รับชมวีดีโอ
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคุณเอดิสันที่กำลังวางแผนท่องเที่ยวทั้งกรุงเทพฯ และสิงคโปร์ และอยากรู้ว่าเมืองไหนจะคุ้มค่ากว่ากันถ้าจะซื้อ MacBook Pro หรือกล้องดิจิตอลสักตัว แต่ด้วยกรุงเทพฯ อาจเป็นจุดแรกของการเดินทาง คุณเอดิสันจึงต้องตัดสินใจให้ดีว่าจะซื้อเลยที่นั่นหรือรอไปดูราคาที่สิงคโปร์ก่อน เพราะถ้าหากคุณเอดิสันตัดสินใจไม่ซื้อในกรุงเทพฯ แต่แล้วกลับมาพบว่าสิงคโปร์แพงกว่าหรือไม่คุ้มค่า ก็อาจจะรู้สึกเสียดาย เพราะการเดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯ เพื่อซื้อชิ้นเดียวคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนัก เดี๋ยวเรามาดูในส่วนของคอมเม้นกันเลย
คอมเม้นจากต่างชาติท่านหนึ่งนะคะบอกว่า
“ระวังด้วยว่าบางประเทศอาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้งาน eSIM หรืออุปกรณ์บางประเภท เช่น การซื้อ iPhone ในฮ่องกงอาจไม่สามารถใช้ eSIM ได้ เพราะถูกจำกัดด้วยเรื่องของฮาร์ดแวร์”
คอมเม้นถัดมา“ไม่มีที่ไหนดีกว่ากันอย่างชัดเจนทั้งในกรุงเทพฯ และสิงคโปร์ เพราะทั้งสองที่มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน แต่บริการหลังการขายอาจไม่ได้ดีมากนักทั้งคู่ บางครั้งฉันเองก็เลือกซื้อในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น หรือสหรัฐฯ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ได้ราคาดีขึ้น เช่น Apple”
คอมเม้นถัดมา “ฉันเห็นด้วย ถ้าไม่เร่งรีบอาจซื้อที่ประเทศบ้านเกิด เพราะคุณอาจต้องซื้อปลั๊กไฟใหม่ และราคาของ Mac ในหลายประเทศมักไม่ต่างกันมากนัก”
คอมเม้นถัดมา“ไม่ว่าจะซื้อที่ไหนก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ฉันคิดว่าคุณอาจจะดีกว่าหากซื้อที่บ้านเกิดอย่างน้อยก็มีการรับประกัน”
คอมเม้นถัดมา “สินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางอย่างในไทยราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีภาษีนำเข้า”
คอมเม้นถัดมา“อย่าลืมว่าในบางครั้ง กรุงเทพฯ อาจมีข้อเสนอที่ดี เช่นที่ Fortune Town ฉันเคยเห็นวิดีโอใน YouTube ที่รีวิวว่าเป็นแหล่งสินค้าราคาดี แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นจริงหรือเปล่า”
คอมเม้นถัดมา“ผลิตภัณฑ์ของ Apple มักจะถูกกว่าที่ไทยด้วยราคาภูมิภาคที่เป็นมิตร แต่กล้องดิจิตอลอาจจะแพงกว่า”
