ก่อนอื่น ต้องขอกล่าวไว้ล่วงหน้าเลยว่ากระทู้ตรงนี้ไม่ได้จะพาดพิงหรือว่าพูดวิจารณ์อะไรใคร เป็นเพียงคำถามที่ตัวผมเองที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้ก็ยังงงๆแล้วสงสัยกับประเด็นของเรื่องที่จะสื่อ
พูดถึงภาพยนตร์หรืองานศิลป์ทางด้านการแสดงในอดีตก็มีหลายเรื่องที่ทุกท่านต่างก็ชื่นชอบ หลายเรื่องก็ถูกนำมารีเมกมาทำใหม่หลายครั้งหลายหนซึ่งไม่แปลกที่คนรุ่นใหม่จะชอบนำมาทำกัน อาจจะด้วยเนื้อหาที่อยากเอามาทำ ประวัติศาสตร์ของเรื่องราวที่อยากเอามาทำ หรืออะไรก็ตามที่ผู้สร้างผู้กำกับเขาอยากจะเอามาทำ เหตุผลร้อยแปดพันประการก็ทำให้เรื่องที่รีเมคก็ถูกผลิตด้วยเหตุผลของพวกเขาซึ่งจะนิยมมากนิยมน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง
ทีนี้มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งผมเองเคยชมและเคยศึกษามา แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ในหลายๆเรื่อง เรื่องนั้นคือ"หกตัวละครตามหานักประพันธ์(Sei personaggi cercano uno scrittore) "ผลงานของละครเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นโดยผลงานของ ลุยจิ ปิรันแดลโล นามกรบทละครชื่อก้องแห่งอิตาลี
ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อนี้ก็เรื่อง"Six Character มายาพิศวง"ของหม่อมน้อย"พันธุ์เทวนพ เทวกุล"ซึ่งเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเขา
ไอ้ตัวสิ่งที่จะสื่อของเรื่องนี้ก็มีหลายเรื่องที่อ.ลุยจิได้เสนอผ่านเรื่องราวของละครที่(ที่ผมงงก็เรื่องเนื้อหานี้แหละ) สิ่งที่เสนอเป็นสาระใจความสำคัญคือ
แน่นอนครับ ละคร "หกตัวละครตามหานักประพันธุ์" ของลุยจิ ปิรันเดลโล มุ่งนำเสนอแนวคิดสำคัญหลายประเด็นที่ท้าทายความคิดของผู้ชม ตัวอย่างหัวข้อหลัก ๆ ได้แก่:
1. ความจริงและภาพลวง
ละครสะท้อนถึงคำถามว่า "อะไรคือความจริง" เพราะทั้งนักแสดงและตัวละครในเรื่องมีวิธีมองและเล่าเรื่องราวของตัวเองซึ่งอาจขัดแย้งกัน ปิรันเดลโลชี้ให้เห็นว่าความจริงอาจเป็นเรื่องส่วนบุคคลและขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
2. อัตลักษณ์และการมีตัวตน
เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการของตัวละครในการค้นหาความหมายและตัวตนของตนเอง ตัวละครเหล่านี้เชื่อว่าตนมีชีวิต มีความรู้สึก และต้องการให้นักเขียนยอมรับการมีอยู่ของพวกเขา จึงทำให้เกิดคำถามว่าอัตลักษณ์ของคนเรามาจากไหน และใครเป็นผู้กำหนด
3. ความสัมพันธ์ระหว่างนักเขียนกับตัวละคร
ปิรันเดลโลเสนอมุมมองว่า ตัวละครในงานเขียนมีชีวิตและเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งสมมติของนักเขียนเท่านั้น ตัวละครที่ไม่สมบูรณ์ในละครนี้มีความต้องการที่จะ “เกิด” อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของนักเขียนในการสร้างและควบคุมตัวละคร
