สวัสดีครับ:วันนี้ผมจะมาเล่าเกี่ยวกับความรักของผมกันครับ
ย้อนกลังไปเมื่อสมัยผมอยู่(ปวช.1)ในตอนนั้นผมกำลังจะสมัครเรียนแล้วตอนนั้นผมไปค่อยข้างที่จะสายแหละ จังหวะนั้นผมได้เจอที่ว่างอยู่ที่นึงเลยเข้าไปนั่งปกติ และในตอนนั้นเองผมก็ได้เจอเขา เขาไม่ได้หน้าตา,ไม่สวย,ไม่น่ารัก(แต่เขาเป็นคนดีมากคนนึงในสายตาผม)ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร คิดอย่างเดียวจะต้องรีบสมัครเรียนให้เสร็จเพราะถ้าผมเสร็จแล้ว ผมก็จะได้ไปเที่ยวต่อ ก็เลยนั่งข้างเขา ใน(ตอนนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เจอพ่อเขา) พอผมเสร็จธุระผมจึงรีบไปเที่ยวต่อ ล่วงเลยจนถึงเปิดเทอม มันก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาอยู่ห้องเดียวกันกับผม ในตอนนั้นผมก็เรียนจนกระทั่ง ผมเจอผู้หญิงคนนึง(เรียกคนคุยดีกว่าเพราะผมแทบจะไม่ได้จับมือหรือทำหน้าที่แฟนเลย คบคุยกันได้2อาทิตย์ เราก็เลิกคุยเลิกคบกัน ตอนนั้นผนรู้Sad🥀มากๆ
จนกระทั่งเขาก็มาปลอบผม เข้ามาคุยกับผมทุกวันจนเกิดความสนิท และมันก็ทำให้ผมรู้สึกชอบเขา เขาก็รู้ชอบผม ตอนนี้มันทำให้รู้จักคำว่า"รัก"แบบเต็มๆ เขารู้ตัวว่าชอบผมแต่เขาเลือกที่ระบายกับเพื่อนเขาที่ตจว. แล้วเพื่อนเขาก็รู้สึกรำคาญที่จะต้องมาทนเขาเพ้อถึงผมเพื่อนจึงทักมาคุยกับผมตรงๆ"เธอชอบเพื่อนหรอ"ตอนแรกผมก็ไม่ได้ตอบไรเพราะก็คำตอบว่าเขาไม่ได้ชอบผม แต่เพื่อนเขาบอกว่า"เเต่เพื่อนเราชอบเธอมากนะ"ในตอนนั้นผมเลยบอกกันเพื่อนเขาไปว่า"ใช่เราก็ชอบเพื่อนเธอ"ในตอนนั้นระหว่างที่ผมได้คุยกับเพิ่อนเขานั่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมคุยกับเพื่อนเขา จนเขารู้สึกเอะใจว่าทำมั่ยถึงหายไปทั้งคู่เลย ผมกับเพื่อนเขาจึงบอกคนจริงไป (ในวันนั้นตรงกับวันที่15/9/62)เป็นวันที่ผมสารภาพความจริงกับเพื่อนเขา แต่ผมกับเขาเราไม่ได้มีใครขอใครเขานะตอนนั้น ในตอนนั้นผมมีความสุข+ความรักที่กำลังเบ่งบานมาก ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่คิดอะไร คิดแต่อยากเจอเขาอยู่กับเขา เราคบกันมีทะเลาะ,ร้องไห้,มีความสุข เมื่อคู่อื่นๆแหละ จนมีอยู่ครั้งนึงผมเคยเกือบเลิกกับเขาเพราะตอนนั้นเราทะเลาะกันหนักมากๆ จนผมคิดในใจว่าการเลิกมันไม่ใช่การแก้ปัญหา เราหันปรับเข้าหากันดีกว่า เขาก็ปรับตัวเพื่อผม ผมก็ทำเพื่อเขา ต่างคนต่างจูนเข้าหากันจนผ่านมันไปได้ จนผ่านมาได้ถึง2ปีกว่าแต่ก็ดูเหมือนจะดีนะจนมาถึงปวช.3เทอม1 มันเป็นช่วงฝึกงานเราจึงไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนทุกที ผมก็ฝึกงานในเมือง ส่วนเขาก็ฝึกงานนอกเมือง ผมฝึกได้ประมาณ1อาทิตย์ ผมมีแัญหากับที่ทำงาน เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวตอนนั้น แต่ที่ทำงานเขามองว่าผมเป็นที่มีแต่ปัญหา ผมเลยมาฝึกที่วล.ตอนแรกก็ฝึดอยู่ดีๆ จนกระทั่งผมรู้สึกปวดท้อง ตอนแรกผมคิดว่สเป็นแค่กรดไหลย้อนเลยไปหาหมอเฉพาะทาง อยู่ได้ประมาณ2-3
อาทิตย์วล.ก็ปิดเพราะตอนนั้นช่วงโควิดพอดี ผมเลยอยู่ที่บ้าน🏡แล้วมีอยู่คืนนึงผมแวดเยี่ยวเลยลุกมาเข้าห้องน้ำแล้วจู่ๆ ผมก็รู้สึกปสดหูมาก จนผมไปบอกแม่ แม่ผมเลยไปหาข้อมูลในเน็ต เขาบอกว่ามีโอกาสที่จะเป็นเนื้องอก ด้วยความกลัว+อยากหายมาก จึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลใกล้บ้านก่อน(เอกชน)หมอเขาก็บอกว่ามีโอกาสเป็นเนื้องอก เขาก็อ่านผลสแกนแล้วอธิบายให้ผมฟัง จนเขาเลยส่งตัวผมไปโรงพยาบาลรัฐ เพราะอุปกรณ์ครบกว่าอยู่ที่นั่นจนถึงวันผ่านตัด(9/9/64)เวลา09.09น. แม่ผมจนได้ไม่ลืม นะตอนนั้นผม,พ่อ,แม่,ญาติๆผมต่างก็กังวลจนกระทั่งผ่านไปด้วยดี ผมรักษาตัวอยู่รพ.ไปไหนไม่ได้ เขาก็อาสาช่วยเดินเรียนการเรียน เอกสารต่างให้ผมทุกอย่างในความคิดผมตอนนั้น (ผมคิดว่าผมโคตรโชคดีเลย)ดูเหมือนว่าจะไปได้ดีนะความรักครั้งนี้ มีพบมันก็ต้องมีจาก วันนึงเขาบอกผมว่าอยากคุยกับผม ผมที่ป่วยต้องการเวลาพักผ่อนจึงไม่ค่อยมีเวลาให้เขาเหมือนก่อน เขาอยากไปไหนผมก็ไม่สามารถพาเขาไปได้ ตอนนั้นผมก็รู้สึกเสียใจนะที่ทำอะไรที่เขาต้องการไม่ได้ ผมเลยตกลงที่จะคุยตอนดึก เพราะช่วงนั้นมันไม่มีใคร ช่วงแรกดีๆแหละพอตอนหลังก็เริ่มเรท บางครั้งก็ไม่โทรหา ผมเลยตีความเลยว่าเขาคงไม่ไหวเพราะเขาตอนตื่นมาคุยกับผม เวลาผ่านไปช่วงนึง เขาคงถึงจุดฟิวขาดเลยบอกผมครงๆว่าเขาต้องการเวลาคุย,อยู่กับผม แต่ผมซึ่งป่วยเลยให้อะไรที่เขาต้องการไม่ได้ ผมที่