คอมเม้นถัดมา “สิงคโปร์เป็นแหล่งที่ดีถ้าคุณต้องการสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุด แต่กรุงเทพฯ อาจไม่ตอบโจทย์ขนาดนั้น ถึงแม้ว่าภาษีที่สิงคโปร์จะอยู่ที่ 9% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ที่ประมาณ 7.5% แต่คุณก็สามารถขอคืนภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งสองประเทศ”
คอมเม้นถัดมา “ถ้าคุณคิดจะซื้อ Apple ลองเช็คราคาบนเว็บไซต์ของ Apple ในทั้งสองประเทศ แล้วแปลงสกุลเงิน คุณสามารถซื้อแบบปลอดภาษีได้ทั้งที่ไทยและสิงคโปร์”
คอมเม้นถัดมา “ฉันเคยซื้อ MacBook ในกรุงเทพฯ ราคาถูกกว่าที่คิด และยังได้ VAT Refund กลับมาเล็กน้อย ถ้าอยากได้ราคาดีลองซื้อที่นี่และใช้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม”*
คอมเม้นถัดมา“ถ้าคุณชอบต่อรองในเรื่องของราคา กรุงเทพฯ อาจเป็นตัวเลือกที่ดี คุณสามารถลองต่อรองกับร้านค้าบางแห่งได้ โดยเฉพาะที่ห้างไอทีอย่าง Pantip Plaza หรือ Fortune Town”*
คอมเม้นถัดมา “บางทีการซื้ออุปกรณ์ที่ร้าน Apple Authorized Reseller ในสิงคโปร์จะให้ความสบายใจมากกว่า เพราะบริการหลังการขายค่อนข้างได้มาตรฐานและอาจรวดเร็วกว่าในบางประเทศ”*
คอมเม้นถัดมา “อย่าลืมว่าในสิงคโปร์สินค้าบางชิ้นอาจมีตัวเลือกมากกว่า หรือคุณอาจเจอรุ่นที่กรุงเทพฯ ไม่มีขาย หากต้องการของใหม่ล่าสุดสิงคโปร์อาจตอบโจทย์มากกว่า”*
คอมเม้นถัดมา “หากคุณกังวลเรื่องภาษาและการบริการ กรุงเทพฯ อาจเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถสื่อสารและขอข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานในร้านได้ง่ายกว่า ในสิงคโปร์พนักงานบางร้านอาจจะพูดภาษาจีนเป็นหลัก”*
คอมเม้นถัดมา “ในกรุงเทพฯ คุณอาจจะพบโปรโมชั่นเพิ่มเติมจากบัตรเครดิตหรือโปรโมชั่นของห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่อาจช่วยลดราคาได้ ลองเช็คกับธนาคารหรือห้างก่อนซื้อ!”*
คอมเม้นถัดมา “ถ้าคุณวางแผนจะซื้ออุปกรณ์หลายอย่าง ลองเช็คดูว่ามีร้านไหนในกรุงเทพฯ หรือสิงคโปร์ที่ทำแพ็กเกจหรือให้ส่วนลดเมื่อซื้อเป็นชุดบ้าง นี่อาจช่วยประหยัดได้มาก”*
คอมเม้นถัดมา อย่าลืมคำนึงถึงการบริการซ่อมบำรุงหลังการขาย หากมีปัญหาจะส่งซ่อมที่ไหนได้ง่ายกว่า กรุงเทพฯ หรือ สิงคโปร์? การรับประกันบางแบรนด์อาจจำกัดให้ซ่อมเฉพาะในประเทศที่ซื้อเท่านั้น”*
คอมเม้นถัดมา “บางครั้งสินค้าบางชิ้นในไทยถูกกว่าเพราะไม่ได้มีการติดตั้งภาษีนำเข้าเหมือนในสิงคโปร์ ลองตรวจสอบสินค้าที่สนใจโดยละเอียดก่อนว่ามีการนำเข้าหรือไม่”*
คอมเม้นถัดมา การซื้อของในต่างประเทศสำหรับคนที่เดินทางบ่อยอาจจะคุ้ม แต่ถ้าคุณซื้อมาแล้วเจอปัญหาในประเทศที่ตัวเองอาศัยอยู่ การส่งเคลมอาจเป็นเรื่องยาก”*
