เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.thairath.co.th/entertain/news/2830221
หลังจากที่ ชาล็อต ออสติน ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาทและบังคับวิดีโอคอล 24 ชั่วโมงตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ในวันนี้ ชาล็อต และ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ก็ได้มาแถลงข่าวถึงประเด็นดังกล่าวเพื่อให้ทุกคนได้ระวังภัยไม่โดนหลอกแบบละเอียดยิบว่า
- มีเบอร์แปลกโทรมา เขาแจ้งชื่อและยศ และบอกว่าชาล็อตมีส่วนเกี่ยวข้องการฟอกเงินในคดีของนายศรัทธา ตนเลยแสดงความบริสุทธิ์ด้วยการคุยต่อ
- มิจฉาชีพบอกว่า นายศรัทธาบอกว่าชาล็อตขายบัญชีให้ และโอนเงินให้ชาล็อต
- มิจฉาชีพโอนสายให้ชาล็อตคุยกับอีกคน และทำการขอไลน์เพื่อจะวิดีโอคอลเก็บหลักฐานเอาไปขึ้นศาลเพื่อฟ้องนายศรัทธา
- มิจฉาชีพบอกให้ชาล็อตกดโค้ดเพื่อเป็นการโอนสายไปคุยกับเจ้าหน้าที่อีกคน
- แต่พอกดโค้ดแล้วทำให้ใช้โทรศัพท์ของชาล็อตติดต่อใครไม่ได้ เป็นเทคโนโลยีของมิจฉาชีพ และยังบอกว่า โค้ดนี้จะเป็นการตาม GPRS อยู่ตรงไหนให้อยู่ตรงนั้น
- มิจฉาชีพบอกชาล็อตว่าห้ามบอกใคร เพราะเป็นความลับของทางราชการ ถ้าบอกใครคนอื่นจะโดนปรับและเดือดร้อนตามไปด้วย เพราะกลัวคนอื่นจะเดือดร้อน ชาล็อตจึงยอมคุยต่อเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ จึงไม่บอกใครต่อ
- มิจฉาชีพบอกชาล็อตว่าตอน 1 ทุ่มจะออกหมายจับ ถ้าไม่ให้การยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ชาล็อตไม่อยากเสื่อมเสียชื่อเสียงเลยยอมคุยต่อและเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
- มิจฉาชีพบอกว่าถ้าไม่ยอมจะแจ้งจับ แต่ถ้ายอมจะทำการคืนเงินใน 15-30 นาทีหลังจากที่ตรวจสอบแล้ว ชาล็อตจึงโอนเงินไป
- เงินก้อนแรกโอนไป 2 ล้าน เวลาประมาณ 5 โมงครึ่ง มิจฉาชีพบอกว่ายังประชุมอยู่ ต้องเอาเรื่องนี้ไปให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบ ซึ่งที่โทรมาแจ้งว่าเป็น DSI ก็เลยเชื่อว่าเป็นความลับของทางราชการจริงๆ เลยไม่สามารถบอกใครได้
- ณวัฒน์เสริมว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนเย็น อยู่ในรถ ประมาณ 5 โมง และก็วิดีโอคอล เห็นหน้ากันก็คุยกันไปเรื่อยๆ
- ชาล็อตยังวิดีโอคอลกับมิจฉาชีพต่อ ซึ่งมิจฉาชีพข่มขู่ต่อว่าถ้าชาล็อตวางสายมิจฉาชีพจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับฝากขังทันที เพราะทราบพิกัดที่อยู่ของชาล็อตแล้ว ชาล็อตยอมรับว่ากลัวและแพนิกมาก จึงต้องยอมทำตามที่มิจฉาชีพบอกเพราะคิดว่าเป็นเรื่องจริง ก็บอกข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เชื่อว่าชาล็อตนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ
- ไม่คิดว่าเป็นมิจฉาชีพ เพราะเคยเจอมิจฉาชีพแต่ไม่ได้มาในรูปแบบนี้
- อีก 2 ล้านโอนไปอีกตอนเที่ยงคืน เพราะมิจฉาชีพแจ้งว่าผู้การจะพักประชุมตอนเที่ยงคืน พอพักเสร็จก็มาเปิดกล้องกับชาล็อตอีกครั้ง บอกว่าตรวจสอบยอดแล้ว สามารถโอนยอดต่อไปให้ตรวจสอบได้เลย ซึ่งชาล็อตก็โอนไป ครั้งที่ 2 โอนไป 5 แสน และครั้งที่ 3 โอนไป 1.5 ล้าน เพื่อให้เอาไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน
- จริงๆ มิจฉาชีพจะเอาเงินให้หมดบัญชี แต่บัญชีของชาล็อตนั้นโอนได้ครั้งละ 2 ล้าน มิจฉาชีพเลยพยายามจะยื้อเพื่อจะหาทางเอาเงินเพิ่มอีก
- เมื่อชาล็อตรู้ตัวว่าโดนหลอก ก็พยายามให้อีกฝ่ายเปิดกล้อง เพื่อที่จะเก็บหลักฐาน แต่มิจฉาชีพก็ข่มขู่ต่ออีก โดยการเปลี่ยนคนอื่นให้มาคุยเรื่อยๆ
- ตอนที่วิดีโอคอลคุยกับมิจฉาชีพชาล็อตอยู่คนเดียวตลอด
- พอรู้ว่าโดนมิจฉาชีพหลอก ก็พยายามหลอกให้อีกฝ่ายเปิดกล้องเพื่อจะถ่ายคลิป โดยแจ้งว่าขอความสบายใจ ซึ่งอีกฝ่ายก็ข่มขู่ว่าพูดแบบนี้สามารถโดนอีกคดีได้เลย พยายามข่มขู่ให้กลัว ซึ่งชาล็อตก็กลัวจริงๆ
- ที่ชาล็อตไม่เอะใจ เพราะมิจฉาชีพส่งเอกสารมาให้ทางไลน์ ที่เป็นหมายจับ และหมายยุติจากผู้ต้องหา ตอนนี้เป็นผู้เสียหายก็เลยเชื่อ เพราะเอกสารดูถูกต้องตามหลักราชการ ชื่อ นามสกุล บัตรประชาชนถูก และสมุดบัญชีธนาคารหนึ่ง จึงทำให้ชาล็อตเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
- หลังจากนั้นชาล็อตก็รีบโทรหาธนาคารเพื่ออายัดระงับเงินชั่วคราว แล้วไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่เมื่อเช็กเงินที่ธนาคารปลายทางก็พบว่าเงินไม่อยู่แล้ว
อ่านต่อที่นี่
https://www.thairath.co.th/entertain/news/2830221
ชาล็อต น้ำตาร่วง แจงละเอียดยิบ ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านได้อย่างไร
https://www.thairath.co.th/entertain/news/2830221
หลังจากที่ ชาล็อต ออสติน ถูกมิจฉาชีพหลอกโอนเงิน 4 ล้านบาทและบังคับวิดีโอคอล 24 ชั่วโมงตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ในวันนี้ ชาล็อต และ ณวัฒน์ อิสรไกรศีล ก็ได้มาแถลงข่าวถึงประเด็นดังกล่าวเพื่อให้ทุกคนได้ระวังภัยไม่โดนหลอกแบบละเอียดยิบว่า
- มีเบอร์แปลกโทรมา เขาแจ้งชื่อและยศ และบอกว่าชาล็อตมีส่วนเกี่ยวข้องการฟอกเงินในคดีของนายศรัทธา ตนเลยแสดงความบริสุทธิ์ด้วยการคุยต่อ
- มิจฉาชีพบอกว่า นายศรัทธาบอกว่าชาล็อตขายบัญชีให้ และโอนเงินให้ชาล็อต
- มิจฉาชีพโอนสายให้ชาล็อตคุยกับอีกคน และทำการขอไลน์เพื่อจะวิดีโอคอลเก็บหลักฐานเอาไปขึ้นศาลเพื่อฟ้องนายศรัทธา
- มิจฉาชีพบอกให้ชาล็อตกดโค้ดเพื่อเป็นการโอนสายไปคุยกับเจ้าหน้าที่อีกคน
- แต่พอกดโค้ดแล้วทำให้ใช้โทรศัพท์ของชาล็อตติดต่อใครไม่ได้ เป็นเทคโนโลยีของมิจฉาชีพ และยังบอกว่า โค้ดนี้จะเป็นการตาม GPRS อยู่ตรงไหนให้อยู่ตรงนั้น
- มิจฉาชีพบอกชาล็อตว่าห้ามบอกใคร เพราะเป็นความลับของทางราชการ ถ้าบอกใครคนอื่นจะโดนปรับและเดือดร้อนตามไปด้วย เพราะกลัวคนอื่นจะเดือดร้อน ชาล็อตจึงยอมคุยต่อเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงๆ จึงไม่บอกใครต่อ
