สวัสดีครับชาว pantip ทุกคน วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ปลูกผมครบ 1 ปีเต็ม ทั้งการเลือกคลินิก การเตรียมตัว จากเป็นหมอต้องกลายมาเป็นคนไข้ปลูกผม ตลอดระยะเวลากว่าจะครบ 1 ปีเนี่ยเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่าตอนแรกที่ตัดสินใจปลูกผมก็มีความกังวลอยู่บ้างครับ กลัวว่าจะเจ็บและไม่มั่นใจว่าจะออกมาดีมั้ย แล้วก็จะโป๊ะเหมือนที่เคยเห็นของคนอื่นมั้ย แบบว่าปลูกผมมาแล้วดูออกเลยว่าคนนี้น่าจะเคยปลูกผมมานะ ผมค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้ ไม่อยากให้ใครดูออกว่าเราเคยไปปลูกผมมา
ผมมีปัญหาผมข้างหน้ามันเริ่มเว้าลึกเข้าไปกลัวว่าถ้าปล่อยไว้มันจะไปไกลจนฉุดไม่อยู่ แล้วก็ผมตรงกลางหัวก็เริ่มบางด้วยนี่สิกลุ้มไปอีก และแน่นอนว่าจะปลูกผมทั้งทีก็ต้องหาข้อมูลเยอะหน่อย
เอาล่ะมาถึงวิธีการเลือกคลินิกของผมก็คือ ส่วนตัวเลือกจากผลงานของหมอครับ เพราะผมเน้นเรื่องความเป็นธรรมชาติ ลองเข้าไปดูรีวิวในเว็บของแต่ละที่ก็ได้ครับ ดูรูป before after ว่างานเป็นยังไงบ้าง ผมขึ้นหนาดีมั้ย แนวผมเป็นแบบที่เราชอบมั้ย ผมโชคดีอย่างหนึ่งที่ว่าเพื่อนๆ ที่รู้จักเค้าก็เคยปลูกผมมาเหมือนกัน เลยได้ดูงานตัวเป็นๆ ไปอีก ฮ่า แต่ก็ต้องดูเรื่องของประสบการณ์หมอด้วยนะครับ ยิ่งตอนนี้หมอปลูกผมมีเยอะมาก แต่ในไทยมีไม่กี่คนเองที่จบอเมริกันบอร์ดปลูกผมโดยตรง ก็ถือว่าเอามาใช้เป็นเกณฑ์การเลือกที่ดี
สรุปแล้วผมก็ตัดสินใจเลือกปลูกกับคุณหมอพรีมาที่ hairsmith clinic ครับ เพราะส่วนตัวชอบการออกแบบแนวผมของที่นี่ บวกกับมีคนรู้จักหลายคนก็แนะนำให้มาปลูกที่นี่ด้วย ก็เลยค่อนข้างมั่นใจครับ
ส่วนตัวผมเป็นคนขี้กังวลมาก แต่หลังจากปรึกษากับคุณหมอพรีมแล้วมั่นใจขึ้นเยอะ ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ปลูกปรับแนวผมด้านหน้า ส่วนตรงกลางหัวให้ลองทานยาปลูกผมดูก่อน ถ้าหนาขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินปลูกผมอีก เพราะยาปลูกผมทางคลินิกมีให้ในแพคเกจอยู่แล้วตั้งปีนึงแน่ะ คุณหมออธิบายขั้นตอนทุกอย่างให้เข้าใจแบบละเอียดยิบ และด้วยประสบการณ์ของคุณหมอ เห็นว่าพึ่งสอบต่ออายุอเมริกันบอร์ดครบ 10 ปี ดูแล้วมีประสบการณ์ปลูกผมผมมานานพอสมควรเลยทีเดียว ผมเลยตัดสินใจเลือกที่นี่ครับ
การเตรียมตัวก่อนปลูกผม
ไม่มีอะไรมากครับ นอนให้พอ กินข้าวเช้าไปให้พร้อม งดวิตามิน ยาตามที่คุณหมอบอกก่อนสองอาทิตย์ ไม่ต้องสระผมหรือตัดผมไปก็ได้เพราะทางคลินิกเค้าจัดการให้หมด และที่สำคัญคือเตรียมใจครับ