คอมเม้นถัดมา จากประสบการณ์ของฉัน ราคาของ Apple มักจะใกล้เคียงกันทั่วโลก ต่างกันแค่เรื่องภาษีเท่านั้น ถ้าตัดสินใจซื้อที่ไหนก็ให้เลือกที่คุณได้ส่วนลดมากที่สุด”*
คอมเม้นเหล่านี้ให้มุมมองที่หลากหลาย ทำให้คุณเห็นถึงจุดเด่นและข้อควรระวังของทั้งกรุงเทพฯ และสิงคโปร์ในการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งราคา ความสามารถในการขอคืนภาษี และข้อจำกัดการใช้งานในบางประเทศ
ต่างชาติโพสต์ MacBook Pro ที่ไหนถูกกว่ากันระหว่าง กรุงเทพ หรือ สิงคโปร์? แต่ถ้าชอบต่อรองราคา กรุงเทพฯ เป็นตัวเลือก
คอมเม้นจากต่างชาติท่านหนึ่งนะคะบอกว่า
“ระวังด้วยว่าบางประเทศอาจมีข้อจำกัดเกี่ยวกับการใช้งาน eSIM หรืออุปกรณ์บางประเภท เช่น การซื้อ iPhone ในฮ่องกงอาจไม่สามารถใช้ eSIM ได้ เพราะถูกจำกัดด้วยเรื่องของฮาร์ดแวร์”
คอมเม้นถัดมา“ไม่มีที่ไหนดีกว่ากันอย่างชัดเจนทั้งในกรุงเทพฯ และสิงคโปร์ เพราะทั้งสองที่มีจุดเด่นและข้อจำกัดที่แตกต่างกัน แต่บริการหลังการขายอาจไม่ได้ดีมากนักทั้งคู่ บางครั้งฉันเองก็เลือกซื้อในออสเตรเลีย ญี่ปุ่น หรือสหรัฐฯ เพราะอัตราแลกเปลี่ยนที่ทำให้ได้ราคาดีขึ้น เช่น Apple”
คอมเม้นถัดมา “ฉันเห็นด้วย ถ้าไม่เร่งรีบอาจซื้อที่ประเทศบ้านเกิด เพราะคุณอาจต้องซื้อปลั๊กไฟใหม่ และราคาของ Mac ในหลายประเทศมักไม่ต่างกันมากนัก”
คอมเม้นถัดมา“ไม่ว่าจะซื้อที่ไหนก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ฉันคิดว่าคุณอาจจะดีกว่าหากซื้อที่บ้านเกิดอย่างน้อยก็มีการรับประกัน”
คอมเม้นถัดมา “สินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางอย่างในไทยราคาค่อนข้างสูง โดยเฉพาะสินค้าฟุ่มเฟือยที่มีภาษีนำเข้า”
คอมเม้นถัดมา“อย่าลืมว่าในบางครั้ง กรุงเทพฯ อาจมีข้อเสนอที่ดี เช่นที่ Fortune Town ฉันเคยเห็นวิดีโอใน YouTube ที่รีวิวว่าเป็นแหล่งสินค้าราคาดี แต่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าเป็นจริงหรือเปล่า”
คอมเม้นถัดมา“ผลิตภัณฑ์ของ Apple มักจะถูกกว่าที่ไทยด้วยราคาภูมิภาคที่เป็นมิตร แต่กล้องดิจิตอลอาจจะแพงกว่า”
คอมเม้นถัดมา “สิงคโปร์เป็นแหล่งที่ดีถ้าคุณต้องการสินค้ารุ่นใหม่ล่าสุด แต่กรุงเทพฯ อาจไม่ตอบโจทย์ขนาดนั้น ถึงแม้ว่าภาษีที่สิงคโปร์จะอยู่ที่ 9% เมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ ที่ประมาณ 7.5% แต่คุณก็สามารถขอคืนภาษีสำหรับนักท่องเที่ยวได้ทั้งสองประเทศ”
คอมเม้นถัดมา “ถ้าคุณคิดจะซื้อ Apple ลองเช็คราคาบนเว็บไซต์ของ Apple ในทั้งสองประเทศ แล้วแปลงสกุลเงิน คุณสามารถซื้อแบบปลอดภาษีได้ทั้งที่ไทยและสิงคโปร์”
