ใครมีประสบการณ์รักครั้งเก่าโคตรจะฝังใจบ้างมั้ยคะ ???
จขกท. จะมาแชร์เรื่องราวความรักที่ทำให้ผู้หญิงคนนึงรู้สึกติดอยู่ในใจลึกๆ เหมือนกัน แม้ว่าจะเลิกรากันไปนานมากแล้วก็ตาม
เรื่องมีอยู่ว่า จขกท. คบกับแฟนเก่าสมัยเรียนมหาลัยจนกระทั่งเรียนจบและเริ่มทำงาน ประมาณ 5-6 ปีที่คบกัน เรียกได้ว่าเป็นรักวัยรุ่นที่ทะเลาะกันบ่อย แต่ไม่หนักหนาอะไร เป็นเพื่อนเรียนสาขาเดียวกัน คณะเดียวกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน มีคิดถึงอนาคต และวางแผนกันว่าจะเก็บเงินสร้างครอบครัวหลังเรียนจบ ในระหว่างที่คบกันเป็นแฟนก็ตัวติดกันมากๆ
แต่จุดเปลี่ยนมันเริ่มที่เรียนจบและต่างฝ่ายต่างเริ่มทำงาน แฟนเก่าเราที่เป็นผู้ชายก็เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ เริ่มใส่ใจเราน้อยลง ชอบไปไหนมาไหน ไปเที่ยวไปทำกิจกรรมกับเพื่อนที่ทำงานมากกว่าเรา และมีพฤติกรรมแปลกๆ คือ ดูแลตัวเองประมาณห่วงหล่อแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเหมือนจะมีลับลมคมในไม่ให้เราเช็คโซเชียลแล้ว (เมื่อครั้งนั้นเรายังเด็กก็คือมีรหัสผ่านของแฟนเก่าทุก account)
นั่นแหละค่ะ...พอมีอาการแปลกๆ เหล่านั้นไม่นานมากเราก็เลิกรากับแฟนเก่า โดยเค้าให้เหตุผลว่าไม่ได้มีคนอื่น แค่รู้สึกว่าไม่ได้รักเรามาสักพักแล้ว ที่ยังอยู่ก็คือขอให้เราทำใจ เพราะเรายังไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องการเลิกรามาก่อน แล้วเค้าก็ย้ายออก คืนเงินที่ช่วยกันเก็บในส่วนของเราให้ ตอนนั้นทุกฝ่ายก็เสียใจรวมถึงพ่อแม่ของพวกเราด้วย และต่างฝ่ายก็ค่อยๆ เฟดออกจากกัน เหมือนไม่รู้จักกัน
สิ่งที่ทำให้เราติดใจก็คือ เรารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองไปสักพักใหญ่เลยค่ะ คิดว่าตัวเองไม่ดี เป็นเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางรึเปล่า ช่วงนั้นก็คือออกกำลังกาย คุมอาหารหนัก เพื่อให้ตัวเองดูดี เพราะเราไม่มั่นใจในตัวเองและอยากกลบจุดด้อย จุดอ่อนที่เราถูกผู้ชายทิ้ง อยู่เป็นโสดอย่างนั้นพักใหญ่เกือบ 2 ปีเลยค่ะ ระหว่างทางเราก็มีโทรหาเค้าบ้าง พอคุยกันก็รู้เลยว่าเค้าดูไม่ค่อยเต็มใจอยากคุยกับเรา แต่ก็ยังรับสายเรา ซึ่งเค้าไม่เคยโทรหาเราก่อนเลยสักครั้ง จนวันหนึ่งเราก็รู้ว่าเค้ามีแฟนใหม่ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานของเค้า (และแต่งงานกันด้วยค่ะ) และเซ้นท์ผู้หญิงของเราก็จับได้ในทันทีว่า คนนี้แหละที่เรารู้สึกได้ตั้งแต่แรกก่อนจะเลิกกัน เพราะผู้หญิงคนนี้เคยโทรแชทบ้านฟ้าหาแฟนเก่าเราตอนที่ยังไม่เลิกกัน
เราก็ถามแฟนเก่าเราไปตรงๆ เลยค่ะว่าเขาคบกับผู้หญิงคนนี้ก่อนเลิกกับเราหรือเปล่า ซึ่งเขาก็ตอบว่า “ไม่ใช่” เราก็ไม่ได้เซ้าซี่และเลือกที่จะเชื่อแบบนั้น ต่อให้คำตอบนั้นเขาจะพูดจริงหรือโกหกมันก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับเราแล้ว และหลังจากนั้น เราก็ไม่เคยโทรหา ติดต่อแฟนเก่าอีกเลย เราอันเฟรนด์ทุกโซเชียลเพื่อไม่ต้องรับรู้เรื่องราวของเขา มันก็สบายใจดีค่ะ