มาเข้าเรื่องวันปลูกผมกันเลยนะครับ หลังจากปรึกษาคุณหมอแล้วก็ได้จองคิวปลูกผมไว้ ผมต้องจองคิวล่วงหน้าประมาณเดือนสองเดือน พอถึงวันปลูกก็ตื่นเต้นมาก กรอกเอกสาร เตรียมตัวอะไรเสร็จ คุณหมอจะออกแบบแนวแฮร์ไลน์ให้เราอีกรอบเอาจนกว่าเราพอใจเลยครับ ของผมไม่ได้ต้องการให้หน้าผากแคบมากจนดูแปลก คุณหมอเลยวาดแนวผมลงมาแบบพอดีกับสัดส่วนหน้าของเรา ดีไซน์ให้เส้นแนวผมดูไม่ตรงจนเกินไป แต่เวลาผมขึ้นก็จะดูเป็นธรรมชาติครับ
ตอนเข้าห้องผ่าตัดก็กังวลอีกกลัวเจ็บ ตอนเข้าไปคุณหมอจะให้เรานอนคว่ำก่อน เป็นขั้นตอนเจาะเอารากผมออกมา ของผมทำวิธี fue หรือ dhi นั่นแหละครับ ราคาปลูกผมของที่นี่เริ่มต้น 49000 ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของแต่ละคน พอเริ่มฉีดยาชาเท่านั้นแหละ อื้อหือออ ไม่เจ็บเลยครับ คุณหมอทำได้ยังไงมือเบามาก แต่ความเจ็บก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนอ่ะนะ สำหรับผมคือชิลล์ ที่กลัวเจ็บตอนแรกหายไปหมดเลย ตอนนอนคว่ำจะเมื่อยนิดหน่อย พอเจาะเสร็จเค้าจะให้พักกินข้าวก่อน แล้วก็ลุยกันต่อในพาร์ทของการปลูกผมครับ ช่วงนี้นอนสบายหน่อยเพราะได้นอนหงาย ผมหลับไปหลายตื่นอยู่เหมือนกัน ใช้เวลาปลูกทั้งหมดประมาณ 6 ชั่วโมง เพราะผมเลือกปลูกแทรกผมด้านหน้าด้วย เอาจริงๆ ถือว่าเร็วอยู่นะ ถ้าเทียบกับเพื่อนผมที่เคยปลูกกับที่อื่นที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน ยิ่งเร็วยิ่งดีครับเพราะมันจะมีเรื่องของกราฟท์ผมอยู่นอกร่างกายนานก็ไม่ดี อัตรารอดของเซลล์รากผมยิ่งต่ำไปอีก แต่ปลูกเร็วจนไม่เก็บรายละเอียดอะไรเลยก็ไม่ดีเหมือนกันครับ
ระยะเวลาพักฟื้นหลังปลูกผม
จริงๆ แทบไม่ต้องพักฟื้นอะไรเลยครับ เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ไปทำงานเลย วันแรกผ่านไปหลังจากปลูกผม มีระบมนิดหน่อยแต่นอนหลับได้สบายครับ ทางคลินิกให้ยาแก้ปวด และยาฆ่าเชื้อมาด้วย เค้าจะนัดให้เข้าไปสระผมหลังปลูกผมประมาณสองวันหรือถ้าถึงสองอาทิตย์แล้วจะให้เค้าช่วยล้างสะเก็ดแผลออกก็ได้เหมือนกันครับ ช่วงแรกจะใช้ชีวิตยากหน่อยเพราะต้องคอยระวังตอนสระผม ตอนนอน กลัวเผลอเอามือไปเกาตรงที่ปลูก ส่วนแผลข้างหลังที่เจาะเอารากผมออกมาก็หายสนิทแล้ว รูปตอนสองอาทิตย์นะครับ บางส่วนผมยาวต่อ บางเส้นร่วงไปก็มี
ตอนครบ 2 เดือน เริ่มมีผมขึ้นเป็นเส้นบางๆ แล้วแต่ยังดูไม่หนาครับ ช่วงนี้ก็ใช้ชีวิตได้ตามปกติเลย ออกกำลังกาย สระผม ขยี้ผมได้ ย้อมผมก็ได้แล้วเหมือนกันครับ
อันนี้เป็นตอน 6 เดือนครับ นัดติดตามผลครั้งที่ 3 คุณหมอบอกว่าผมหนาขึ้นแบบเห็นได้ชัดเลยนะเนี่ย ดูเนียนไปกับผมเดิมของเราเลยครับ
