สวัสดีค่ะ กลับมาอีกแล้วนะคะกับกะทู้ไดอารี่ของจิน วันนี้จินจะมาพูดถึงเหตุการณ์นึงในชีวิตของจินที่ทำให้จินได้อยู่ร่วมหรือได้เป็นเพื่อนกับผู้ที่ติดเชื้อ HIV ค่ะ ทุกคนคงสงสัยไม่น้อยเลยถูกมั้ยคะว่าคนเราจะอยู่ร่วมหรือเป็นเพื่อนกับผู้ติดเชื่อ HIV ได้จริงๆหรอ จินยืนยันว่าได้ค่ะ เรื่องมันเริ่มจาการที่เรามีเพื่อนต่างห้องคนนึง…ฯ
เรามีเพื่อนต่างห้องคนนึง(A) เราได้รู้จักกับ A ผ่านเพื่อนในห้อง(J) เราขอเล่าย้อนไปตอนแรกที่เราเริ่มอยากรู้จักกับ A ให้มากขึ้น ตอนนั้นเรากำลังเดินลงมาจากห้อง
แต่เราเห็น A นั่งอยู่ตรงราวบันไดถือใบอะไรสักอย่างอยู่ในมือ เรารู้สึกได้เลยว่าตอนนั้น A ดูซึมๆ
ไม่จอยมากๆ แต่เราก็ไม่ได้ทักหรือพูดอะไรกับ A
พออีกวัน เราได้มีโอกาสไปถามเพื่อนในห้องของเรา ที่เป็นแฟน A
// เรา: A เป็นอะไรรึเปล่า วันก่อนเราเห็น A ดูซึมๆ//
// J: เราว่าแกลองไปถาม A เองดีกว่า เพราะเราไม่ใช่เจ้าตัวอ่ะ//
เราเรียนคาบเช้าเสร็จ เรากะว่าจะซื้อขนมแล้วเอามาให้ A แต่เราก็โดนปฏิเสธจากคำที่ A พูดว่า เราขอรับไว้แค่น้ำใจพอ ตอนนั้นเราหน้าชามาก รู้สึกเหมือน Aไม่อยากเป็นเพื่อนกับหรือเพราะว่า Aไม่ชอบกินขนมที่เราซื้อไปให้ก็ไม่รู้
หลังจากเหตุการต่างๆที่ A ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเรามาตลอด แต่มีอยู่วันนึงตอนพักเที่ยง เราเดินกับเพื่อนๆแล้วกำลังจะเข้าไปทัก A
แต่ Aดันล้มลง เราเลยช่วยพยุง A ไปห้องพยาบาล
พอ A ตื่นขึ้น Aได้ถามเราว่า
//A: ทำไมถึงทำดีกับเราจังเลยอ่ะ//
//เรา: เราแค่อยากเป็นเพื่อนกับแก อยากรู้จักแก//
//A: แกเห็นข่าวเมื่อเช้าปะ เราเองที่เป็นคนกินนมกล่องนั้น เราติดเชื้อไวรัส HIV
//A: แกรู้งี้ แกยังอยากเป็นเพื่อนกับเราอยู่ปะ//
ตอนนั้นความรู้สึกเราไม่ได้กลัวหรือรังเกียจ A เลย
เราอยากเป็นเพื่อนกับ A เหมือนเดิม อยากรู้จัก A เหมือนเดิม แต่ A ได้บอกเราอีกว่า
“เรากลัวการบอกเรื่องนี้กับคนอื่นมากเลย เรารู้นะว่าคนเขาไม่ได้รังเกียจแต่สุดท้ายเขาก็จะแบ่งแยกเราออกมา สุดท้ายเราก็โดนนินทา เราก็อยากใช้ชีวิตแบบคนปกติอะ เราไม่อยากให้คนมองเราด้วยความกลัว เรากลัวถ้าเราบอกไปเราจะเข้ากับสังคมไม่ได้”
พอจบประโยคนี้ที่ A พูดเสร็จ เราทั้งเข้าใจทั้งเห็นใจ แต่ซึ้งได้ไม่นาน A
เพราะ A บอกเราว่าให้เราเขียนกะทู้เรื่องของ A
ความรู้สึกเราทั้งตกใจและงงมากๆ
ตอนนั้นเราไม่อยากเขียนเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของ A
แต่ A ก็พูดออกมาว่า
"เราไม่ได้ต้องการให้ทุกคนรักหรือยอมรับเราทั้งหมดสะหน่อย เราแค่อยากให้ทุกคนมองด้วยหัวใจ ไม่ใช่ความกลัว"
ในหัวเราคิด ทำไม Aถึงไม่ไปเป็นคนแต่งประโยคซึ้งดูเพื่อชีวิตหน่อยๆที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่เขาชอบเอามาลงเฟสกัน 55555555
2วันถัดมา เราเริ่มที่จะเรียนรู้ในการอยู่ใกล้ชิดกับ A ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ดูหนัง กินข้าว อยู่ด้วยกัน
ตัวติดกันสุดๆ เอาที่จริง มันแบบปกติมาก เราไม่ได้คิดว่า A จะเป็นอะไร เป็นยังไง เพราะที่ A เป็นอยู่มันก็กินยาต้านได้ ทำให้ไม่สามารถแพร่เชื้อ
มีวิธีการรักษาต่างๆ
สุดท้ายนี้เรากับ A อยากให้ทุกคนที่ได้อ่านกะทู้นี้ ลองเปิดใจและไม่แบ่งแยกหรือมองว่าเขาเป็นตัวอะไรในสังคม ให้มองว่าเขาก็เป็นคนคนนึงที่ใช้ชีวิตปกติ มีความรู้สึกเหมือนกับเรา
ป.ล.
