"หงส์ไทย" แบรนด์ทรงพลังแห่งปี 2024 ที่เกิดจากการลงเรียนหลักสูตร กศน. ในราคา 200 บาท

ถอดบทเรียน "หงส์ไทย" แบรนด์ทรงพลังแห่งปี 2024 ที่เกิดจากการลงเรียนหลักสูตร กศน. ในราคา 200 บาท

จากภาพการดมยาดม "หงส์ไทย" ของนักกีฬายกน้ำหนัก “ฟ่าง-ธีรพงศ์ ศิลาชัย” ในมหกรรมการแข่งขันปารีส โอลิมปิก 2024 ที่เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ ต่อเนื่องไปถึงภาพของนักกีฬาอีสปอร์ตที่มีการดมยาดม และส่งต่อให้กับนักกีฬาคู่แข่ง หรือการที่ศิลปินดังอย่าง "ลิซ่า-BLACKPINK" เลือกหยิบมาหงส์ไทยขึ้นมาสูดดม
ปรากฏการณ์เหล่านี้ได้ทำให้ "หงส์ไทย" กลายเป็นแบรนด์แห่งความร้อนแรงแห่งปี 2024 ที่ใครก็ยากจะตามทัน และนั่นทำให้คุณเก่ง - ธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้ก่อตั้งและเจ้าของ บริษัท สมุนไพรไทย หงส์ไทย จำกัด ออกมาถ่ายทอดเบื้องหลังความสำเร็จของหงส์ไทย ผ่านเวที CMO Council ของสมาคมการตลาดแห่งประเทศไทยที่จัดร่วมกับ Accenture Song โดยประสบการณ์การสร้างหงส์ไทยของคุณเก่งเริ่มต้นจากความล้มเหลวของแบรนด์ในยุคแรก

"เราเริ่มจากไปเรียนที่ กศน. หาอาชีพเสริม เราเรียนทำพิมเสนน้ำ ค่าเรียนสองร้อยบาท แต่ตอนนั้น เรายังคิดไม่เป็น คิดแค่ว่าเป็นรายได้เสริม แต่ทำไปก็ไม่มียอดขาย ก็เลยต้องหยุดผลิตไป มีแค่ลูกค้าบอกว่าดี แรงนะ หอมนะ"

"หลังจากนั้น ตอนอายุ 24 ย่าง 25 เราถูกรถชน ก็เลยกลับมาทำพิมเสนน้ำอีกรอบหนึ่ง แต่คราวนี้เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนกลุ่มลูกค้า ซึ่งก็เริ่มดีขึ้น แต่ในรอบสอง เราพบว่า ลูกค้ามาถามเราว่า ขอราคาส่ง 15 บาทได้ไหม จาก 28 บาท ซึ่งถ้าเราให้ได้ เขาก็รับ แต่ราคา 15 บาทของจะไม่มีคุณภาพนะ เราก็เลยไม่ทำ ทำให้ต้องปิดตัวไปโดยปริยาย เป็นการปิดรอบสอง"

"จากนั้น เราก็เลยไปตระเวณหาลูกค้าเก่า เขาก็ถามว่า หายไปไหนมา เขาตามหาเรามาตลอด 2 ปีกว่า ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นไปได้อย่างไร วันนั้นก็เลยตกผลึก เป็นจิ๊กซอว์ตัวแรกว่าการที่เราไม่ลดคุณภาพ จะทำให้สินค้าของเราไม่มีวันตาย มันเหมือนการถูกปลุกให้ตื่น ๆ ๆ"

หาอินไซต์ในตลาดที่ไร้ลูกค้า

สิ่งที่คุณเก่งทำจนเป็นปกติกับการขายยาดมที่เขาคิดค้นขึ้นก็คือการเดินขายในตลาด พร้อมกับเก็บข้อมูล และสังเกตพฤติกรรมลูกค้า

"เราเคยติดค่าเช่าบ้านนานสี่เดือน มันเลยทำให้เราต้องสู้ชีวิต ก็ตั้งใจว่าจะเดินขายในตลาด แล้วเก็บข้อมูล ลูกค้าอยากได้อะไร เราจะไปพัฒนาขึ้นมาให้ดีที่สุด ความตั้งใจมีเท่านี้"

"สิ่งหนึ่งที่เป็นความยากลำบากมาก ๆ คือไม่มีคนรู้จัก เป็นผู้ชายเดินขาย สะพายย่าม มีถาดในมืออันนึง ส่วนใหญ่เขาก็นึกว่ามิจฉาชีพ ลูกค้าก็จะแบบ อย่าไปซื้อมันนะ ป้ายยาหรือเปล่า เราก็ชวนเขาดมด้วย มันเป็นช่วงแรกที่ยากลำบากมาก ๆ"

"เราก็เดินขายในตลาด ตลาดเช้า เที่ยง เย็น เดินขายจนสี่ทุ่มห้าทุ่ม แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราเดินขายอยู่ได้คือความเข้าใจ เก็บข้อมูล และพัฒนาตัวสินค้า และสิ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจคือคนซื้อ คนไทยดีนะครับ เป็นประเทศที่ให้โอกาส แม้จะให้น้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ให้โอกาสกันเลย พอเราขายได้คนหนึ่งก็ใจฟู เดินไปถูกปฏิเสธอีกร้อยคนก็ใจแฟบ พอมีคนซื้อใจก็ฟูอีก"

