เมื่อพูดถึง ITZY จากจุดเริ่มต้นอันรุ่งโรจน์ในปี 2019 ไปจนถึงปัจจุบัน เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายด้านที่เกิดขึ้นกับวงนี้ จากเพลงที่ทรงพลัง มาถึงจุดที่ความนิยมค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ เรามาดูกันทีละช่วงว่าทำไม ITZY ถึงล้มเหลวในการรักษาฐานแฟนคลับ และที่สำคัญคือ พวกเขาจะกลับมายืนที่หนึ่งได้อย่างไร!
ยุคเดบิวต์ (2019): การเข้ามาเขย่าวงการอย่างแรง
การเปิดตัวของ ITZY ด้วยเพลง "DALLA DALLA" ต้องบอกเลยว่าเป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนพูดถึง ITZY ในฐานะวงที่แตกต่างและน่าจับตามองมากๆ สไตล์ของเพลงผสมผสานแนว EDM และ pop ที่เร้าใจ ท่าเต้นที่โดดเด่น และเนื้อหาที่เน้นความเป็นตัวเอง สื่อถึงความมั่นใจและไม่สนคำวิจารณ์ ทุกอย่างช่างลงตัวและจับใจแฟนคลับได้ทันที
แล้วเพลงต่อมา "ICY" ก็ยังคงความสำเร็จนั้นไว้ ด้วยพลังบวกและเนื้อหาที่ไม่แคร์คำคน เพลงพวกนี้ทำให้ ITZY กลายเป็นไอคอนของวัยรุ่นที่มองหากำลังใจในการเป็นตัวของตัวเอง
จุดสูงสุด (2020): "WANNABE" – ความมั่นใจถึงขีดสุด
พอถึงปี 2020 กับเพลง **"WANNABE"** ITZY ก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่แฟนๆ รัก เพลงนี้เต็มไปด้วยพลังและความหมายที่ชัดเจน เน้นความมั่นใจและเป็นตัวเองอย่างที่สุด นี่แหละคือเพลงที่ทำให้พวกเธอเป็นที่จดจำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นท่าเต้นสุดไอคอนิกหรือทำนองที่ติดหู แต่ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นเมื่อวงต้องหาวิธีพัฒนาต่อจากจุดนี้
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ราบรื่น (2021-2022): เสี่ยงเกินไปกับ "M.A.F.I.A in the Morning"
ปี 2021 กับเพลง **"M.A.F.I.A in the Morning"** เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในแนวทางดนตรีที่พยายามจะเป็นอะไรที่เข้มขึ้น เพลงนี้เน้นบีทหนักๆ และทำนองที่มืดขึ้น แต่มันไม่เข้ากับความเป็น ITZY ที่แฟนๆ คุ้นเคย ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในหมู่แฟนคลับที่เริ่มไม่แน่ใจว่า วงนี้กำลังไปในทิศทางไหน และ **"LOCO"** ที่ตามมาก็ไม่ช่วยเพิ่มความมั่นใจเท่าไร แม้จะมีพลังงานสนุกๆ แต่มันขาดความแปลกใหม่หรือดึงดูดใจเหมือนเพลงยุคแรกๆ
การถดถอยที่ชัดเจน (2023-2024): "Cake" และ "Cheshire" ที่ไม่ไหวจริงๆ
ปี 2023 กับการปล่อยเพลง **"Cake"** ที่พยายามจะดึงกระแสกลับมา แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่หวัง ความซับซ้อนในดนตรีและเนื้อหาที่ไม่ชัดเจนทำให้เพลงนี้ไม่สามารถสร้างกระแสได้เท่าที่ควร และกับเพลง "Cheshire" สถานการณ์ยิ่งแย่ลง เสียงวิจารณ์ที่รุนแรงขึ้นเกี่ยวกับสไตล์เพลงที่ขาดความโดดเด่นและทิศทางที่ไม่ชัดเจนในภาพลักษณ์ ทำให้ ITZY ดูเหมือนจะหลงทาง
ทำไม ITZY ถึงสูญเสียความนิยม?
1. **การเปลี่ยนแปลงสไตล์ดนตรีที่ไม่ชัดเจน**: ITZY พยายามปรับแนวเพลงให้เข้ากับตลาดใหม่ๆ แต่การเปลี่ยนแนวทางนี้กลับทำให้แฟนๆ เก่ารู้สึกขาดการเชื่อมต่อกับวง และเพลงใหม่ๆ ก็ไม่สามารถดึงดูดฐานแฟนคลับใหม่ได้
2. **เนื้อหาที่ขาดความลึก**: เพลงยุคแรกๆ ของ ITZY มักมีเนื้อหาที่ทรงพลังและเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะเรื่องความมั่นใจในตัวเอง แต่ในเพลงยุคหลัง เนื้อหากลับไม่สามารถสร้างความเชื่อมโยงหรือแรงบันดาลใจแบบเดิมได้
3. **การแข่งขันที่สูงใน K-pop**: เกิร์ลกรุ๊ปในวงการ K-pop เติบโตอย่างรวดเร็ว และวงใหม่ๆ ก็ดันขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้ ITZY ต้องเผชิญกับการต่อสู้ในตลาดที่ยากขึ้น แต่กลยุทธ์โปรโมทกลับไม่โดดเด่นพอที่จะสู้กับวงอื่นได้
ITZY จะกลับมาเป็นอันดับ 1 ได้อย่างไร?
ถ้า ITZY อยากกลับมาครองใจแฟนๆ พวกเขาต้องกลับไปหาจุดแข็งของตัวเอง นั่นคือการสร้างเพลงที่เน้นพลังบวกและความเป็นตัวเอง เหมือนที่ทำในยุคของ **"DALLA DALLA"** และ **"WANNABE"** อีกทั้งพวกเธอควรหากลยุทธ์การโปรโมทที่เจาะจงและสร้างความแตกต่างในตลาดให้มากขึ้น รวมถึงเน้นการสื่อสารกับแฟนคลับให้มากกว่าเดิม
ITZY มีศักยภาพมากพอที่จะกลับมา แต่พวกเธอต้องเลือกทางที่ถูกและมองหาสิ่งที่แฟนๆ ต้องการ นั่นคือ ความสดใส ความมั่นใจ และการเป็นวงที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างแท้จริง
ITZY จะกลับมาอีกทีกี่โมง มารวมวิเคราะห์กัน
ยุคเดบิวต์ (2019): การเข้ามาเขย่าวงการอย่างแรง
การเปิดตัวของ ITZY ด้วยเพลง "DALLA DALLA" ต้องบอกเลยว่าเป็นการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่ ทุกคนพูดถึง ITZY ในฐานะวงที่แตกต่างและน่าจับตามองมากๆ สไตล์ของเพลงผสมผสานแนว EDM และ pop ที่เร้าใจ ท่าเต้นที่โดดเด่น และเนื้อหาที่เน้นความเป็นตัวเอง สื่อถึงความมั่นใจและไม่สนคำวิจารณ์ ทุกอย่างช่างลงตัวและจับใจแฟนคลับได้ทันที
แล้วเพลงต่อมา "ICY" ก็ยังคงความสำเร็จนั้นไว้ ด้วยพลังบวกและเนื้อหาที่ไม่แคร์คำคน เพลงพวกนี้ทำให้ ITZY กลายเป็นไอคอนของวัยรุ่นที่มองหากำลังใจในการเป็นตัวของตัวเอง
จุดสูงสุด (2020): "WANNABE" – ความมั่นใจถึงขีดสุด
พอถึงปี 2020 กับเพลง **"WANNABE"** ITZY ก็ยิ่งตอกย้ำความเป็นวงเกิร์ลกรุ๊ปที่แฟนๆ รัก เพลงนี้เต็มไปด้วยพลังและความหมายที่ชัดเจน เน้นความมั่นใจและเป็นตัวเองอย่างที่สุด นี่แหละคือเพลงที่ทำให้พวกเธอเป็นที่จดจำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นท่าเต้นสุดไอคอนิกหรือทำนองที่ติดหู แต่ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นเมื่อวงต้องหาวิธีพัฒนาต่อจากจุดนี้
