เกี่ยวกับบ้านแช่ศพ
เรื่องนี้เกิดขึ้น เมื่อปี53 ผมได้มีโอกาสได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ ณ บ้านแห่งนี้เนื่องจากปีนั่นบ้านผม ที่อยู่ เพชรเกษมโดนน้ำท่วมและกำลัง ปรับปรุงเลยจำเป็นต้องไปหาศัย เพื่อนพ่ออยู่ชั่วคราว บ้านนี้เป็นตึกแถวอยู่ติดถนน ใหญ่เป็นอาคารพาณิช 5ชั้นครึ่ง มีชั้นลอย
เนื่องจากบ้านผมเป็นครอบครัวที่มี
พ่อ ผม แฟน และก็ลูกสาวกำลังหัดเดินหัดพูด ช่วงที่ไปอยู่เราก็ได้เปืดร้านอาหารเล็กๆ เพื่อจะได้มีรายได้ ขายอาหาร เพื่อนคุณใจดีมากให้ไปอยู่ฟรีไม่มีค่าเช่าเราแค่ จ่ายค่าไฟค่าน้ำที่ใช้ก็พอ ซึ่งคุณพ่อได้ไปคุยกับเพื่อน ถึงรายละเอียดต่างๆ กฎของการไปอยู่บ้านหลังนี้
มีกฎ ว่า ชั้น3 ทั้งสองห้อง กับชั้น 4 ห้องซ้าย ห้ามเปิด และห้ามขึ้นไป หลัง สี่ทุ่ม ชั้น5เป็นดาดฟ้าที่มีลูกกรง มีห้องเก็บปั้มน้ำ และอุปกรณ์ ต่างๆ แต่ลักษณะห้องไม่ใหญ่มาก ขนาดประมาณ 2เมตร คูณ 2 เมตร ถ้าวันไหนปั้มน้ำไม่ทำงานเราจะต้องขึ้นไปที่ห้อง ๆ นี้เพื่อสับสวิทย์ขึ้นๆ ลงๆ ปั้มน้ำก็จะมาทำงานปกติ ผมจะเข้าเรื่องเลยนะครับ บ้านหลังนี้ชั้นล่าง เป็นลักษณะห้องยาวๆ มีห้องน้ำใต้บรรได บ้านปูกระเบื้องสีน้ำตาล ประตูหลังบ้านเปิดออกไป จะเจอซอย ที่อยู่อาศัยของ ชุลชนนึง คือบ้านหลังนี้จะอยู่เหมือนขวางซอยแต่เป็นหลังกลางเพราะมีสามหลังติดกันที่ขวางซอยนี้ บรรไดขึ้นไปชั้นลอย ก็จะอยู่ติดกับ บรรไดที่เปิดออกไปด้านหลังได้ ประวัติบ้านหลังนี้อดีตเคยไปโรงงานทำ ขนมปังปี๊บ แน่นอน ชั้นลอยจะเป็นออฟฟิตเก่าๆ มีโต๊ะ มีเก้าอี้ มีบาร์สำหรับแพคของ
ชั้นสอง จะเป็นที่เก็บ อุปกรณ์ ทำขนม โต๊ะตู้ อุปกรณ์ ชั้นสองของบ้านหลังนี้มี สิ่งที่แปลกคือ เราขึ้นจากชั้นลอยมาแล้ว บ้านหลังที่ เราจะเจอบรรไดเหล็กสร้าง วนเป็นวงกลม และมีลูกกรง ล้อมมีกุญแจมีกลอนสับไว้สำหรับใส่แม่กุญแจวันแรกที่ผมไป ด้วยความที่เราก็ ไม่ค่อยกลัวแต่ในชีวิตเราก็ได้พกได้เห็น วิญญาณบ่อยครั้งผมสำรวจบ้านเองคนเดียว วันที่จะไปทำความสะอาดเพื่อที่จะได้ย้ายมาอยู่ ชั้น1 กับชั้นลอยสะอาดมาก ส่วนชั้นสอง ผมขึ้นไปก้าวแรกที่ปิดประตูจากชั้นลอยเพื่อจะขึ้นไปชั้นสอง