และเราก็เปิดใจ มีแฟนใหม่เช่นกัน และมีโอกาสได้เจอกับแฟนเก่าในงานแต่งของเพื่อน เพราะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เราก็ทักทาย แต่ความรู้สึกไม่ปกติหรอกค่ะเรารับรู้ได้ ทั้งสองฝ่ายก็กระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง อย่างที่ว่ากันว่า คนเราไม่สามารถเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ ก็คงมี จขกท. คนนึงละค่ะที่คงไม่สามารถทำใจเป็นเพื่อนกันได้ เพราะจิตใจเราเองก็บอบช้ำอยู่บ้าง แต่เราไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเกลียดนะคะ แค่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะเผชิญหน้าแค่นั้น แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ เราเองก็ต้องเชิ่ดหน้าเข้าไว้ เพราะเราเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้ามีใครที่จะต้องรู้สึกอาย คนๆ นั้นคงไม่ใช่เรา
สิ่งที่ทำให้ จขกท. รู้สึกติดอยู่ในใจ คงเป็นตอนจบของคนที่มั่นคงในความรัก แม้ตอนนั้นเราจะยังเด็ก แต่ก็ยอมรับเลยค่ะว่าเสียใจและเสียเซลฟ์มากๆ ที่เป็นคนถูกทิ้ง แต่เรื่องราวมันก็ผ่านมานานสักพักแล้ว จขกท. ก็บอกตัวเองว่ามูฟออนแหละ ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว ในวันข้างหน้าก็คงไม่ได้โคจรมาพบเจอกันอีกแล้ว
แชร์ประสบการณ์แฟนเก่า รักครั้งนั้นยังฝังใจ
จขกท. จะมาแชร์เรื่องราวความรักที่ทำให้ผู้หญิงคนนึงรู้สึกติดอยู่ในใจลึกๆ เหมือนกัน แม้ว่าจะเลิกรากันไปนานมากแล้วก็ตาม
เรื่องมีอยู่ว่า จขกท. คบกับแฟนเก่าสมัยเรียนมหาลัยจนกระทั่งเรียนจบและเริ่มทำงาน ประมาณ 5-6 ปีที่คบกัน เรียกได้ว่าเป็นรักวัยรุ่นที่ทะเลาะกันบ่อย แต่ไม่หนักหนาอะไร เป็นเพื่อนเรียนสาขาเดียวกัน คณะเดียวกัน มีเพื่อนกลุ่มเดียวกัน มีคิดถึงอนาคต และวางแผนกันว่าจะเก็บเงินสร้างครอบครัวหลังเรียนจบ ในระหว่างที่คบกันเป็นแฟนก็ตัวติดกันมากๆ
แต่จุดเปลี่ยนมันเริ่มที่เรียนจบและต่างฝ่ายต่างเริ่มทำงาน แฟนเก่าเราที่เป็นผู้ชายก็เริ่มเปลี่ยนไปค่ะ เริ่มใส่ใจเราน้อยลง ชอบไปไหนมาไหน ไปเที่ยวไปทำกิจกรรมกับเพื่อนที่ทำงานมากกว่าเรา และมีพฤติกรรมแปลกๆ คือ ดูแลตัวเองประมาณห่วงหล่อแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเหมือนจะมีลับลมคมในไม่ให้เราเช็คโซเชียลแล้ว (เมื่อครั้งนั้นเรายังเด็กก็คือมีรหัสผ่านของแฟนเก่าทุก account)