โกธรเขาเลยบอกเขาไปว่า"บางที่ความอดทนมันก็มีขีดจำกัด ด้วยความที่ผมโกรธเขาที่เขาไม่เข้าใจผม+ผมยอมปล่อยเขาไปดีกว่าจะได้ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกเลยตัดสินใจ ที่ปล่อยเขาไป ตอนนั้นผมไม่ร้องนะ มันจุกอกมากจนร้องไห้ไม่ออก+ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมเสียใจ เลยฝืนยิ้มตลอด ผ่านไป(1-2วัน)เขาเอาเอกสารมาให้ผมที่บ้านช่วงกลางวัน ผมอยู่กันแม่ด้านล่าง แม่ผมก็นอน ผมก็นอน เขามากับเพื่อนหน้าบ้าน กดกริ๊งเรียก แม่ผมเลยตื่นมาเอกสารแทนผมเพราะลุกไปเอาไม่ได้เพราะผมเดินไม่ได้ แกเลยลุกไปเอาแทน ด้วยความที่พึ่งตื่นนอน แกเลยมีสีหน้าบู๋บี๋ ไม่พอใจ(ตริงไม่มีอะไร) แต่เขาคิดว่าแม่ผมไม่พอใจเขา ทั้งๆที่แม่ผมแกไม่รู้เรื่องอะไรเลย แกมารู้ต้อนแกแอบเห็นแชทผม แกเลยถามผมว่า"เลิกกันแล้วหรือ"ผมบอกว่า"ใช่...เลิกไปเขาจะได้ไปมีความสุขดีกว่า" (ผมมารู้เพราะเพื่อนผมโทรหาเขาและเพื่อนผมก็โทรหาผมพร้อมกัน ผมปิดไมค์แล้วฟังทุกคำ มีอยู่คำนึงที่ผมฟังแล้วเสียใจสุดๆ"เลิกกันเพราะแม่ผม....และเพื่อนเขาบอกว่าเป็นทำร้ายจิตใจเขา"พอผมฟังแบบนั้น ผมแทบเสียใจเลย1.เขาแทบไม่สำนึกเลยว่าเขาเป็นสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา2.เพื่อนบอกว่าผมบอกเลิก..เลยเลิกกับผม คือแบบ🙄😤มากๆ
ปล. ผมคบกับเขามา3ปี ผมไม่เคยเจอครอบครัวเขาเลย ผมคือขอร้องให้เขาพาผมไปหาครอบครัวเขา แต่เขากับบอกว่า "เขากลัวว่าครอบครัวจะรับผมไม่ได้"ผมเลยบอกเขาไปตอนนั้นว่า"มันก็อยู่ที่ตัวผมหรือป่าวว่าจะให้ครอบครัวเขายอมรับผม"
ทุกวันนี้ก็ผ่านมา3ปีแหละ ผมยังจำทุกเรื่อง,ทุกที่ที่เราอยู่ด้วยกัน.ร้านที่เคยนั่ง,สถานที่ที่เคยไป ผมยังจำได้ไม่เคยลืม ทุกวันนี้ ผมยังคงหวังดีกับเขาเสมอถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นอะไรแล้วก็ตาม อีกอย่างที่จะบอกว่า ถ้าสมมุติว่าเรายังรักกัน ผมก็ยังรักเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง และถ้าผมไม่ป่วย ผมก็ยังอยู่กับเขา พาเขาไปเที่ยวเหมือนเดิม
นี่ก็ผ่านมา3ปีแหละ ผมก็คิดนะถ้าเขายังอยู่กับผม เขาคงหมดความสนุกในชีวิตจริง ผมไม่ิยากให้เขาต้องผมเป็นตัวถ้วงความเติบโต เพราะผมไม่ใช่คนปกติ ผมคือคนป่วย