"แต่เป้าหมายคือต้องเดินให้หมด แล้วลูกค้าที่ซื้อเราไป จะไม่รู้เลยว่า เขาจะเจอเราอีกทุกเดือน ส่วนคนที่ไม่ซื้อจะไม่เจอเราแล้ว หรือถึงเจอเรา ๆ ก็ไม่ทักแล้ว เพราะนี่คือข้อมูลที่เราเก็บมา"

จนกระทั่งถึงจุดเปลี่ยนในปี พ.ศ. 2562 ที่ได้รับ อย. หลังรอคอยมา 9 ปี และความนิยมของผู้บริโภค ตลอดจนเซลบบริตี้ ที่เกิดจากความบังเอิญ จนได้มูลค่าสื่อมหาศาล และล่าสุดบุกโอลิมปิก

ความปังของการใช้หงส์ไทยจากมหกรรมโอลิมปิก ยังทำให้หงส์ไทยกลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนรายใหญ่ในการมอบเงินสนับสนุนนักกีฬา โดยคุณเก่งเล่าว่า "ตอนนั้นมีลูกค้าส่งข้อความเข้ามาเยอะมากว่า จ้างไปเท่าไร เราก็งง จ้างอะไร เค้าก็ส่งภาพมาให้ดู ว่าช่อง 9 นักข่าวเขาเอาภาพนักกีฬาขึ้นจอ ว่ากำลังดมยาดมของเราอยู่"

"เราก็เลยตัดสินใจมอบเงินอัดฉีดให้นักกีฬา ประมาณสามล้านบาท โดยนักกีฬาที่ได้เหรียญกลับมา คนละ 200,000 บาท ส่วนคนอื่นที่ไม่ได้เหรียญ เรามอบให้คนละ 20,000 บาท นี่คือสิ่งที่เราทำได้

"และในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า เราจะมอบให้กับนักกีฬาพาราลิมปิกอีกเช่นกัน โดยติดต่อช่อง 9 ไปแล้ว ว่าจะจ่ายคนที่ได้เหรียญคนละ 50,000 บาท และคนที่ไปแต่ไม่ได้เหรียญคนละ 20,000 บาท ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ทางช่อง 9 จะเป็นเจ้าภาพมอบรางวัลให้"

ไม่เพียงเท่านั้น คุณเก่งยังได้เผยมุมมองเกี่ยวกับการจ้างบุคคลที่มีชื่อเสียง หรืออินฟลูเอนเซอร์ในการโปรโมตสินค้าได้อย่างน่าสนใจว่า "สมมติเรามีเงินร้อยล้าน แต่จ้างให้เขาพูดในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง ไม่เกินหกเดือน ก็จะกลับไปสู่ความไม่จริงอยู่ดี"

10 สิ่งมหัศจรรย์ที่หงส์ไทยรักษา

อีกข้อหนึ่งที่หลายคนอาจจะอยากทราบ ก็คือยอดขายของหงส์ไทยส่วนใหญ่มาจากช่องทางใด คำถามนี้ คุณสุนาถ ธนสารอักษร กรรมการผู้จัดการ Accenture Song ในฐานะ Moderator ของเวทีบอกว่าเป็นคำถามที่สำคัญมาก รวมถึงมีการคาดเดาจากผู้ร่วมงานไว้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็น 7-Eleven, ช่องทางออนไลน์ ฯลฯ

ซึ่งคุณเก่งตอบคำถามนี้ว่า “ยอดขายที่มากที่สุดมาจากลูกค้าชุดแรก สมัยที่เขายังเดินขายตามตลาดนัด”

“เราไม่ได้โตเพราะยี่ปั๊ว ซาปั๋ว เราเกิดจากตลาด และตลาดนำพาให้ไปเจอบุคคลที่ไม่ได้มีความพร้อมด้านการค้า อาจเป็นคนขายกาแฟ คนทำงานโรงงาน ซึ่งเราพบว่า ยอดขายส่วนใหญ่ของเรามาจากคนกลุ่มที่เจอกันครั้งแรก ปัจจุบันยังเติบโต และยังมีคุณค่ามากที่สุด เป็นแค่ลูกค้าที่เจอกัน และสนิทสนมกัน และศรัทธาในสิ่งที่เราเป็น”

“ตอนนี้มีลูกค้าที่เคยเป็นพนักงานนันยาง สั่ง 3,500 โหลต่อสัปดาห์ เขาเป็นลูกค้าสมัยต้น ๆ ที่ยังไม่มีคนรู้จัก ผมจะมีลูกค้าสมัยต้น ๆ แบบนี้ ประมาณ 10 คน ที่ผมเรียกเขาว่าสิ่งมหัศจรรย์ เขาไม่ได้เป็นร้านส่ง แต่เป็นบุคคลทั่วไป แล้วปัจจุบันนี้ ทุก ๆ หนึ่งปีจะต้องไปกินข้าวกับ 10 สิ่งมหัศจรรย์ทุกปี แล้วคือกินข้าวก็ไม่ได้กินแบบยกระดับนะ วันที่ไม่มีคนรู้จัก กินที่ไหน วันนี้ก็ยังกินที่นั่นอยู่”

ที่มา : brandbuffet
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่