‘‘แล้วพวกคุณล่ะ พร้อมที่จะเปิดใจยอมรับแล้วหรือยัง’’
My Dream Daisy
ผู้อยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อ HIV
เรามีเพื่อนต่างห้องคนนึง(A) เราได้รู้จักกับ A ผ่านเพื่อนในห้อง(J) เราขอเล่าย้อนไปตอนแรกที่เราเริ่มอยากรู้จักกับ A ให้มากขึ้น ตอนนั้นเรากำลังเดินลงมาจากห้อง
แต่เราเห็น A นั่งอยู่ตรงราวบันไดถือใบอะไรสักอย่างอยู่ในมือ เรารู้สึกได้เลยว่าตอนนั้น A ดูซึมๆ
ไม่จอยมากๆ แต่เราก็ไม่ได้ทักหรือพูดอะไรกับ A
พออีกวัน เราได้มีโอกาสไปถามเพื่อนในห้องของเรา ที่เป็นแฟน A
// เรา: A เป็นอะไรรึเปล่า วันก่อนเราเห็น A ดูซึมๆ//
// J: เราว่าแกลองไปถาม A เองดีกว่า เพราะเราไม่ใช่เจ้าตัวอ่ะ//
เราเรียนคาบเช้าเสร็จ เรากะว่าจะซื้อขนมแล้วเอามาให้ A แต่เราก็โดนปฏิเสธจากคำที่ A พูดว่า เราขอรับไว้แค่น้ำใจพอ ตอนนั้นเราหน้าชามาก รู้สึกเหมือน Aไม่อยากเป็นเพื่อนกับหรือเพราะว่า Aไม่ชอบกินขนมที่เราซื้อไปให้ก็ไม่รู้
หลังจากเหตุการต่างๆที่ A ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเรามาตลอด แต่มีอยู่วันนึงตอนพักเที่ยง เราเดินกับเพื่อนๆแล้วกำลังจะเข้าไปทัก A
แต่ Aดันล้มลง เราเลยช่วยพยุง A ไปห้องพยาบาล
พอ A ตื่นขึ้น Aได้ถามเราว่า
//A: ทำไมถึงทำดีกับเราจังเลยอ่ะ//
//เรา: เราแค่อยากเป็นเพื่อนกับแก อยากรู้จักแก//
//A: แกเห็นข่าวเมื่อเช้าปะ เราเองที่เป็นคนกินนมกล่องนั้น เราติดเชื้อไวรัส HIV
//A: แกรู้งี้ แกยังอยากเป็นเพื่อนกับเราอยู่ปะ//
ตอนนั้นความรู้สึกเราไม่ได้กลัวหรือรังเกียจ A เลย
เราอยากเป็นเพื่อนกับ A เหมือนเดิม อยากรู้จัก A เหมือนเดิม แต่ A ได้บอกเราอีกว่า
“เรากลัวการบอกเรื่องนี้กับคนอื่นมากเลย เรารู้นะว่าคนเขาไม่ได้รังเกียจแต่สุดท้ายเขาก็จะแบ่งแยกเราออกมา สุดท้ายเราก็โดนนินทา เราก็อยากใช้ชีวิตแบบคนปกติอะ เราไม่อยากให้คนมองเราด้วยความกลัว เรากลัวถ้าเราบอกไปเราจะเข้ากับสังคมไม่ได้”
พอจบประโยคนี้ที่ A พูดเสร็จ เราทั้งเข้าใจทั้งเห็นใจ แต่ซึ้งได้ไม่นาน A
เพราะ A บอกเราว่าให้เราเขียนกะทู้เรื่องของ A
ความรู้สึกเราทั้งตกใจและงงมากๆ
ตอนนั้นเราไม่อยากเขียนเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของ A
แต่ A ก็พูดออกมาว่า
"เราไม่ได้ต้องการให้ทุกคนรักหรือยอมรับเราทั้งหมดสะหน่อย เราแค่อยากให้ทุกคนมองด้วยหัวใจ ไม่ใช่ความกลัว"
ในหัวเราคิด ทำไม Aถึงไม่ไปเป็นคนแต่งประโยคซึ้งดูเพื่อชีวิตหน่อยๆที่คนรุ่นพ่อรุ่นแม่เขาชอบเอามาลงเฟสกัน 55555555
2วันถัดมา เราเริ่มที่จะเรียนรู้ในการอยู่ใกล้ชิดกับ A ได้ไปเที่ยวด้วยกัน ดูหนัง กินข้าว อยู่ด้วยกัน
ตัวติดกันสุดๆ เอาที่จริง มันแบบปกติมาก เราไม่ได้คิดว่า A จะเป็นอะไร เป็นยังไง เพราะที่ A เป็นอยู่มันก็กินยาต้านได้ ทำให้ไม่สามารถแพร่เชื้อ
มีวิธีการรักษาต่างๆ
สุดท้ายนี้เรากับ A อยากให้ทุกคนที่ได้อ่านกะทู้นี้ ลองเปิดใจและไม่แบ่งแยกหรือมองว่าเขาเป็นตัวอะไรในสังคม ให้มองว่าเขาก็เป็นคนคนนึงที่ใช้ชีวิตปกติ มีความรู้สึกเหมือนกับเรา
‘‘แล้วพวกคุณล่ะ พร้อมที่จะเปิดใจยอมรับแล้วหรือยัง’’