4. ศิลปะและชีวิตจริง
เรื่องนี้ผสมผสานเส้นแบ่งระหว่างศิลปะและชีวิตจริง ตัวละครที่มีชีวิตในจินตนาการมาเผชิญหน้ากับนักแสดงบนเวที ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของศิลปะในการสะท้อนความเป็นจริงและการสร้างภาพลวงของมัน
5. การค้นหาความหมายในชีวิต
ละครนี้สะท้อนถึงความต้องการของมนุษย์ในการค้นหาความหมายในชีวิต ตัวละครที่ตามหานักประพันธ์เป็นสัญลักษณ์ของการค้นหาความหมายและการยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น
6.ความเป็นอนันต์ของศิลปะ
ศิลปะทุกแขนง ทั้งเป็นสมบัติประจำชาติหรือประจำตัวบุคคลก็ดี ทุกเรื่องที่ตกทอดมาสู่คนรุ่นหลังล้วนเป็นสื่อสิ่งรับชมที่มันมีความเป็นอมตะ มันมีความหมายที่ลึกซึ้ง มันมีความหมายอะไรบ้างที่จะสื่อให้ผมชมรุ่นเราๆไปชมแล้วได้อะไรถึงได้ตกทอดความเป็นอนันต์
ที่ผมงงก็คือ...เนื้อเรื่องมันนี่แหละ ผมทบทวนดูแปดถึงสิบรอบแล้ว หลายๆครั้งผมก็ไม่เข้าใจในเหตุผลของบทละครที่จะสื่อเลย จนบางครั้ง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ขอโทษผมต้องไปกินยาแก้ปวดหัวเหมือนกัน แต่ถามว่าสิ่งที่สื่อมาทั้งทางตรงถามอ้อมเนี่ยเขาสอนเราได้มั้ย โอเค อันเนี่ยพอได้ เรารู้ว่าตัวพ่อเป็นยังไง ตัวแม่เป็นยังไง ตัวพี่สาวเป็นไง ตัวพี่ชายตัวน้องทั้งสองคนเป็นไง รวมถึงสิ่งที่ตัวละครทั้งหกเสนอมาให้แก่คนในโรงละครคืออะไร
เขาต้องการให้เรายึดเอาบทละครใช่มั้ย
เขาต้องการให้เราเป็นคนในบทเลยใช่มั้ย
เขาต้องการให้คนทำบทนี้ถอดความถอดแบบแบบนี้ๆๆใช่มั้ย
จนมาถึงในปัจจุบัน ผมกลับมองในอีกมุมหนึ่ง ผมว่าสิ่งที่เขา(ลุยจิ)เขียนเนี่ย มันกลับสะท้อนถึงคนทำหนังทำละครบ้านเราอยู่นะ เพราะอะไร...
วิจารณ์ตรงๆเลยก็ได้ บางเรื่องนะ โปรดักส์ชั่นดี ภาพดี นักแสดงนี่ระดับแม่เหล็กเลยของวงการ ผู้กำกับก็ดี สุดท้าย(บางเรื่องนะ)มาเป๋ตรงบทเนี่ย ขอโทษนักอ่านนักตอบกระทู้เลยว่า บางเรื่องนี่ไม่มีบทพูดเลย! คือวงการหนังกับละครบ้านเราถ้าไม่ขาดหรือไม่ด้อยองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งนี่ก็ไม่ใช่หนังบ้านเรา บางคนที่มาอ่านก็น่าจะโกรธผมคงจะมาด่าว่า"คุณเขียนอย่างนี้คุณรู้มั้ยว่าผลงานแต่ละเรื่องเขาทุ่มเทขนาดไหนกว่าจะ..."ผมเลยตอบตรงนี้ว่า
แล้วมันไม่จริงเหรอที่วงการบันเทิงบ้านเรามันก็ยังเป็นแบบนี้อยู่
บางเรื่องนะ...ลงทุนนี่โอ้โห้...ห้าสิบล้านหกสิบล้าน "เป๋ตรงบท"
บางเรื่องนะ...บทดีเลย เนี๊ยบเลย ตีหัวเข้าบ้านแน่ "เป๋ตรงงานสร้าง" "เป๋ตรงผู้แสดง"
บางเรื่องนะ...ไม่คิดอะไรหรอก สร้างๆไปเหอะ คนดูเราเยอะ ช่องเราแน่น ดาราเราดัง "บางเรื่องที่งานมันพังเพราะผู้สร้างก็มี"
แล้วมันก็มีบางเรื่องนะ บทดี,งานสร้างดี,นักแสดงดัง "ที่มันไม่ปังบางครั้งก็ไม่ตอบโจทย์คนดู"
ไอ้ที่ผมพูดมา ก็คงจะมีคนว่าผมว่า
" เอ้า พูดมาแบบนี้ทำไมไม่สร้างเอง"
" ทำไมไม่สนับสนุนหนังไทยละครไทย..."