(และนี่คือความในใจและเรื่องราวของผมที่อยากจะแชร์ให้ทุกคนได้อ่าน อาจจะยาวแต่ผมอยากทุกคนได้เข้าใจอย่างละเอียด)
วันนี้ผมจะเล่าความรักครั้งแรกที่เจ็บปวดและมีความสุขของผม
ย้อนกลังไปเมื่อสมัยผมอยู่(ปวช.1)ในตอนนั้นผมกำลังจะสมัครเรียนแล้วตอนนั้นผมไปค่อยข้างที่จะสายแหละ จังหวะนั้นผมได้เจอที่ว่างอยู่ที่นึงเลยเข้าไปนั่งปกติ และในตอนนั้นเองผมก็ได้เจอเขา เขาไม่ได้หน้าตา,ไม่สวย,ไม่น่ารัก(แต่เขาเป็นคนดีมากคนนึงในสายตาผม)ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไร คิดอย่างเดียวจะต้องรีบสมัครเรียนให้เสร็จเพราะถ้าผมเสร็จแล้ว ผมก็จะได้ไปเที่ยวต่อ ก็เลยนั่งข้างเขา ใน(ตอนนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เจอพ่อเขา) พอผมเสร็จธุระผมจึงรีบไปเที่ยวต่อ ล่วงเลยจนถึงเปิดเทอม มันก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาอยู่ห้องเดียวกันกับผม ในตอนนั้นผมก็เรียนจนกระทั่ง ผมเจอผู้หญิงคนนึง(เรียกคนคุยดีกว่าเพราะผมแทบจะไม่ได้จับมือหรือทำหน้าที่แฟนเลย คบคุยกันได้2อาทิตย์ เราก็เลิกคุยเลิกคบกัน ตอนนั้นผนรู้Sad🥀มากๆ
จนกระทั่งเขาก็มาปลอบผม เข้ามาคุยกับผมทุกวันจนเกิดความสนิท และมันก็ทำให้ผมรู้สึกชอบเขา เขาก็รู้ชอบผม ตอนนี้มันทำให้รู้จักคำว่า"รัก"แบบเต็มๆ เขารู้ตัวว่าชอบผมแต่เขาเลือกที่ระบายกับเพื่อนเขาที่ตจว. แล้วเพื่อนเขาก็รู้สึกรำคาญที่จะต้องมาทนเขาเพ้อถึงผมเพื่อนจึงทักมาคุยกับผมตรงๆ"เธอชอบเพื่อนหรอ"ตอนแรกผมก็ไม่ได้ตอบไรเพราะก็คำตอบว่าเขาไม่ได้ชอบผม แต่เพื่อนเขาบอกว่า"เเต่เพื่อนเราชอบเธอมากนะ"ในตอนนั้นผมเลยบอกกันเพื่อนเขาไปว่า"ใช่เราก็ชอบเพื่อนเธอ"ในตอนนั้นระหว่างที่ผมได้คุยกับเพิ่อนเขานั่น เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมคุยกับเพื่อนเขา จนเขารู้สึกเอะใจว่าทำมั่ยถึงหายไปทั้งคู่เลย ผมกับเพื่อนเขาจึงบอกคนจริงไป (ในวันนั้นตรงกับวันที่15/9/62)เป็นวันที่ผมสารภาพความจริงกับเพื่อนเขา แต่ผมกับเขาเราไม่ได้มีใครขอใครเขานะตอนนั้น ในตอนนั้นผมมีความสุข+ความรักที่กำลังเบ่งบานมาก ด้วยความเป็นเด็กจึงไม่คิดอะไร คิดแต่อยากเจอเขาอยู่กับเขา เราคบกันมีทะเลาะ,ร้องไห้,มีความสุข เมื่อคู่อื่นๆแหละ จนมีอยู่ครั้งนึงผมเคยเกือบเลิกกับเขาเพราะตอนนั้นเราทะเลาะกันหนักมากๆ จนผมคิดในใจว่าการเลิกมันไม่ใช่การแก้ปัญหา เราหันปรับเข้าหากันดีกว่า เขาก็ปรับตัวเพื่อผม ผมก็ทำเพื่อเขา ต่างคนต่างจูนเข้าหากันจนผ่านมันไปได้ จนผ่านมาได้ถึง2ปีกว่าแต่ก็ดูเหมือนจะดีนะจนมาถึงปวช.3เทอม1 มันเป็นช่วงฝึกงานเราจึงไม่ค่อยได้เจอกันเหมือนทุกที ผมก็ฝึกงานในเมือง ส่วนเขาก็ฝึกงานนอกเมือง ผมฝึกได้ประมาณ1อาทิตย์ ผมมีแัญหากับที่ทำงาน เพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวตอนนั้น แต่ที่ทำงานเขามองว่าผมเป็นที่มีแต่ปัญหา ผมเลยมาฝึกที่วล.ตอนแรกก็ฝึดอยู่ดีๆ จนกระทั่งผมรู้สึกปวดท้อง ตอนแรกผมคิดว่สเป็นแค่กรดไหลย้อนเลยไปหาหมอเฉพาะทาง อยู่ได้ประมาณ2-3
อาทิตย์วล.ก็ปิดเพราะตอนนั้นช่วงโควิดพอดี ผมเลยอยู่ที่บ้าน🏡แล้วมีอยู่คืนนึงผมแวดเยี่ยวเลยลุกมาเข้าห้องน้ำแล้วจู่ๆ ผมก็รู้สึกปสดหูมาก จนผมไปบอกแม่ แม่ผมเลยไปหาข้อมูลในเน็ต เขาบอกว่ามีโอกาสที่จะเป็นเนื้องอก ด้วยความกลัว+อยากหายมาก จึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลใกล้บ้านก่อน(เอกชน)หมอเขาก็บอกว่ามีโอกาสเป็นเนื้องอก เขาก็อ่านผลสแกนแล้วอธิบายให้ผมฟัง จนเขาเลยส่งตัวผมไปโรงพยาบาลรัฐ เพราะอุปกรณ์ครบกว่าอยู่ที่นั่นจนถึงวันผ่านตัด(9/9/64)เวลา09.09น. แม่ผมจนได้ไม่ลืม นะตอนนั้นผม,พ่อ,แม่,ญาติๆผมต่างก็กังวลจนกระทั่งผ่านไปด้วยดี ผมรักษาตัวอยู่รพ.ไปไหนไม่ได้ เขาก็อาสาช่วยเดินเรียนการเรียน เอกสารต่างให้ผมทุกอย่างในความคิดผมตอนนั้น (ผมคิดว่าผมโคตรโชคดีเลย)ดูเหมือนว่าจะไปได้ดีนะความรักครั้งนี้ มีพบมันก็ต้องมีจาก วันนึงเขาบอกผมว่าอยากคุยกับผม ผมที่ป่วยต้องการเวลาพักผ่อนจึงไม่ค่อยมีเวลาให้เขาเหมือนก่อน เขาอยากไปไหนผมก็ไม่สามารถพาเขาไปได้ ตอนนั้นผมก็รู้สึกเสียใจนะที่ทำอะไรที่เขาต้องการไม่ได้ ผมเลยตกลงที่จะคุยตอนดึก เพราะช่วงนั้นมันไม่มีใคร ช่วงแรกดีๆแหละพอตอนหลังก็เริ่มเรท บางครั้งก็ไม่โทรหา ผมเลยตีความเลยว่าเขาคงไม่ไหวเพราะเขาตอนตื่นมาคุยกับผม เวลาผ่านไปช่วงนึง เขาคงถึงจุดฟิวขาดเลยบอกผมครงๆว่าเขาต้องการเวลาคุย,อยู่กับผม แต่ผมซึ่งป่วยเลยให้อะไรที่เขาต้องการไม่ได้ ผมที่