ในช่วงครึ่งปีหลังจนถึงครบปีนึงเนี่ย แนวผมที่ปลูกไว้เริ่มดูเต็มและแน่นขึ้นเรื่อยๆ เลย ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เห็นรอยปลูกหรือแผลใดๆ ตอนนี้คือเซ็ตผมฉ่ำ เวลาต้องถ่ายงานของคลินิกผมเองก็มั่นใจมากขึ้นครับ ออกกล้องแบบไม่เขินคนไข้อีกต่อไป ผลลัพธ์ที่ได้คือแนวผมเหมือนกับผมธรรมชาติทุกอย่าง จนแทบไม่มีใครดูออกออกเลยว่าเคยปลูกผมมาเลย
เพื่อนๆ คิดว่าผลลัพธ์เป็นยังไงบ้างครับ ส่วนตัวผมชอบมาก พอดูรูปตัวเองเมื่อก่อนกับตอนนี้ผมหนาทำให้ดูเล็กลงเยอะเลย ต้องขอบคุณคุณหมอพรีมและทีมงานมากๆ ครับ เพราะไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ที่ออกมาดีอย่างเดียว แต่ตั้งแต่กระบวนการปรึกษา การปลูกผม ไปจนถึงการดูแลหลังปลูก ทุกอย่างดูแลดีมาก คุณหมอพรีมมีความเชี่ยวชาญสูงและเก็บรายละเอียดทุกเม็ดจริงๆ
สำหรับผมผมรู้สึกคิดไม่ผิดที่ทำที่นี่เลยอยากมาแชรืประสบการณ์ตรงว่า Hairsmith Clinic กับคุณหมอพรีมโอเคมากครับในความคิดส่วนตัว ใครๆก็บอกว่าราคาปลูกผมไม่ใช่ถูกๆ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าความมั่นใจที่ได้กลับมามันประเมินค่าไม่ได้จริงๆ ครับ
[CR] จากเป็นหมอต้องกลายมาเป็นคนไข้ปลูกผม 1 ปีที่ผ่านมาเจออะไรบ้าง
ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นก่อนว่าตอนแรกที่ตัดสินใจปลูกผมก็มีความกังวลอยู่บ้างครับ กลัวว่าจะเจ็บและไม่มั่นใจว่าจะออกมาดีมั้ย แล้วก็จะโป๊ะเหมือนที่เคยเห็นของคนอื่นมั้ย แบบว่าปลูกผมมาแล้วดูออกเลยว่าคนนี้น่าจะเคยปลูกผมมานะ ผมค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้ ไม่อยากให้ใครดูออกว่าเราเคยไปปลูกผมมา
ผมมีปัญหาผมข้างหน้ามันเริ่มเว้าลึกเข้าไปกลัวว่าถ้าปล่อยไว้มันจะไปไกลจนฉุดไม่อยู่ แล้วก็ผมตรงกลางหัวก็เริ่มบางด้วยนี่สิกลุ้มไปอีก และแน่นอนว่าจะปลูกผมทั้งทีก็ต้องหาข้อมูลเยอะหน่อย
สรุปแล้วผมก็ตัดสินใจเลือกปลูกกับคุณหมอพรีมาที่ hairsmith clinic ครับ เพราะส่วนตัวชอบการออกแบบแนวผมของที่นี่ บวกกับมีคนรู้จักหลายคนก็แนะนำให้มาปลูกที่นี่ด้วย ก็เลยค่อนข้างมั่นใจครับ
ส่วนตัวผมเป็นคนขี้กังวลมาก แต่หลังจากปรึกษากับคุณหมอพรีมแล้วมั่นใจขึ้นเยอะ ซึ่งคุณหมอแนะนำให้ปลูกปรับแนวผมด้านหน้า ส่วนตรงกลางหัวให้ลองทานยาปลูกผมดูก่อน ถ้าหนาขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินปลูกผมอีก เพราะยาปลูกผมทางคลินิกมีให้ในแพคเกจอยู่แล้วตั้งปีนึงแน่ะ คุณหมออธิบายขั้นตอนทุกอย่างให้เข้าใจแบบละเอียดยิบ และด้วยประสบการณ์ของคุณหมอ เห็นว่าพึ่งสอบต่ออายุอเมริกันบอร์ดครบ 10 ปี ดูแล้วมีประสบการณ์ปลูกผมผมมานานพอสมควรเลยทีเดียว ผมเลยตัดสินใจเลือกที่นี่ครับ
การเตรียมตัวก่อนปลูกผม