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ราบรื่น (2021-2022): เสี่ยงเกินไปกับ "M.A.F.I.A in the Morning"
ปี 2021 กับเพลง **"M.A.F.I.A in the Morning"** เราเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงในแนวทางดนตรีที่พยายามจะเป็นอะไรที่เข้มขึ้น เพลงนี้เน้นบีทหนักๆ และทำนองที่มืดขึ้น แต่มันไม่เข้ากับความเป็น ITZY ที่แฟนๆ คุ้นเคย ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ในหมู่แฟนคลับที่เริ่มไม่แน่ใจว่า วงนี้กำลังไปในทิศทางไหน และ **"LOCO"** ที่ตามมาก็ไม่ช่วยเพิ่มความมั่นใจเท่าไร แม้จะมีพลังงานสนุกๆ แต่มันขาดความแปลกใหม่หรือดึงดูดใจเหมือนเพลงยุคแรกๆ
การถดถอยที่ชัดเจน (2023-2024): "Cake" และ "Cheshire" ที่ไม่ไหวจริงๆ
ปี 2023 กับการปล่อยเพลง **"Cake"** ที่พยายามจะดึงกระแสกลับมา แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นอย่างที่หวัง ความซับซ้อนในดนตรีและเนื้อหาที่ไม่ชัดเจนทำให้เพลงนี้ไม่สามารถสร้างกระแสได้เท่าที่ควร และกับเพลง "Cheshire" สถานการณ์ยิ่งแย่ลง เสียงวิจารณ์ที่รุนแรงขึ้นเกี่ยวกับสไตล์เพลงที่ขาดความโดดเด่นและทิศทางที่ไม่ชัดเจนในภาพลักษณ์ ทำให้ ITZY ดูเหมือนจะหลงทาง
ทำไม ITZY ถึงสูญเสียความนิยม?
1. **การเปลี่ยนแปลงสไตล์ดนตรีที่ไม่ชัดเจน**: ITZY พยายามปรับแนวเพลงให้เข้ากับตลาดใหม่ๆ แต่การเปลี่ยนแนวทางนี้กลับทำให้แฟนๆ เก่ารู้สึกขาดการเชื่อมต่อกับวง และเพลงใหม่ๆ ก็ไม่สามารถดึงดูดฐานแฟนคลับใหม่ได้
2. **เนื้อหาที่ขาดความลึก**: เพลงยุคแรกๆ ของ ITZY มักมีเนื้อหาที่ทรงพลังและเข้าถึงง่าย โดยเฉพาะเรื่องความมั่นใจในตัวเอง แต่ในเพลงยุคหลัง เนื้อหากลับไม่สามารถสร้างความเชื่อมโยงหรือแรงบันดาลใจแบบเดิมได้
3. **การแข่งขันที่สูงใน K-pop**: เกิร์ลกรุ๊ปในวงการ K-pop เติบโตอย่างรวดเร็ว และวงใหม่ๆ ก็ดันขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้ ITZY ต้องเผชิญกับการต่อสู้ในตลาดที่ยากขึ้น แต่กลยุทธ์โปรโมทกลับไม่โดดเด่นพอที่จะสู้กับวงอื่นได้
ITZY จะกลับมาเป็นอันดับ 1 ได้อย่างไร?
ถ้า ITZY อยากกลับมาครองใจแฟนๆ พวกเขาต้องกลับไปหาจุดแข็งของตัวเอง นั่นคือการสร้างเพลงที่เน้นพลังบวกและความเป็นตัวเอง เหมือนที่ทำในยุคของ **"DALLA DALLA"** และ **"WANNABE"** อีกทั้งพวกเธอควรหากลยุทธ์การโปรโมทที่เจาะจงและสร้างความแตกต่างในตลาดให้มากขึ้น รวมถึงเน้นการสื่อสารกับแฟนคลับให้มากกว่าเดิม
ITZY มีศักยภาพมากพอที่จะกลับมา แต่พวกเธอต้องเลือกทางที่ถูกและมองหาสิ่งที่แฟนๆ ต้องการ นั่นคือ ความสดใส ความมั่นใจ และการเป็นวงที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างแท้จริง