" สงสัยคุณเป็นแฟนของค่าย...แน่ "
บางครั้งผลงานที่เราชอบมันอาจไม่ถูกใจหลายคน(ร้อยพ่อพันแม่)
บางครั้งผลงานที่เราเสพ สังคมหรือคนส่วนใหญ่ไม่เก็ทหรือไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆ
บางครั้งงานที่เราชม ถ้าบางอย่างคนดูไม่ชอบใช่ว่าจะคล้อยตามเขาไปเสียทุกเรื่อง
ผลงาน"หกตัวละครตามหานักประพันธ์" ที่อ.ลุยจิเขียนนั้นจึงเป็นสิ่งที่เสนอมาอย่างหนึ่งว่า
บางครั้งศิลปะที่ควรสร้างให้แก่ประชาชน ควรสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นอนันต์ ควรสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่สังคม ควรผลิตผลงานที่สอดคล้องกับคนที่เขาต้องการดูผลงานของเรา
นี่แหละครับ "หกตัวละครตามหานักประพันธ์"
เนื้อเรื่องไม่จำเป็นว่าต้องสำคัญ แต่คือเนื้อหาและสาระเท่านั้นสำคัญพอ
คุณพอจะเข้าใจเรื่อง"หกตัวละครตามหานักประพันธ์"มากน้อยขนาดไหน ช่วยแชร์ความรู้ความเข้าใจและประสบการณ์ในเรื่องนี้ด้วยครับ
พูดถึงภาพยนตร์หรืองานศิลป์ทางด้านการแสดงในอดีตก็มีหลายเรื่องที่ทุกท่านต่างก็ชื่นชอบ หลายเรื่องก็ถูกนำมารีเมกมาทำใหม่หลายครั้งหลายหนซึ่งไม่แปลกที่คนรุ่นใหม่จะชอบนำมาทำกัน อาจจะด้วยเนื้อหาที่อยากเอามาทำ ประวัติศาสตร์ของเรื่องราวที่อยากเอามาทำ หรืออะไรก็ตามที่ผู้สร้างผู้กำกับเขาอยากจะเอามาทำ เหตุผลร้อยแปดพันประการก็ทำให้เรื่องที่รีเมคก็ถูกผลิตด้วยเหตุผลของพวกเขาซึ่งจะนิยมมากนิยมน้อยก็อีกเรื่องหนึ่ง
ทีนี้มีอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งผมเองเคยชมและเคยศึกษามา แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ในหลายๆเรื่อง เรื่องนั้นคือ"หกตัวละครตามหานักประพันธ์(Sei personaggi cercano uno scrittore) "ผลงานของละครเรื่องนี้ถูกเขียนขึ้นโดยผลงานของ ลุยจิ ปิรันแดลโล นามกรบทละครชื่อก้องแห่งอิตาลี
ครั้งแรกที่ผมได้ยินชื่อนี้ก็เรื่อง"Six Character มายาพิศวง"ของหม่อมน้อย"พันธุ์เทวนพ เทวกุล"ซึ่งเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเขา
ไอ้ตัวสิ่งที่จะสื่อของเรื่องนี้ก็มีหลายเรื่องที่อ.ลุยจิได้เสนอผ่านเรื่องราวของละครที่(ที่ผมงงก็เรื่องเนื้อหานี้แหละ) สิ่งที่เสนอเป็นสาระใจความสำคัญคือ
แน่นอนครับ ละคร "หกตัวละครตามหานักประพันธุ์" ของลุยจิ ปิรันเดลโล มุ่งนำเสนอแนวคิดสำคัญหลายประเด็นที่ท้าทายความคิดของผู้ชม ตัวอย่างหัวข้อหลัก ๆ ได้แก่:
1. ความจริงและภาพลวง
ละครสะท้อนถึงคำถามว่า "อะไรคือความจริง" เพราะทั้งนักแสดงและตัวละครในเรื่องมีวิธีมองและเล่าเรื่องราวของตัวเองซึ่งอาจขัดแย้งกัน ปิรันเดลโลชี้ให้เห็นว่าความจริงอาจเป็นเรื่องส่วนบุคคลและขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน
2. อัตลักษณ์และการมีตัวตน
เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความต้องการของตัวละครในการค้นหาความหมายและตัวตนของตนเอง ตัวละครเหล่านี้เชื่อว่าตนมีชีวิต มีความรู้สึก และต้องการให้นักเขียนยอมรับการมีอยู่ของพวกเขา จึงทำให้เกิดคำถามว่าอัตลักษณ์ของคนเรามาจากไหน และใครเป็นผู้กำหนด
3. ความสัมพันธ์ระหว่างนักเขียนกับตัวละคร
ปิรันเดลโลเสนอมุมมองว่า ตัวละครในงานเขียนมีชีวิตและเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่ได้เป็นเพียงสิ่งสมมติของนักเขียนเท่านั้น ตัวละครที่ไม่สมบูรณ์ในละครนี้มีความต้องการที่จะ “เกิด” อย่างสมบูรณ์ ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของนักเขียนในการสร้างและควบคุมตัวละคร
4. ศิลปะและชีวิตจริง
เรื่องนี้ผสมผสานเส้นแบ่งระหว่างศิลปะและชีวิตจริง ตัวละครที่มีชีวิตในจินตนาการมาเผชิญหน้ากับนักแสดงบนเวที ทำให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทของศิลปะในการสะท้อนความเป็นจริงและการสร้างภาพลวงของมัน
5. การค้นหาความหมายในชีวิต
ละครนี้สะท้อนถึงความต้องการของมนุษย์ในการค้นหาความหมายในชีวิต ตัวละครที่ตามหานักประพันธ์เป็นสัญลักษณ์ของการค้นหาความหมายและการยอมรับในสิ่งที่ตนเองเป็น
6.ความเป็นอนันต์ของศิลปะ
ศิลปะทุกแขนง ทั้งเป็นสมบัติประจำชาติหรือประจำตัวบุคคลก็ดี ทุกเรื่องที่ตกทอดมาสู่คนรุ่นหลังล้วนเป็นสื่อสิ่งรับชมที่มันมีความเป็นอมตะ มันมีความหมายที่ลึกซึ้ง มันมีความหมายอะไรบ้างที่จะสื่อให้ผมชมรุ่นเราๆไปชมแล้วได้อะไรถึงได้ตกทอดความเป็นอนันต์
ที่ผมงงก็คือ...เนื้อเรื่องมันนี่แหละ ผมทบทวนดูแปดถึงสิบรอบแล้ว หลายๆครั้งผมก็ไม่เข้าใจในเหตุผลของบทละครที่จะสื่อเลย จนบางครั้ง[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ผมต้องไปกินยาแก้ปวดหัวเหมือนกัน แต่ถามว่าสิ่งที่สื่อมาทั้งทางตรงถามอ้อมเนี่ยเขาสอนเราได้มั้ย โอเค อันเนี่ยพอได้ เรารู้ว่าตัวพ่อเป็นยังไง ตัวแม่เป็นยังไง ตัวพี่สาวเป็นไง ตัวพี่ชายตัวน้องทั้งสองคนเป็นไง รวมถึงสิ่งที่ตัวละครทั้งหกเสนอมาให้แก่คนในโรงละครคืออะไร
เขาต้องการให้เรายึดเอาบทละครใช่มั้ย
เขาต้องการให้เราเป็นคนในบทเลยใช่มั้ย
เขาต้องการให้คนทำบทนี้ถอดความถอดแบบแบบนี้ๆๆใช่มั้ย
จนมาถึงในปัจจุบัน ผมกลับมองในอีกมุมหนึ่ง ผมว่าสิ่งที่เขา(ลุยจิ)เขียนเนี่ย มันกลับสะท้อนถึงคนทำหนังทำละครบ้านเราอยู่นะ เพราะอะไร...
