ด้วยความที่บ้านอยู่ไกล้ตัวเมือง และ ขายของตามตลาดในเมืองทุกเช้ามืดยันสว่าง ที่เห็นๆส่วนมากในแต่ละวันคือ
บ้างก็รับเงินตอนบิณฑบาต แบงค์ 20 เหรียญ 5-10 เต็มก้นบาตรทั้งๆที่ ผิดพระวินัย และ ต้องโทษอาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ บางรูปได้เงินมาก จนซื้อ รถให้ญาติ ปล่อยกู้ก็มี
บ้างก็รับบาตรได้อาหารเป็นกระสอบ (ไม่ต่างจากภิกษุที่มักมาก) ไม่รู้จะฉันเองหมดไหม แถม เอาไปให้คนอื่นๆ
บ้างก็ไม่สำรวม ไม่มี อินทรียสังวรศีล ตอนยกทานขึ้นหัวกล่าวอธิษฐาน ก็พูดโน่นนี่นั่น ไม่มีสัมมาวาจา จนเสียสมาธิ
เณรบางรูปก็ติดเกมส์ในมือถือ ได้เงินมาก็เติมเกส์ นอนดึก เดินบิณบาตรไปหาวไป
บ้างก็ไม่มี อาชีวปาริสุทธิศีล ใบ้หวย แม้แต่ตอนใส่บาตรก็ยังให้เลขใบ้หวย บ้างก็ซื้อลอตตารี่ รับดูดวง สะเดาะเคราะห์ ปลุกเสกวัตถุมงคล
วัดพุทธ พิธีกรรม ผี-พราหมณ์ และ เทพเจ้าจีนและฮินดู จากภิกษุที่มักมาก ขับเคลื่อนโดยพุทธพาณิชย์ .
ด้วยความที่ผมมีทานนุปนิสัย คือ ชอบให้ทาน บางครั้งตื่นแต่ดึก หาซื้องของมาใส่บาตรแทบทุกวัน เพราะ ภิกษุเดินผ่านหน้าร้าน (ตกเดือนละ 2000-2500) ให้ทานอย่างปราณีต แต่พอเจอแบบนี้ แทนที่จะยินดี หรือ มีความสุข จาการให้ทาน กลายเป็นว่า จิตเศร้าหมอง เสียความรู้สึก และ ไม่อยากใส่บาตร " ส่วนตัวพอรู้พระธรรมวินัยบ้าง ถึงแม้ผมไม่ใช่ภิกษุ แต่กลับมีความละอายในพระวินัยแทน" ไม่อยากใส่บาตร กลัวว่าจะเป็นบาปและสนับสนุนการละเมิดพระวินัยหากใส่บาตรไป บางครั้งที่เห็นภิกษุรับบาตรเกิน 2-3 บาตร เดินหิ้วถุงแกงหลายๆถุง ไอเราก็มีเจตนาให้ทาน ทานวัตุถุก็บริสุทธิ์ ไม่รู้สึกเสียดาย แต่มาเจอ ผู้รับทานเป็นแบบนี้เสียความรู้สึก บางครั้งอุทิศให้ ญาติที่ล่วงลับไม่รู้บุญจะไปถึงญาติหรือเปล่าถ้าให้ทานกับภิกษุที่ไม่มีความละอายในพระวินัยแบบนี้. ในบางครั้งต้องยอมขับรถไปกลับ เกือบ 30 กิโล เพื่อต้องการให้ทานกับ ภิกษุ ที่ผมคิดว่าท่านปฎิบัติดี สำรวมในพระวินัย
ภิกษุควรมีความละอายในพระธรรมวินัยบ้าง ทำตัวเป็นเนื้อนาบุญที่ดีหน่อยเหอะ
ไม่มีใครทำร้ายพระศาสนาได้นอกจาก ชาวพุทธด้วยกัน การสืบทอดพระศาสนา ไม่ใช่เป็นการ พิมพ์หนังสือธรรมแจก สร้างพระพุทธรูป สร้างโน่นนี่นั่น แต่ คือการ ที่พุทธบริษัท 4 คอยเป็นหูเป็นตาไม่ให้พุทธบริษัท 4 ด้วยกันที่ว่ามา ทำตัวนอกรีต เอาศาสนามาหาผลประโยชน์ บิดเบือนคำสอน ไม่ประพฤติตามกรอบพระวินัย เพื่อประโยชน์ตัวเอง เหมือนเนื้อร้ายที่เกาะกินศาสนา
