส่วนตัว เนื่องจากต้องการเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ และเรียนรู้การใช้ชีวิตที่แท้จริง

“การทำงานที่เซเว่นฯ ทำให้เราได้เรียนรู้การจัดการ การสื่อสาร และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นทักษะสำคัญสำหรับชีวิต ไม่ได้หมายความว่าเราขาดโอกาส แต่เราอยากสร้างโอกาสด้วยตัวเอง”

ประเด็นใหญ่: ค่านิยมสังคมไทยที่กดดันคนจบมหาวิทยาลัยดัง
ผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมวิทยาระบุว่า กระแสวิจารณ์ครั้งนี้สะท้อนถึงค่านิยมของสังคมไทยที่มักเชื่อมโยงชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยกับความสำเร็จในหน้าที่การงาน โดยไม่ได้คำนึงถึงความสุขหรือเป้าหมายส่วนตัวของผู้จบการศึกษา

“ในยุคปัจจุบัน เราควรมองว่างานทุกงานมีคุณค่า และการตัดสินใจของแต่ละคนอาจสะท้อนความต้องการส่วนตัวมากกว่าความคาดหวังของสังคม”


ผู้ใหญ่ไทยยังยึดติด “งานราชการ”

ความสำเร็จในสายตาผู้ใหญ่ = งานราชการ
ในสังคมไทย “งานราชการ” ยังคงถูกมองว่าเป็นสุดยอดของความมั่นคงและความสำเร็จในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งข้าราชการ ครู หรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ผู้ใหญ่หลายคนยังคงเชื่อว่า การได้ทำงานในระบบราชการนั้นเป็น “จุดหมายปลายทาง” ของคนรุ่นใหม่

แนวคิดนี้ส่งผลให้เด็กที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยดังระดับประเทศหรือมหาวิทยาลัยท้องถิ่น มักเผชิญกับแรงกดดันจากผู้ใหญ่ในครอบครัวหรือสังคม ให้หางานราชการทำแทนการเลือกเส้นทางอาชีพอื่นที่พวกเขาอาจสนใจหรือเหมาะสมกว่า

เด็กไทยมองต่าง: “งานราชการอาจไม่ใช่คำตอบ”
ในขณะที่ผู้ใหญ่ยังยึดมั่นในแนวคิดนี้ คนรุ่นใหม่กลับมีมุมมองที่แตกต่างออกไป งานราชการไม่ได้ตอบโจทย์สำหรับทุกคนอีกต่อไป เพราะข้อจำกัดในเรื่องโอกาสความก้าวหน้า ความยืดหยุ่นของงาน และความช้าในการปรับตัวของระบบราชการ ทำให้เด็กยุคใหม่มองหาอาชีพที่ตอบสนองต่อความสนใจและทักษะเฉพาะตัวของพวกเขามากกว่า


ความคิดเห็นจากคนรุ่นใหม่:
“งานราชการอาจมั่นคง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ต้องการความมั่นคงแบบนั้น บางคนอยากลองทำสิ่งใหม่หรือสร้างธุรกิจของตัวเอง”

“งานราชการอาจเหมาะกับคนบางกลุ่ม แต่เราอยากทำงานที่มีความคิดสร้างสรรค์และมีความท้าทาย”

ค่านิยมเก่า กับสังคมที่เปลี่ยนไป
ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานชี้ว่า ค่านิยมเรื่อง “งานราชการ” ของผู้ใหญ่มาจากยุคที่งานในระบบราชการเป็นทางรอดหลักของคนส่วนใหญ่ในยุคที่ภาคเอกชนยังไม่เติบโต และเศรษฐกิจยังไม่เปิดกว้างเท่าในปัจจุบัน

“สมัยก่อน งานราชการหมายถึงความมั่นคงในชีวิต แต่ในโลกปัจจุบัน ความมั่นคงไม่ได้มาจากงานราชการเสมอไป คนรุ่นใหม่มองหางานที่มีความสุขและเติมเต็มชีวิตมากกว่าการยึดติดกับกรอบเดิมๆ”


ท้ายที่สุด เด็กไทยควรมีอิสระในการเลือกเส้นทางอาชีพที่เหมาะกับตัวเอง เพราะความสำเร็จของชีวิตไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเภทของงาน แต่อยู่ที่ความสุข ความพอใจ และการสร้างคุณค่าให้ตัวเองและสังคม.



สรุป: คุณค่าของงานอยู่ที่ความสุขและการเรียนรู้
ประเด็นนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงทัศนคติของคนในสังคมต่ออาชีพเท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้เราได้ตั้งคำถามว่า “งานดี” คืออะไร และใครเป็นผู้กำหนด? บางทีคำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งงานหรือชื่อเสียงของบริษัท แต่อยู่ที่ความสุขและความพึงพอใจของคนทำงานเอง.

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่