นั่นแหละค่ะ...พอมีอาการแปลกๆ เหล่านั้นไม่นานมากเราก็เลิกรากับแฟนเก่า โดยเค้าให้เหตุผลว่าไม่ได้มีคนอื่น แค่รู้สึกว่าไม่ได้รักเรามาสักพักแล้ว ที่ยังอยู่ก็คือขอให้เราทำใจ เพราะเรายังไม่ได้เตรียมใจกับเรื่องการเลิกรามาก่อน แล้วเค้าก็ย้ายออก คืนเงินที่ช่วยกันเก็บในส่วนของเราให้ ตอนนั้นทุกฝ่ายก็เสียใจรวมถึงพ่อแม่ของพวกเราด้วย และต่างฝ่ายก็ค่อยๆ เฟดออกจากกัน เหมือนไม่รู้จักกัน
สิ่งที่ทำให้เราติดใจก็คือ เรารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเองไปสักพักใหญ่เลยค่ะ คิดว่าตัวเองไม่ดี เป็นเพราะนิสัยที่เอาแต่ใจ ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางรึเปล่า ช่วงนั้นก็คือออกกำลังกาย คุมอาหารหนัก เพื่อให้ตัวเองดูดี เพราะเราไม่มั่นใจในตัวเองและอยากกลบจุดด้อย จุดอ่อนที่เราถูกผู้ชายทิ้ง อยู่เป็นโสดอย่างนั้นพักใหญ่เกือบ 2 ปีเลยค่ะ ระหว่างทางเราก็มีโทรหาเค้าบ้าง พอคุยกันก็รู้เลยว่าเค้าดูไม่ค่อยเต็มใจอยากคุยกับเรา แต่ก็ยังรับสายเรา ซึ่งเค้าไม่เคยโทรหาเราก่อนเลยสักครั้ง จนวันหนึ่งเราก็รู้ว่าเค้ามีแฟนใหม่ซึ่งเป็นรุ่นพี่ที่ทำงานของเค้า (และแต่งงานกันด้วยค่ะ) และเซ้นท์ผู้หญิงของเราก็จับได้ในทันทีว่า คนนี้แหละที่เรารู้สึกได้ตั้งแต่แรกก่อนจะเลิกกัน เพราะผู้หญิงคนนี้เคยโทรแชทบ้านฟ้าหาแฟนเก่าเราตอนที่ยังไม่เลิกกัน
เราก็ถามแฟนเก่าเราไปตรงๆ เลยค่ะว่าเขาคบกับผู้หญิงคนนี้ก่อนเลิกกับเราหรือเปล่า ซึ่งเขาก็ตอบว่า “ไม่ใช่” เราก็ไม่ได้เซ้าซี่และเลือกที่จะเชื่อแบบนั้น ต่อให้คำตอบนั้นเขาจะพูดจริงหรือโกหกมันก็คงไม่เกี่ยวอะไรกับเราแล้ว และหลังจากนั้น เราก็ไม่เคยโทรหา ติดต่อแฟนเก่าอีกเลย เราอันเฟรนด์ทุกโซเชียลเพื่อไม่ต้องรับรู้เรื่องราวของเขา มันก็สบายใจดีค่ะ
และเราก็เปิดใจ มีแฟนใหม่เช่นกัน และมีโอกาสได้เจอกับแฟนเก่าในงานแต่งของเพื่อน เพราะเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน เราก็ทักทาย แต่ความรู้สึกไม่ปกติหรอกค่ะเรารับรู้ได้ ทั้งสองฝ่ายก็กระอักกระอ่วนใจอยู่บ้าง อย่างที่ว่ากันว่า คนเราไม่สามารถเป็นเพื่อนกับแฟนเก่าได้ ก็คงมี จขกท. คนนึงละค่ะที่คงไม่สามารถทำใจเป็นเพื่อนกันได้ เพราะจิตใจเราเองก็บอบช้ำอยู่บ้าง แต่เราไม่ได้รู้สึกโกรธหรือเกลียดนะคะ แค่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจที่จะเผชิญหน้าแค่นั้น แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้ เราเองก็ต้องเชิ่ดหน้าเข้าไว้ เพราะเราเองก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ถ้ามีใครที่จะต้องรู้สึกอาย คนๆ นั้นคงไม่ใช่เรา
สิ่งที่ทำให้ จขกท. รู้สึกติดอยู่ในใจ คงเป็นตอนจบของคนที่มั่นคงในความรัก แม้ตอนนั้นเราจะยังเด็ก แต่ก็ยอมรับเลยค่ะว่าเสียใจและเสียเซลฟ์มากๆ ที่เป็นคนถูกทิ้ง แต่เรื่องราวมันก็ผ่านมานานสักพักแล้ว จขกท. ก็บอกตัวเองว่ามูฟออนแหละ ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว ในวันข้างหน้าก็คงไม่ได้โคจรมาพบเจอกันอีกแล้ว