เคยบอกเป็นคล้ายๆ พันธสัญญากับพี่ที่รักเคารพ "อารักษ์ คคะนาท" ว่าอยากจะสัมภาษณ์ "ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร" ลงฉบับวันอาทิตย์สักครั้ง เป็นเรื่องที่ ดร.อภิวัฒน์ ต่อสู้กับโรคร้าย 'มะเร็ง' ที่เผชิญอยู่ เพราะครั้งล่าสุดเห็น ดร.อภิวัฒน์ปรากฏในจอทีวี ทำหน้าที่พิธีกรด้วยกำลังวังชา ที่เหมือนคนปกติ พี่ที่เคารพบอกว่าถ้าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่จะดำเนินการให้ทันที ครั้งนั้นจึงทำให้รู้ว่า ดร.อภิวัฒน์กลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง! กระนั้นก็ยังมีความหวังว่าบทสัมภาษณ์ดีๆ จะเดินทางมาถึงในไม่ช้า...
แต่แล้ว..สิ่งที่มาถึงเมื่อเช้าวันที่ 28 มิถุนายน กลับเป็นข่าวร้ายว่า ดร.อภิวัฒน์ที่ตั้งหน้าตั้งตารออยู่นั้นได้จากไปเสียแล้ว!! เป็นการจากอย่างไม่คาดคิด การรอคอยและความหวังที่ตั้งใจไว้เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงเดือนต้องเดินทางมาถึงที่สิ้นสุดเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกเสียใจ-เสียใจกับครอบครัวของดอกเตอร์ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง และความรู้สึกเสียดายกับคนดีๆ "คนคุณภาพ" คนหนึ่งที่ต้องจากไป
ใครที่เคยติดตามรายการจันทร์กระพริบในโทรทัศน์มาตั้งแต่แรก จะรู้ว่า "คนคุณภาพ" คำนี้ไม่ได้กล่าวเกินเลยไปจากความเป็นจริง เพราะการทำหน้าที่พิธีกรคู่กับ ผุสชา โทณะวณิก ได้เป็นภาพปรากฏในใจของผู้คนตลอดมา เมื่อเห็นผุสชาก็ต้องถามถึง ดร.อภิวัฒน์ เมื่อเห็น ดร.อภิวัฒน์ก็ต้องถามถึงผุสชา อีกทั้งรายการนี้ยังอยู่ในความนิยมของผู้คนเกินกว่าสิบปี
บทสัมภาษณ์ที่ตั้งใจไว้แต่แรก คิดว่าคงหมดโอกาส แต่แล้ว..ได้รับการบอกเล่าและอนุเคราะห์จากพี่ที่รักเคารพ ว่ามีเรื่องราวบางอย่างบางตอนของ
ดร.อภิวัฒน์ที่ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนจากไปพอที่จะนำมาทดแทนกันได้ ประกอบกับเรื่องราวในหนังสือ "มองชีวิตผ่านมะเร็ง-ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร"
ที่นิตยสารแพรวจัดทำไว้ น่าจะเป็นบทสัมภาษณ์สุดท้ายสำหรับ ดร.อภิวัฒน์ ในการร่ำลาที่เขาไม่มีโอกาสได้บอกเล่ากับประชาชนและบรรดาแฟนๆ ด้วยตัวเอง "มติชนสุขสรรค์" ขออนุญาตนำบทสัมภาษณ์สุดท้ายมากล่าวไว้ ณ ที่นี้ เป็นการอำลาที่ไม่ได้ลาจาก แต่เป็นความทรงจำที่ดีๆ เป็นบทเรียนที่ตรึงตราอยู่ในใจมหาชน อย่างที่ ดร.อภิวัฒน์อยากให้เป็น
"ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร" หรือ "ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร" เป็นลูกชายของเรืออากาศตรีอาชีพ วัฒนางกูร พื้นเพเป็นคนอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
และนาวาเอกหญิงพูนศรี ทองปรีชา มีชื่อเล่นว่า "เต้ย" มีน้องชายอีกคนชื่อ "ต่อ-อัษฏาวุธ วัฒนางกูร" เริ่มเรียนหนังสือชั้นประถมที่โรงเรียนรุจิเสรีวิทยา ย่านสะพานควาย จบ ป. 7 ก็ย้ายไปเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนหอวัง กระทั่งจบ ม.ศ.5 ก็สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับเด็กทั่วไปในสมัยนั้น สอบเอ็นทรานซ์ปีแรกไม่ติด เพราะเลือกเรียนแพทย์ทุกอันดับ รอสอบอีกปีจึงเอ็นท์ติดคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อจบปริญญาตรีจากจุฬาฯ ก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่โลโยลาคอลเลจ เมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา จบแล้วไปต่อปริญญาเอกอีกที่ โอคลาโฮมา สเตท ยูนิเวอร์ซิตี้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่งด้านการศึกษาเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา แต่งงานกับ กมลนาท (อทิตา) สุมาวงศ์ มีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกสาวชื่อ "แพรว-กวิตา" กับลูกชายชื่อ "เพ็ชร-ภาคิน" ปัจจุบันอายุ 36 และ 34 ตามลำดับ
อภิวัฒน์ วัฒนางกูร ผู้อยู่ในความทรงจำเสมอ...