โกธรเขาเลยบอกเขาไปว่า"บางที่ความอดทนมันก็มีขีดจำกัด ด้วยความที่ผมโกรธเขาที่เขาไม่เข้าใจผม+ผมยอมปล่อยเขาไปดีกว่าจะได้ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกเลยตัดสินใจ ที่ปล่อยเขาไป ตอนนั้นผมไม่ร้องนะ มันจุกอกมากจนร้องไห้ไม่ออก+ผมไม่อยากให้ใครรู้ว่าผมเสียใจ เลยฝืนยิ้มตลอด ผ่านไป(1-2วัน)เขาเอาเอกสารมาให้ผมที่บ้านช่วงกลางวัน ผมอยู่กันแม่ด้านล่าง แม่ผมก็นอน ผมก็นอน เขามากับเพื่อนหน้าบ้าน กดกริ๊งเรียก แม่ผมเลยตื่นมาเอกสารแทนผมเพราะลุกไปเอาไม่ได้เพราะผมเดินไม่ได้ แกเลยลุกไปเอาแทน ด้วยความที่พึ่งตื่นนอน แกเลยมีสีหน้าบู๋บี๋ ไม่พอใจ(ตริงไม่มีอะไร) แต่เขาคิดว่าแม่ผมไม่พอใจเขา ทั้งๆที่แม่ผมแกไม่รู้เรื่องอะไรเลย แกมารู้ต้อนแกแอบเห็นแชทผม แกเลยถามผมว่า"เลิกกันแล้วหรือ"ผมบอกว่า"ใช่...เลิกไปเขาจะได้ไปมีความสุขดีกว่า" (ผมมารู้เพราะเพื่อนผมโทรหาเขาและเพื่อนผมก็โทรหาผมพร้อมกัน ผมปิดไมค์แล้วฟังทุกคำ มีอยู่คำนึงที่ผมฟังแล้วเสียใจสุดๆ"เลิกกันเพราะแม่ผม....และเพื่อนเขาบอกว่าเป็นทำร้ายจิตใจเขา"พอผมฟังแบบนั้น ผมแทบเสียใจเลย1.เขาแทบไม่สำนึกเลยว่าเขาเป็นสร้างเรื่องนี้ขึ้นมา2.เพื่อนบอกว่าผมบอกเลิก..เลยเลิกกับผม คือแบบ🙄😤มากๆ
ปล. ผมคบกับเขามา3ปี ผมไม่เคยเจอครอบครัวเขาเลย ผมคือขอร้องให้เขาพาผมไปหาครอบครัวเขา แต่เขากับบอกว่า "เขากลัวว่าครอบครัวจะรับผมไม่ได้"ผมเลยบอกเขาไปตอนนั้นว่า"มันก็อยู่ที่ตัวผมหรือป่าวว่าจะให้ครอบครัวเขายอมรับผม"
ทุกวันนี้ก็ผ่านมา3ปีแหละ ผมยังจำทุกเรื่อง,ทุกที่ที่เราอยู่ด้วยกัน.ร้านที่เคยนั่ง,สถานที่ที่เคยไป ผมยังจำได้ไม่เคยลืม ทุกวันนี้ ผมยังคงหวังดีกับเขาเสมอถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เป็นอะไรแล้วก็ตาม อีกอย่างที่จะบอกว่า ถ้าสมมุติว่าเรายังรักกัน ผมก็ยังรักเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง และถ้าผมไม่ป่วย ผมก็ยังอยู่กับเขา พาเขาไปเที่ยวเหมือนเดิม
นี่ก็ผ่านมา3ปีแหละ ผมก็คิดนะถ้าเขายังอยู่กับผม เขาคงหมดความสนุกในชีวิตจริง ผมไม่ิยากให้เขาต้องผมเป็นตัวถ้วงความเติบโต เพราะผมไม่ใช่คนปกติ ผมคือคนป่วย
(และนี่คือความในใจและเรื่องราวของผมที่อยากจะแชร์ให้ทุกคนได้อ่าน อาจจะยาวแต่ผมอยากทุกคนได้เข้าใจอย่างละเอียด)