เป็นสถานที่ เป็นทางเดินที่ผู้ต้องหาหนีคดีหลายคนใช้บริการกันบ่อยๆ
ที่มักจะได้ยินคนใช้บริการกันบ่อยคือเส้น ชายแดนไทย-กัมพูชา
ใครสนใจอยากใช้บริการ มาดูรายละเอียดกัน ว่ามีเส้นทางไหนบ้าง
สะดวกเส้นทางไหน เลือกได้ตามสบายใจ

ช่องทางธรรมชาติที่นิยมใช้หลบหนีคดีในไทย
1. ชายแดนไทย-กัมพูชา
- จังหวัดสระแก้ว พื้นที่นี้มีพรมแดนยาว โดยเฉพาะจุดชายแดนเช่นช่องตาเถรและช่องอานม้า ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติที่ผู้หลบหนีนิยมใช้เดินเท้าหรือใช้รถผ่าน จุดนี้มีเครือข่ายช่วยเหลือในพื้นที่ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น
- จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ ชายแดนในพื้นที่นี้เชื่อมต่อกับกัมพูชาเช่นกัน มีเส้นทางป่าและแม่น้ำที่ช่วยให้ผู้หลบหนีสามารถเดินทางเข้า-ออกได้อย่างง่ายดาย
2. ชายแดนไทย-เมียนมา
- จังหวัดตาก โดยเฉพาะแม่สอดและแนวชายแดนตามแม่น้ำเมยที่เป็นที่รู้จัก มีการลักลอบเดินทางข้ามแม่น้ำอย่างต่อเนื่อง เส้นทางนี้สามารถใช้เรือข้ามไปยังเมียนมาได้ง่าย ทำให้กลายเป็นช่องทางหลบหนีคดีสำคัญ
- จังหวัดเชียงรายและแม่ฮ่องสอน พื้นที่นี้มีภูมิประเทศเป็นป่าเขาและพื้นที่ดอยสูง โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย เส้นทางนี้เป็นที่รู้จักว่ามีเครือข่ายอาชญากรรมและการลักลอบข้ามพรมแดนที่เจ้าหน้าที่ไทยจับตาอย่างเข้มงวด
3. ชายแดนไทย-ลาว
- จังหวัดหนองคายและบึงกาฬ ติดแม่น้ำโขงที่เชื่อมระหว่างไทยและลาว เส้นทางธรรมชาตินี้สามารถใช้เรือหางยาวหรือแพข้ามแม่น้ำได้สะดวก เป็นเส้นทางที่ลักลอบใช้บ่อยครั้ง
- จังหวัดนครพนมและมุกดาหาร พื้นที่ริมแม่น้ำโขงที่มีเส้นทางธรรมชาติที่หลบเลี่ยงด่านตรวจและการควบคุมของเจ้าหน้าที่ เป็นจุดที่มีการลักลอบหลบหนีสูงเช่นกัน
4. ชายแดนไทย-มาเลเซีย
- จังหวัดสงขลาและนราธิวาส มีเส้นทางป่าและเขาตามแนวชายแดนที่ช่วยให้ผู้ลักลอบเดินทางเข้า-ออกระหว่างไทยและมาเลเซียได้ง่าย โดยเส้นทางเหล่านี้ค่อนข้างท้าทายต่อการตรวจสอบ
- เบตง จังหวัดยะลา แม้มีจุดตรวจหลัก แต่ยังมีช่องทางธรรมชาติเล็ก ๆ ที่สามารถลัดเลาะเข้าออกได้โดยไม่ต้องผ่านด่านใหญ่
การปิดช่องโหว่ของช่องทางธรรมชาติจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและประเทศเพื่อนบ้านว่าจะได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามทางอาชญากรรมข้ามชาติที่แฝงตัวอยู่ในเส้นทางธรรมชาติเหล่านี้
https://www.facebook.com/share/p/19VHSdMTLF/