เคยบอกเป็นคล้ายๆ พันธสัญญากับพี่ที่รักเคารพ "อารักษ์ คคะนาท" ว่าอยากจะสัมภาษณ์ "ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร" ลงฉบับวันอาทิตย์สักครั้ง เป็นเรื่องที่ ดร.อภิวัฒน์ ต่อสู้กับโรคร้าย 'มะเร็ง' ที่เผชิญอยู่ เพราะครั้งล่าสุดเห็น ดร.อภิวัฒน์ปรากฏในจอทีวี ทำหน้าที่พิธีกรด้วยกำลังวังชา ที่เหมือนคนปกติ พี่ที่เคารพบอกว่าถ้าออกจากโรงพยาบาลเมื่อไหร่จะดำเนินการให้ทันที ครั้งนั้นจึงทำให้รู้ว่า ดร.อภิวัฒน์กลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง! กระนั้นก็ยังมีความหวังว่าบทสัมภาษณ์ดีๆ จะเดินทางมาถึงในไม่ช้า...
แต่แล้ว..สิ่งที่มาถึงเมื่อเช้าวันที่ 28 มิถุนายน กลับเป็นข่าวร้ายว่า ดร.อภิวัฒน์ที่ตั้งหน้าตั้งตารออยู่นั้นได้จากไปเสียแล้ว!! เป็นการจากอย่างไม่คาดคิด การรอคอยและความหวังที่ตั้งใจไว้เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงเดือนต้องเดินทางมาถึงที่สิ้นสุดเช่นกัน สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความรู้สึกเสียใจ-เสียใจกับครอบครัวของดอกเตอร์ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง และความรู้สึกเสียดายกับคนดีๆ "คนคุณภาพ" คนหนึ่งที่ต้องจากไป
ใครที่เคยติดตามรายการจันทร์กระพริบในโทรทัศน์มาตั้งแต่แรก จะรู้ว่า "คนคุณภาพ" คำนี้ไม่ได้กล่าวเกินเลยไปจากความเป็นจริง เพราะการทำหน้าที่พิธีกรคู่กับ ผุสชา โทณะวณิก ได้เป็นภาพปรากฏในใจของผู้คนตลอดมา เมื่อเห็นผุสชาก็ต้องถามถึง ดร.อภิวัฒน์ เมื่อเห็น ดร.อภิวัฒน์ก็ต้องถามถึงผุสชา อีกทั้งรายการนี้ยังอยู่ในความนิยมของผู้คนเกินกว่าสิบปี
บทสัมภาษณ์ที่ตั้งใจไว้แต่แรก คิดว่าคงหมดโอกาส แต่แล้ว..ได้รับการบอกเล่าและอนุเคราะห์จากพี่ที่รักเคารพ ว่ามีเรื่องราวบางอย่างบางตอนของ
ดร.อภิวัฒน์ที่ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนจากไปพอที่จะนำมาทดแทนกันได้ ประกอบกับเรื่องราวในหนังสือ "มองชีวิตผ่านมะเร็ง-ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร"
ที่นิตยสารแพรวจัดทำไว้ น่าจะเป็นบทสัมภาษณ์สุดท้ายสำหรับ ดร.อภิวัฒน์ ในการร่ำลาที่เขาไม่มีโอกาสได้บอกเล่ากับประชาชนและบรรดาแฟนๆ ด้วยตัวเอง "มติชนสุขสรรค์" ขออนุญาตนำบทสัมภาษณ์สุดท้ายมากล่าวไว้ ณ ที่นี้ เป็นการอำลาที่ไม่ได้ลาจาก แต่เป็นความทรงจำที่ดีๆ เป็นบทเรียนที่ตรึงตราอยู่ในใจมหาชน อย่างที่ ดร.อภิวัฒน์อยากให้เป็น
"ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร" หรือ "ดร.วรฑา วัฒนะชยังกูร" เป็นลูกชายของเรืออากาศตรีอาชีพ วัฒนางกูร พื้นเพเป็นคนอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี
และนาวาเอกหญิงพูนศรี ทองปรีชา มีชื่อเล่นว่า "เต้ย" มีน้องชายอีกคนชื่อ "ต่อ-อัษฏาวุธ วัฒนางกูร" เริ่มเรียนหนังสือชั้นประถมที่โรงเรียนรุจิเสรีวิทยา ย่านสะพานควาย จบ ป. 7 ก็ย้ายไปเรียนชั้นมัธยมที่โรงเรียนหอวัง กระทั่งจบ ม.ศ.5 ก็สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับเด็กทั่วไปในสมัยนั้น สอบเอ็นทรานซ์ปีแรกไม่ติด เพราะเลือกเรียนแพทย์ทุกอันดับ รอสอบอีกปีจึงเอ็นท์ติดคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อจบปริญญาตรีจากจุฬาฯ ก็ไปเรียนต่อปริญญาโทที่โลโยลาคอลเลจ เมืองบัลติมอร์ รัฐแมรีแลนด์ สหรัฐอเมริกา จบแล้วไปต่อปริญญาเอกอีกที่ โอคลาโฮมา สเตท ยูนิเวอร์ซิตี้ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่งด้านการศึกษาเป็นอันดับ 2 ของสหรัฐอเมริกา แต่งงานกับ กมลนาท (อทิตา) สุมาวงศ์ มีลูกด้วยกัน 2 คน ลูกสาวชื่อ "แพรว-กวิตา" กับลูกชายชื่อ "เพ็ชร-ภาคิน" ปัจจุบันอายุ 36 และ 34 ตามลำดับ