- มิจฉาชีพบอกชาล็อตว่าตอน 1 ทุ่มจะออกหมายจับ ถ้าไม่ให้การยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ชาล็อตไม่อยากเสื่อมเสียชื่อเสียงเลยยอมคุยต่อและเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง
- มิจฉาชีพบอกว่าถ้าไม่ยอมจะแจ้งจับ แต่ถ้ายอมจะทำการคืนเงินใน 15-30 นาทีหลังจากที่ตรวจสอบแล้ว ชาล็อตจึงโอนเงินไป
- เงินก้อนแรกโอนไป 2 ล้าน เวลาประมาณ 5 โมงครึ่ง มิจฉาชีพบอกว่ายังประชุมอยู่ ต้องเอาเรื่องนี้ไปให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบ ซึ่งที่โทรมาแจ้งว่าเป็น DSI ก็เลยเชื่อว่าเป็นความลับของทางราชการจริงๆ เลยไม่สามารถบอกใครได้
- ณวัฒน์เสริมว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นตอนเย็น อยู่ในรถ ประมาณ 5 โมง และก็วิดีโอคอล เห็นหน้ากันก็คุยกันไปเรื่อยๆ
- ชาล็อตยังวิดีโอคอลกับมิจฉาชีพต่อ ซึ่งมิจฉาชีพข่มขู่ต่อว่าถ้าชาล็อตวางสายมิจฉาชีพจะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับฝากขังทันที เพราะทราบพิกัดที่อยู่ของชาล็อตแล้ว ชาล็อตยอมรับว่ากลัวและแพนิกมาก จึงต้องยอมทำตามที่มิจฉาชีพบอกเพราะคิดว่าเป็นเรื่องจริง ก็บอกข้อมูลต่างๆ เพื่อให้เชื่อว่าชาล็อตนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์จริงๆ
- ไม่คิดว่าเป็นมิจฉาชีพ เพราะเคยเจอมิจฉาชีพแต่ไม่ได้มาในรูปแบบนี้
- อีก 2 ล้านโอนไปอีกตอนเที่ยงคืน เพราะมิจฉาชีพแจ้งว่าผู้การจะพักประชุมตอนเที่ยงคืน พอพักเสร็จก็มาเปิดกล้องกับชาล็อตอีกครั้ง บอกว่าตรวจสอบยอดแล้ว สามารถโอนยอดต่อไปให้ตรวจสอบได้เลย ซึ่งชาล็อตก็โอนไป ครั้งที่ 2 โอนไป 5 แสน และครั้งที่ 3 โอนไป 1.5 ล้าน เพื่อให้เอาไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน
- จริงๆ มิจฉาชีพจะเอาเงินให้หมดบัญชี แต่บัญชีของชาล็อตนั้นโอนได้ครั้งละ 2 ล้าน มิจฉาชีพเลยพยายามจะยื้อเพื่อจะหาทางเอาเงินเพิ่มอีก
- เมื่อชาล็อตรู้ตัวว่าโดนหลอก ก็พยายามให้อีกฝ่ายเปิดกล้อง เพื่อที่จะเก็บหลักฐาน แต่มิจฉาชีพก็ข่มขู่ต่ออีก โดยการเปลี่ยนคนอื่นให้มาคุยเรื่อยๆ
- ตอนที่วิดีโอคอลคุยกับมิจฉาชีพชาล็อตอยู่คนเดียวตลอด
- พอรู้ว่าโดนมิจฉาชีพหลอก ก็พยายามหลอกให้อีกฝ่ายเปิดกล้องเพื่อจะถ่ายคลิป โดยแจ้งว่าขอความสบายใจ ซึ่งอีกฝ่ายก็ข่มขู่ว่าพูดแบบนี้สามารถโดนอีกคดีได้เลย พยายามข่มขู่ให้กลัว ซึ่งชาล็อตก็กลัวจริงๆ
- ที่ชาล็อตไม่เอะใจ เพราะมิจฉาชีพส่งเอกสารมาให้ทางไลน์ ที่เป็นหมายจับ และหมายยุติจากผู้ต้องหา ตอนนี้เป็นผู้เสียหายก็เลยเชื่อ เพราะเอกสารดูถูกต้องตามหลักราชการ ชื่อ นามสกุล บัตรประชาชนถูก และสมุดบัญชีธนาคารหนึ่ง จึงทำให้ชาล็อตเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
- หลังจากนั้นชาล็อตก็รีบโทรหาธนาคารเพื่ออายัดระงับเงินชั่วคราว แล้วไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ แต่เมื่อเช็กเงินที่ธนาคารปลายทางก็พบว่าเงินไม่อยู่แล้ว
อ่านต่อที่นี่ https://www.thairath.co.th/entertain/news/2830221