เจอลมแรงมาก ปะทะ กับผมแล้วมีกลิ่น แบบ เก่าๆ อับๆ แบบไม้เก่าๆนาทีนั้นผม ชะงัก คิดเอาไงดีวะ ขึ้นไปดีไหม แต่ในคิดละไม่ปกติ ยืนคิดสักพักโทรหาพ่อ ถามพ่อว่า ป๊าชั้นสองบ้านนี้ ทำไมเหม็นจังวะคือจริงๆ แอบกลัวแค่หาคนคุยเป็นเพื่อนเพื่อจะขึ้นไปต่อ พอเดินพ้นบรรไดชั้นลอย ผมนี่ถึงกับอึ่งมาก คือฝุ่นหนามาก หนาแบบเหยียบแล้วนิ่มเท้าคือฝุ่นหนามากแล้วก็มืดแบบไม่มีไฟรึแสงรอดผ่าน มาได้เลย ผมบอกพ่อว่าเด่วแป๊บนะของเปิดไฟฉายก่อน พ่อบอกเองเก็บแค่ชั้นสองพอนะ สาม สี่ไม่ต้องไปยุ่ง ผมก็ สงสัยแต่คงคิดถ้าทำคนเดียวคงเหนื่อยแน่ๆ ขนาดชั้นสองยังขนาดนี้ ผมวางสายพ่อไป เสร็จเปืดไฟฉายที่มือถือเชื่อไหมมี ผมแทบวิ่งหนีลงมาเลย ผมเห็น ฝุ่นจับแบบ เหมือนไม่มีใครอยูมาหลายสืบปี แบบ กำแพงเป็นสีเทา หยักไย่ฝุ่น แบบเดินไปคง ตืดตามตัวแน่ๆ แต่มีช่องที่สามารถเดินขึ้นบรรไดนั้นได้ ผมมองแล้วคิด เอาไงดีวะเดินลุยไป เปิดหน้าต่างก่อนไหม รึเดินขึ้นไปชั้นสามต่อเลยดี กำลังยืนคิด ได้ยินเสียงเหมือนคนเดิน ขึ้นบรรไดผมรีบเอาไฟไปส่องไม่มีไร เนื่องจากบรรไดเป็นเหล็ก ผมคิดคงมีหนูหละ เอาวะ มาถึงขนาดนี้ละเดินลง เดี๋ยวพ่อจะหาว่าเรากลัวผมตัดสินใจ เดินต่อแต่เดินแบบระวังมาก ฝุ่นเยอะใยแมงมุม เดินจนไปถึง บรรไดเวงกำ มีกุญแจใหญ่มาก ใส่อยู่ด้วยความที่มืดกับไฟมือถือสมัยนั้นก็ไม่ได้สว่างมาก ผมก็ส่องที่แม่กุญแจ แล้วมอง รอบๆ ช่วงกำลังสอดส่องก็มีเสียงเหมือนคนเคาะบรรไดเหล็กแต่ อยู่ข้างบนเคาะแบบ แกร๊งๆ แกร๊ง.... แล้วก็ แกร๊ง.....ผมก็มอง ผมเจอกุญแจดอกนึง ที่มัดเชือกสีส้มๆ แขวนอยู่ที่ลูกกรง ไม่มีลมอย่างที่ผมบอกไปหละครับมืดมาก ฝุนเยอะแต่กุญแจ ขยับได้ไงเอาหนะคิดดี ก็หยิบกุญแจที่แขวนอยู่มาไขแต่ความแปลกที่ไขคือมันไข ไม่ออกมันเหมือนติดไรมือนึงก็ถือมือถือ ด้วยจับแม่กุญแจไปด้วยอีกมือก็ไข ไขไงก็ไม่ออก ผมเลยคิดคงไม่ใช่ดอกของมันละมั้ง ใจนึงก็คิดเดี๋ยวไม่ออกจะหาน้ำมันมาหยอดเผื่อข้างในเป็นสนิม เลยตัดสินใจ ปล่อยแม่กุญแจที่มีดอกคาไว้แล้วเดินหันหลังกับมาที่บรรที่ขึ้นมา ภาพแว๊บแรกเหมือนมีไร เข้มๆมืดๆ ที่มืดกว่าเดินผ่าน แต่ด้วยความคิดคงเป็นเพราะเรามองไฟฉายนานทำให้ตาคงปรับไม่ได้ ตัดสินใจเดินลงมาชั้นลอยแล้ว คิดเราคงทำความสะอาดคนเดียวไม่ไหว พรุ่งนี้จะมาใหม่จะไปตามรุ่นน้องมาช่วย ว่าแล้วก็ โทรหารุ่นน้องเด็กวัยรุ่นเด็กแว๊นสมัยนั้นบอกว่า พรุ่งนี้มาช่วยพี่เก็บบ้านกันหน่อย พอโทรไปปุ๊บด้วยความที่เราเป็นรุ่นพี่พวกน้องๆก็ตอบตกลง เค้าถามว่าบ้านอยู่ไหนพี่ ผมก็บอกไป ไม่รู้โชคดีรึอะไร รุ่นน้องผมดันมา เที่ยวบ้านเพื่อนอีกคน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังนั้น เค้าเลยบอกผมว่าพี่เด่วพวกผมไปช่วยวันนี้เลยขอทำธุรก่อนเด่วไป ช่วยผมฟังแบบนั้นผมก็บอกนี่มันจะเย็นแล้วนะ แต่พวกเด็กๆ บอกบ้านมีไฟ ไม่ใช่รึพี่ ผมตอบใช่แล้วพี่จะกลัวไร อยู่กับจนเสร็จก็ได้ดึกแค่ไหนก็ไหวเด่วผมเรียกเพื่อนๆไป ช่วย ผมก็คิด คงมาสองสามคน เลยจัดการหาไม้กวาด เศษผ้าให้ เตรียมให้พวกเด็กๆ แล้วก็ค่อยๆทำชั้นล่างสุดก่อน รอพวกเด็กๆมา พอรอไปรอมาทำงานเพลินๆ คิดว่าไม่นาน สักพักก็มีเสียงมือถือดังผมเลยเดินไปรับสาย สายนั่นคือเด็กๆ พูดมาว่าพี่รอก่อนนะ เดี๋ยวไปขอหาสเบียงแป๊บ นานๆเจอพี่ทีขอสังสรรคหน่อยนะพอผมได้ฟังคืดในใจ ยาวละราตรีนี้แต่ไม่ป็นไร นานเจอที ก็บอกรีบมาเถอะพี่รอนานละ ไม่มีใครดูลูกให้ฝากพ่อไว้ น้องเลยบอกได้ๆพี่กินกันไม่นานหรอกเดี๋ยวกพวกผมไปช่วยพี่ทำความสะอาดแป๊บเดียว เดี๋ยวก็เสร็จ ผมบอกเครๆ เจอกันผมก็เก็บกวาดชั้นหนึ่งจนเกือบสะอาด ก็มีสายมาอีกรอบผมรับสาย ในสายนั่นไม่พูดแต่เป็นเสียงลม ฟูๆ เหมือนมีคนเป่ามือถือผมก็ฮาโหลๆ ไม่มีใครตอบเป็น แบบนี้อยู่ ประมาณ3สาย ผมก็คิดไอบ้านี่น่าจะกดไปโดน เลยไม่รับสายต่อไปที่น้องโทรมาเพราะไม่อยากให้น้องเสียตัง ดังเลื่อย จนมีเสียงมอไซค์ท่อดังๆ บิดมาหน้าบ้านผมก็มองออกไป มีกลุ่มวัยรุ่น ประมาณื6คนมามอไซค์หลายคัน แน่นอนผมก็เจอไอเจ้ารุ่นน้องคนนั้น เจอกันทักทายตามภาษาไม่ได้เจอกันนานมันแนะนำเพื่อนมีทั้ง ผู้หญิง ผู้ชายบอกนี่พี่กู มาๆมาช่วยพี่กูทำความสะอาดบ้านหน่อยพี่กูจะมาอยู่นี่ละผมรับไหว้เด็กๆ พวกนั้นเดินตามผมเข้าบ้าน แต่มีน้องคนนึง ผู้หญิงยืนหน้าบ้านไม่ยอมเข้า ผมเลยบอกรุ่นน้องไปว่าเพื่อนทำไมไม่เดินมาวะ รุ่นน้องบอกใครวะพี่ นั้นหนะหน้าบ้าน อ่อ รุ่นน้องก็ตะโกนเรียก บอกเข้ามาดิวะ ยืนทำ....ทำไมมาช่วยกันทำ กันเก็บพี่กูต้องกลับไปเลี้ยงลูก แนวแซวผม ผมก็เลยบอกมีบ้างจะรู้ เป็นไง
