โรค ‘Saturday Night Palsy’ เกิดจากเส้นประสาท ‘Radial Nerve’ ที่อยู่ตรงปลายแขน (ตรงจุดที่เราชอบใช้ท่อนแขนหนุนตอนเราฟุบหลับบนโต๊ะ) ถูกกดทับเป็นเวลานาน จนทำให้เส้นประสาทช้ำและเสียหายบางส่วน จนเกิดอาการชาที่ปลายแขน ซึ่งโรคนี้พบได้บ่อยในผู้ที่ชอบนอนทับแขนนานๆ เมื่อตื่นมาก็รู้สึกว่ากระดกข้อมือไม่ขึ้นร่วมกับมีอาการชา

เส้นประสาทถูกกดทับที่ส่วนปลายมากๆ หรือถูกกดทับไม่นาน อาจมีอาการแค่ชาปลายนิ้วโป้งนิ้วชี้ แต่ยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่นานอาการชาก็หายไปเอง ไม่ต้องเข้ารับการรักษาใดๆ

ตื่นขึ้นมากระดกนิ้วชี้นิ้วโป้งไม่ได้ แต่ยังคงกระดกข้อมือขึ้นได้บ้าง สามารถกำมือ เหยียดแขน หรือยกแขนได้ตามปกติ มักจะไม่มีอาการชา แต่จะมีอาการปวดบริเวณข้อศอกด้านนอกร้าวมายังนิ้วชี้นิ้วโป้ง ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชม.อาการก็หายเป็นปกติ

ตื่นขึ้นมากระดกนิ้วชี้และนิ้วโป้งไม่ได้ กระดกข้อมือไม่ได้ พนมมือไม่ได้ และมีอาการข้อมือตก เขียนหนังสือไม่ถนัด มีอาการชาที่หลังมือ นิ้วโป้งและนิ้วชี้ร้าวมาที่ต้นแขนด้านนอก แต่ยังคงกำมือ เหยียดแขน ยกแขนได้ตามปกติ ถ้ามีอาการเหล่านี้จะใช้เวลาอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ แต่ถ้ารุนแรงมากอาจใช้เวลา  3-4 เดือน บางรายอาจต้องพิจารณาการผ่าตัดด้วย จุดสังเกตคือเมื่อระยะเวลาผ่านไปนานๆ กล้ามเนื้อแขนบริเวณจุดที่ชานั้นจะมีการฝ่อลีบเมื่อเทียบกับข้างปกติ

เพราะว่าในสังคมชาวตะวันตกวิถีชีวิตของการทำงานวันจันทร์จนถึงวันศุกร์ และคืนวันเสาร์ก็จะเป็นคืนสังสรรค์ออกไปดื่มเมื่อเมาหนักก็จะยกแขนหนุนฟุบหลับไป เมื่อคนเมานอนอยู่ท่านั้นตลอดทั้งคืนเป็นเวลานาน เส้นประสาทถูกกดทับทำให้เส้นประสาทช้ำเสียหายบางส่วน พอตื่นขึ้นมาก็จึงเกิดอาการข้อมือตก กระดกข้อมือไม่ขึ้น แต่ยังสามารถขยับข้อศอกและไหล่ได้

นอกจากนี้ยังพบนักเรียน นักศึกษา ฟุบหลับกับโต๊ะเป็นได้เช่นกัน แต่อาการก็จะไม่รุนแรงเท่านักดื่ม เพราะเมื่อเมาหนักผลของแอลกอฮอล์จะทำให้หลับลึกกว่า จนทำให้ไม่รับรู้ถึงอาการชาที่เกิดขึ้น

แม้ว่าโรคนี้จะชื่อว่า ‘Saturday Night Palsy’ ถึงจะไม่ใช่คืนวันเสาร์ก็เป็นโรคนี้ได้นะ!

ที่มา : SpringNews