วิจารณ์ตรงๆเลยก็ได้ บางเรื่องนะ โปรดักส์ชั่นดี ภาพดี นักแสดงนี่ระดับแม่เหล็กเลยของวงการ ผู้กำกับก็ดี สุดท้าย(บางเรื่องนะ)มาเป๋ตรงบทเนี่ย ขอโทษนักอ่านนักตอบกระทู้เลยว่า บางเรื่องนี่ไม่มีบทพูดเลย! คือวงการหนังกับละครบ้านเราถ้าไม่ขาดหรือไม่ด้อยองค์ประกอบอย่างใดอย่างหนึ่งนี่ก็ไม่ใช่หนังบ้านเรา บางคนที่มาอ่านก็น่าจะโกรธผมคงจะมาด่าว่า"คุณเขียนอย่างนี้คุณรู้มั้ยว่าผลงานแต่ละเรื่องเขาทุ่มเทขนาดไหนกว่าจะ..."ผมเลยตอบตรงนี้ว่าแล้วมันไม่จริงเหรอที่วงการบันเทิงบ้านเรามันก็ยังเป็นแบบนี้อยู่
บางเรื่องนะ...ลงทุนนี่โอ้โห้...ห้าสิบล้านหกสิบล้าน "เป๋ตรงบท"
บางเรื่องนะ...บทดีเลย เนี๊ยบเลย ตีหัวเข้าบ้านแน่ "เป๋ตรงงานสร้าง" "เป๋ตรงผู้แสดง"
บางเรื่องนะ...ไม่คิดอะไรหรอก สร้างๆไปเหอะ คนดูเราเยอะ ช่องเราแน่น ดาราเราดัง "บางเรื่องที่งานมันพังเพราะผู้สร้างก็มี"
แล้วมันก็มีบางเรื่องนะ บทดี,งานสร้างดี,นักแสดงดัง "ที่มันไม่ปังบางครั้งก็ไม่ตอบโจทย์คนดู"
ไอ้ที่ผมพูดมา ก็คงจะมีคนว่าผมว่า
" เอ้า พูดมาแบบนี้ทำไมไม่สร้างเอง"
" ทำไมไม่สนับสนุนหนังไทยละครไทย..."
" สงสัยคุณเป็นแฟนของค่าย...แน่ "
บางครั้งผลงานที่เราชอบมันอาจไม่ถูกใจหลายคน(ร้อยพ่อพันแม่)
บางครั้งผลงานที่เราเสพ สังคมหรือคนส่วนใหญ่ไม่เก็ทหรือไม่เข้าใจในเรื่องนั้นๆ
บางครั้งงานที่เราชม ถ้าบางอย่างคนดูไม่ชอบใช่ว่าจะคล้อยตามเขาไปเสียทุกเรื่อง
ผลงาน"หกตัวละครตามหานักประพันธ์" ที่อ.ลุยจิเขียนนั้นจึงเป็นสิ่งที่เสนอมาอย่างหนึ่งว่า
บางครั้งศิลปะที่ควรสร้างให้แก่ประชาชน ควรสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นอนันต์ ควรสร้างสิ่งที่มีคุณค่าให้แก่สังคม ควรผลิตผลงานที่สอดคล้องกับคนที่เขาต้องการดูผลงานของเรา
นี่แหละครับ "หกตัวละครตามหานักประพันธ์"
เนื้อเรื่องไม่จำเป็นว่าต้องสำคัญ แต่คือเนื้อหาและสาระเท่านั้นสำคัญพอ