น้องผู้หญิงคนนั้นเลยบอก อ่อ พี่มี ลูกแล้ว อ่อ น่ารักดีนะ ผมนี่ งง รู้ได้ไงหว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรกเราก็แยกย้ายทำงาน รุ่นน้องถามพี่ให้พวกผมทำที่ไหนบ้าง ผมบอกทำได้ทุกชั้น ตอบไปแบบนั้นคือ เพราะผมเองก็ขึ้นได้แค่ชั้นสอง ผมบอกไปว่าฝุ่นชั้นสองเยอะมากเอาถุงดำขึ้นไปเก็บขยะด้วยนะ เค้าตอบผมครับเจ้านาย แล้วก็ไปตะโกนบอกเพื่อนให้ทำไรบ้างแบบสั่งงาน ผมก็เคลียร์ของอยู่ด้านล่างสุดกับน้องอีกคนที่มาด้วยกันเป็นน้อง ผู้หญิงคนนั่นที่ไม่ยอมเข้าบ้านทีแรก ทำงานกันไปสักพักน้องก็ถามผมว่า ลูกพี่อยู่บ้านเหรอ อยู่กับอากงเหรอผมตอบใช่ แฟนพี่สวยจังเลยนะ ผม งง ผมถามน้องไปว่ารู้จักแฟนผมด้วยเหรอ น้องตอบก็เห็นแล้วนะคะน่ารักดี ผม คิดในใจ สงสัยไอรุ่นน้องคงบอกว่าแฟนเป็นไง เลยไม่ได้คิดไร เพราะช่วงนึงผมก็เคยอยู่แถวนี้มาก่อนไปๆมาๆ ทำงานกันไปสักพักใหญ่ ผมได้ยินเสียงคนโวยวายดังมากจากข้างบน ผมเลยวิ่งขึ้นไปดู พวกที่มาหยอกล้อกัน ต่างคนต่างมอมแมมมาก แบบเหมือนคนป่าเสื้อก็ไม่ใส่ กางเกงนี่สกปรกแบบแทบซักไม่ไหวหน้าตาแบบ คือจำกันแทบไม่ได้ผมเลยบอกเอ้ยๆ อย่าเสียงดังดิวะ เด่วข้างบ้านด่ามาวันแรกไม่เกรงใจกันละ พวกเด็กๆ หัวเราะ แซวกันก็ยังเล่นกันเหมือนเดิมแต่เสียงเบาลง ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินลงมาเพื่อจะเคลียร์ของที่ข้างบนเอาลงมาทิ้งก็มีน้องคนนึงวิ่งลงมาแล้วถามผมว่าประตูชั้นบนเปิดไม่ได้ พี่ ผมถามชั้นไหน เค้าบอกชั้นสาม ผมตกใจ ชั้นไหนนะ สามพี่พวกผมเปิดไม่ออก ผมบอกเอ้ยไม่ต้องไปทำ สามกับสี่ ปบ่อยไว้เค้าให้ใช่แค่ชั้น2กับดาดฟ้า เค้าตอบครับพี่ผมก็หายสงสัยไม่ได้ เลยเอ๋ยปากถามใครมันมีกุญแจอยู่ไม่ใช่เหรอ น้องตอบใช่พี่แต่กุญแจคล้องไว้เฉยๆนะไม่ได้ล็อคครับ ผมนี่ งงแต่ไม่อยากพูดไร เลยเดินตามไปดูข้างบน