ไม่มีอะไรมากครับ นอนให้พอ กินข้าวเช้าไปให้พร้อม งดวิตามิน ยาตามที่คุณหมอบอกก่อนสองอาทิตย์ ไม่ต้องสระผมหรือตัดผมไปก็ได้เพราะทางคลินิกเค้าจัดการให้หมด และที่สำคัญคือเตรียมใจครับ
มาเข้าเรื่องวันปลูกผมกันเลยนะครับ หลังจากปรึกษาคุณหมอแล้วก็ได้จองคิวปลูกผมไว้ ผมต้องจองคิวล่วงหน้าประมาณเดือนสองเดือน พอถึงวันปลูกก็ตื่นเต้นมาก กรอกเอกสาร เตรียมตัวอะไรเสร็จ คุณหมอจะออกแบบแนวแฮร์ไลน์ให้เราอีกรอบเอาจนกว่าเราพอใจเลยครับ ของผมไม่ได้ต้องการให้หน้าผากแคบมากจนดูแปลก คุณหมอเลยวาดแนวผมลงมาแบบพอดีกับสัดส่วนหน้าของเรา ดีไซน์ให้เส้นแนวผมดูไม่ตรงจนเกินไป แต่เวลาผมขึ้นก็จะดูเป็นธรรมชาติครับ
ตอนเข้าห้องผ่าตัดก็กังวลอีกกลัวเจ็บ ตอนเข้าไปคุณหมอจะให้เรานอนคว่ำก่อน เป็นขั้นตอนเจาะเอารากผมออกมา ของผมทำวิธี fue หรือ dhi นั่นแหละครับ ราคาปลูกผมของที่นี่เริ่มต้น 49000 ขึ้นอยู่กับพื้นที่ของแต่ละคน พอเริ่มฉีดยาชาเท่านั้นแหละ อื้อหือออ ไม่เจ็บเลยครับ คุณหมอทำได้ยังไงมือเบามาก แต่ความเจ็บก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนอ่ะนะ สำหรับผมคือชิลล์ ที่กลัวเจ็บตอนแรกหายไปหมดเลย ตอนนอนคว่ำจะเมื่อยนิดหน่อย พอเจาะเสร็จเค้าจะให้พักกินข้าวก่อน แล้วก็ลุยกันต่อในพาร์ทของการปลูกผมครับ ช่วงนี้นอนสบายหน่อยเพราะได้นอนหงาย ผมหลับไปหลายตื่นอยู่เหมือนกัน ใช้เวลาปลูกทั้งหมดประมาณ 6 ชั่วโมง เพราะผมเลือกปลูกแทรกผมด้านหน้าด้วย เอาจริงๆ ถือว่าเร็วอยู่นะ ถ้าเทียบกับเพื่อนผมที่เคยปลูกกับที่อื่นที่ใช้เวลาค่อนข้างนาน ยิ่งเร็วยิ่งดีครับเพราะมันจะมีเรื่องของกราฟท์ผมอยู่นอกร่างกายนานก็ไม่ดี อัตรารอดของเซลล์รากผมยิ่งต่ำไปอีก แต่ปลูกเร็วจนไม่เก็บรายละเอียดอะไรเลยก็ไม่ดีเหมือนกันครับ
ระยะเวลาพักฟื้นหลังปลูกผม
จริงๆ แทบไม่ต้องพักฟื้นอะไรเลยครับ เพราะเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ไปทำงานเลย วันแรกผ่านไปหลังจากปลูกผม มีระบมนิดหน่อยแต่นอนหลับได้สบายครับ ทางคลินิกให้ยาแก้ปวด และยาฆ่าเชื้อมาด้วย เค้าจะนัดให้เข้าไปสระผมหลังปลูกผมประมาณสองวันหรือถ้าถึงสองอาทิตย์แล้วจะให้เค้าช่วยล้างสะเก็ดแผลออกก็ได้เหมือนกันครับ ช่วงแรกจะใช้ชีวิตยากหน่อยเพราะต้องคอยระวังตอนสระผม ตอนนอน กลัวเผลอเอามือไปเกาตรงที่ปลูก ส่วนแผลข้างหลังที่เจาะเอารากผมออกมาก็หายสนิทแล้ว รูปตอนสองอาทิตย์นะครับ บางส่วนผมยาวต่อ บางเส้นร่วงไปก็มี
สำหรับผมผมรู้สึกคิดไม่ผิดที่ทำที่นี่เลยอยากมาแชรืประสบการณ์ตรงว่า Hairsmith Clinic กับคุณหมอพรีมโอเคมากครับในความคิดส่วนตัว ใครๆก็บอกว่าราคาปลูกผมไม่ใช่ถูกๆ แต่ส่วนตัวผมคิดว่าความมั่นใจที่ได้กลับมามันประเมินค่าไม่ได้จริงๆ ครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้