คอมเม้นถัดมา “ฉันเคยซื้อ MacBook ในกรุงเทพฯ ราคาถูกกว่าที่คิด และยังได้ VAT Refund กลับมาเล็กน้อย ถ้าอยากได้ราคาดีลองซื้อที่นี่และใช้บริการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม”*
คอมเม้นถัดมา“ถ้าคุณชอบต่อรองในเรื่องของราคา กรุงเทพฯ อาจเป็นตัวเลือกที่ดี คุณสามารถลองต่อรองกับร้านค้าบางแห่งได้ โดยเฉพาะที่ห้างไอทีอย่าง Pantip Plaza หรือ Fortune Town”*
คอมเม้นถัดมา “บางทีการซื้ออุปกรณ์ที่ร้าน Apple Authorized Reseller ในสิงคโปร์จะให้ความสบายใจมากกว่า เพราะบริการหลังการขายค่อนข้างได้มาตรฐานและอาจรวดเร็วกว่าในบางประเทศ”*
คอมเม้นถัดมา “อย่าลืมว่าในสิงคโปร์สินค้าบางชิ้นอาจมีตัวเลือกมากกว่า หรือคุณอาจเจอรุ่นที่กรุงเทพฯ ไม่มีขาย หากต้องการของใหม่ล่าสุดสิงคโปร์อาจตอบโจทย์มากกว่า”*
คอมเม้นถัดมา “หากคุณกังวลเรื่องภาษาและการบริการ กรุงเทพฯ อาจเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะสามารถสื่อสารและขอข้อมูลเพิ่มเติมกับพนักงานในร้านได้ง่ายกว่า ในสิงคโปร์พนักงานบางร้านอาจจะพูดภาษาจีนเป็นหลัก”*
คอมเม้นถัดมา “ในกรุงเทพฯ คุณอาจจะพบโปรโมชั่นเพิ่มเติมจากบัตรเครดิตหรือโปรโมชั่นของห้างสรรพสินค้าต่างๆ ที่อาจช่วยลดราคาได้ ลองเช็คกับธนาคารหรือห้างก่อนซื้อ!”*
คอมเม้นถัดมา “ถ้าคุณวางแผนจะซื้ออุปกรณ์หลายอย่าง ลองเช็คดูว่ามีร้านไหนในกรุงเทพฯ หรือสิงคโปร์ที่ทำแพ็กเกจหรือให้ส่วนลดเมื่อซื้อเป็นชุดบ้าง นี่อาจช่วยประหยัดได้มาก”*
คอมเม้นถัดมา อย่าลืมคำนึงถึงการบริการซ่อมบำรุงหลังการขาย หากมีปัญหาจะส่งซ่อมที่ไหนได้ง่ายกว่า กรุงเทพฯ หรือ สิงคโปร์? การรับประกันบางแบรนด์อาจจำกัดให้ซ่อมเฉพาะในประเทศที่ซื้อเท่านั้น”*
คอมเม้นถัดมา “บางครั้งสินค้าบางชิ้นในไทยถูกกว่าเพราะไม่ได้มีการติดตั้งภาษีนำเข้าเหมือนในสิงคโปร์ ลองตรวจสอบสินค้าที่สนใจโดยละเอียดก่อนว่ามีการนำเข้าหรือไม่”*
คอมเม้นถัดมา การซื้อของในต่างประเทศสำหรับคนที่เดินทางบ่อยอาจจะคุ้ม แต่ถ้าคุณซื้อมาแล้วเจอปัญหาในประเทศที่ตัวเองอาศัยอยู่ การส่งเคลมอาจเป็นเรื่องยาก”*
คอมเม้นถัดมา จากประสบการณ์ของฉัน ราคาของ Apple มักจะใกล้เคียงกันทั่วโลก ต่างกันแค่เรื่องภาษีเท่านั้น ถ้าตัดสินใจซื้อที่ไหนก็ให้เลือกที่คุณได้ส่วนลดมากที่สุด”*
คอมเม้นเหล่านี้ให้มุมมองที่หลากหลาย ทำให้คุณเห็นถึงจุดเด่นและข้อควรระวังของทั้งกรุงเทพฯ และสิงคโปร์ในการซื้ออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งราคา ความสามารถในการขอคืนภาษี และข้อจำกัดการใช้งานในบางประเทศ