ช่องทางธรรมชาติ "ประตูหลบหนี" ของผู้ต้องหาที่ไม่ต้องการเผชิญหน้ากับกระบวนการยุติธรรม
ที่มักจะได้ยินคนใช้บริการกันบ่อยคือเส้น ชายแดนไทย-กัมพูชา
ใครสนใจอยากใช้บริการ มาดูรายละเอียดกัน ว่ามีเส้นทางไหนบ้าง
สะดวกเส้นทางไหน เลือกได้ตามสบายใจ
ช่องทางธรรมชาติที่นิยมใช้หลบหนีคดีในไทย
1. ชายแดนไทย-กัมพูชา
- จังหวัดสระแก้ว พื้นที่นี้มีพรมแดนยาว โดยเฉพาะจุดชายแดนเช่นช่องตาเถรและช่องอานม้า ซึ่งเป็นเส้นทางธรรมชาติที่ผู้หลบหนีนิยมใช้เดินเท้าหรือใช้รถผ่าน จุดนี้มีเครือข่ายช่วยเหลือในพื้นที่ซึ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้น
- จังหวัดบุรีรัมย์และสุรินทร์ ชายแดนในพื้นที่นี้เชื่อมต่อกับกัมพูชาเช่นกัน มีเส้นทางป่าและแม่น้ำที่ช่วยให้ผู้หลบหนีสามารถเดินทางเข้า-ออกได้อย่างง่ายดาย
2. ชายแดนไทย-เมียนมา
- จังหวัดตาก โดยเฉพาะแม่สอดและแนวชายแดนตามแม่น้ำเมยที่เป็นที่รู้จัก มีการลักลอบเดินทางข้ามแม่น้ำอย่างต่อเนื่อง เส้นทางนี้สามารถใช้เรือข้ามไปยังเมียนมาได้ง่าย ทำให้กลายเป็นช่องทางหลบหนีคดีสำคัญ
- จังหวัดเชียงรายและแม่ฮ่องสอน พื้นที่นี้มีภูมิประเทศเป็นป่าเขาและพื้นที่ดอยสูง โดยเฉพาะที่อำเภอแม่สาย เส้นทางนี้เป็นที่รู้จักว่ามีเครือข่ายอาชญากรรมและการลักลอบข้ามพรมแดนที่เจ้าหน้าที่ไทยจับตาอย่างเข้มงวด
3. ชายแดนไทย-ลาว
- จังหวัดหนองคายและบึงกาฬ ติดแม่น้ำโขงที่เชื่อมระหว่างไทยและลาว เส้นทางธรรมชาตินี้สามารถใช้เรือหางยาวหรือแพข้ามแม่น้ำได้สะดวก เป็นเส้นทางที่ลักลอบใช้บ่อยครั้ง
- จังหวัดนครพนมและมุกดาหาร พื้นที่ริมแม่น้ำโขงที่มีเส้นทางธรรมชาติที่หลบเลี่ยงด่านตรวจและการควบคุมของเจ้าหน้าที่ เป็นจุดที่มีการลักลอบหลบหนีสูงเช่นกัน
4. ชายแดนไทย-มาเลเซีย
- จังหวัดสงขลาและนราธิวาส มีเส้นทางป่าและเขาตามแนวชายแดนที่ช่วยให้ผู้ลักลอบเดินทางเข้า-ออกระหว่างไทยและมาเลเซียได้ง่าย โดยเส้นทางเหล่านี้ค่อนข้างท้าทายต่อการตรวจสอบ
- เบตง จังหวัดยะลา แม้มีจุดตรวจหลัก แต่ยังมีช่องทางธรรมชาติเล็ก ๆ ที่สามารถลัดเลาะเข้าออกได้โดยไม่ต้องผ่านด่านใหญ่
การปิดช่องโหว่ของช่องทางธรรมชาติจะช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย พร้อมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและประเทศเพื่อนบ้านว่าจะได้รับการปกป้องจากภัยคุกคามทางอาชญากรรมข้ามชาติที่แฝงตัวอยู่ในเส้นทางธรรมชาติเหล่านี้
https://www.facebook.com/share/p/19VHSdMTLF/