เห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของภิกษุและสามเณรบางรูปแล้วเกิดศรัทธาตก จิตเศร้าหมอง
บ้างก็รับเงินตอนบิณฑบาต แบงค์ 20 เหรียญ 5-10 เต็มก้นบาตรทั้งๆที่ ผิดพระวินัย และ ต้องโทษอาบัติ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ บางรูปได้เงินมาก จนซื้อ รถให้ญาติ ปล่อยกู้ก็มี
บ้างก็รับบาตรได้อาหารเป็นกระสอบ (ไม่ต่างจากภิกษุที่มักมาก) ไม่รู้จะฉันเองหมดไหม แถม เอาไปให้คนอื่นๆ
บ้างก็ไม่สำรวม ไม่มี อินทรียสังวรศีล ตอนยกทานขึ้นหัวกล่าวอธิษฐาน ก็พูดโน่นนี่นั่น ไม่มีสัมมาวาจา จนเสียสมาธิ
เณรบางรูปก็ติดเกมส์ในมือถือ ได้เงินมาก็เติมเกส์ นอนดึก เดินบิณบาตรไปหาวไป
บ้างก็ไม่มี อาชีวปาริสุทธิศีล ใบ้หวย แม้แต่ตอนใส่บาตรก็ยังให้เลขใบ้หวย บ้างก็ซื้อลอตตารี่ รับดูดวง สะเดาะเคราะห์ ปลุกเสกวัตถุมงคล วัดพุทธ พิธีกรรม ผี-พราหมณ์ และ เทพเจ้าจีนและฮินดู จากภิกษุที่มักมาก ขับเคลื่อนโดยพุทธพาณิชย์ .
ด้วยความที่ผมมีทานนุปนิสัย คือ ชอบให้ทาน บางครั้งตื่นแต่ดึก หาซื้องของมาใส่บาตรแทบทุกวัน เพราะ ภิกษุเดินผ่านหน้าร้าน (ตกเดือนละ 2000-2500) ให้ทานอย่างปราณีต แต่พอเจอแบบนี้ แทนที่จะยินดี หรือ มีความสุข จาการให้ทาน กลายเป็นว่า จิตเศร้าหมอง เสียความรู้สึก และ ไม่อยากใส่บาตร " ส่วนตัวพอรู้พระธรรมวินัยบ้าง ถึงแม้ผมไม่ใช่ภิกษุ แต่กลับมีความละอายในพระวินัยแทน" ไม่อยากใส่บาตร กลัวว่าจะเป็นบาปและสนับสนุนการละเมิดพระวินัยหากใส่บาตรไป บางครั้งที่เห็นภิกษุรับบาตรเกิน 2-3 บาตร เดินหิ้วถุงแกงหลายๆถุง ไอเราก็มีเจตนาให้ทาน ทานวัตุถุก็บริสุทธิ์ ไม่รู้สึกเสียดาย แต่มาเจอ ผู้รับทานเป็นแบบนี้เสียความรู้สึก บางครั้งอุทิศให้ ญาติที่ล่วงลับไม่รู้บุญจะไปถึงญาติหรือเปล่าถ้าให้ทานกับภิกษุที่ไม่มีความละอายในพระวินัยแบบนี้. ในบางครั้งต้องยอมขับรถไปกลับ เกือบ 30 กิโล เพื่อต้องการให้ทานกับ ภิกษุ ที่ผมคิดว่าท่านปฎิบัติดี สำรวมในพระวินัย
ไม่มีใครทำร้ายพระศาสนาได้นอกจาก ชาวพุทธด้วยกัน การสืบทอดพระศาสนา ไม่ใช่เป็นการ พิมพ์หนังสือธรรมแจก สร้างพระพุทธรูป สร้างโน่นนี่นั่น แต่ คือการ ที่พุทธบริษัท 4 คอยเป็นหูเป็นตาไม่ให้พุทธบริษัท 4 ด้วยกันที่ว่ามา ทำตัวนอกรีต เอาศาสนามาหาผลประโยชน์ บิดเบือนคำสอน ไม่ประพฤติตามกรอบพระวินัย เพื่อประโยชน์ตัวเอง เหมือนเนื้อร้ายที่เกาะกินศาสนา