พอขึ้นไปถึงชั้นสอง เห็นเด็กสองคน กำลังทำความสะอาดอีกคนยื่นอยู่ตรงๆ บรรไดวนแต่มันมืดเนื่องจากที่บอกไปตั้งแต่แรกว่า ชั้นนี้ไม่มี ไฟแล้วก็ หน้าต่างทุกบานถูกปิดไว้ เลยเห็นหน้าไม่ชัดทุกคน แต่เห็นน้องผู้หญิงยื่นที่บรรไดหนึ่งคน ผมก็คุยกับรุ่นน้องที่สนิทกันเนื่องจากน้องถามว่าขยะไปไว้ตรงไหน ตอบเสร็จหันกลับไปก็ไม่เห็นน้อง ผญ คนนั้นแล้วเลยคิดว่าคงขึ้นไปข้างบนละ ก็เลยเดินตามขึ้นไป แต่พอขึ้นไปถึงดาดฟ้ากลับเจอประตูเหล็ก อีกบานที่ ปิดไว้ใส่กุญแจแบบคล้องไว้ผม ก็ได้แต่หยุดนื่งที่ชั้นสี่ แล้วมองห้องขวามือ เห็นมีเงาแล้วมีเสียงเหมือนมีคนกำลัง ยกของในห้องเลย คิดว่าน้องๆ คงยังทำห้องนี้กันอยู่ไม่มีใครขึ้นไปดาดฟ้า ผมก็ไม่ได้เข้าไปดูจังหวะที่กำลังเดินลงมาก็ได้ยินเสียงเด็กๆ ที่กำลังทำความสะอาดชั้นสอง ตะโกนออกมา เฮี่ย....เล่นไรวะกูหัวใจจะวาย ห่าเล่นแบบนี้แล้วก็หัวเราะแกล้งกันตามภาษาวัยรุ่น ขนาดนั้นท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้วช่วง 6โมงเย็นผมเลยบอกน้องๆว่า อ้าว...เด็กๆ เด่วลงไปกินข้าวเด่วพี่จะสั่งร้าน อาหารอิสานข้างๆให้กิน เค้าเรื่มตั้งร้านอยากกินไรกันบ้าง กินเสร็จจะได้กลับบ้านกันพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ๆ รุ่นน้องผมก็บอก เอ้ยพี่ ทำให้ดสร็จๆเลย พวกเพื่อนๆผม พรุ่งนี้ไม่มีเรียนถ้าพี่ จะกลับก่อนก็กลับไปก่อนได้เลย บวกกับแขวะผมเรื่องดูลูก ผมก็ได้แต่ ยิ้มเออๆ เด่วเค้ายกมาแล้วลงมากินนะ เด็กๆ น้องๆตอบครับๆ ผมก็ลงมาจัดการสั่งอาหาร แล้วก็เก็บขยะที่ยกลงมาจากข้างบนออกไปทิ้งขยะที่อยู่หลังบ้าน ทำงานไปสักพัก อาหารก็มาส่งผมก็ตะโกนเรียก รุ่นน้องมาๆ กินข้าวกันเร็วๆ พี่หิวละ ได้ยินเสียงจากข้างบน รับตอบว่า ครับๆๆ เด่วลงยกโต๊ะนี้ก่อนผมก็จัดการเอาชามเอาช้อนเตรียมข้าวปลาอาหารให้น้องๆ สักพักน้องๆลงมา กันหมด นั่งกินกันไปสักพัก มีน้องคนนึงพูดว่า อ้าวน้อง ผู้หญิงคนนึงหายไปไม่ลงมากิน ผมเลยบอกอ้าว....สงสัยอยู่ชั้นสี่คงไม่ได้ยิน ผมเลยบอก กับรุ่นน้องผมว่า เอ้ยไปตามมันซิ อยู่ห้องขวาชั้นสี่ รุ่นน้องผมก็ตอบ ได้ๆ พี่เด่วผมไปตามให้ เร็วๆ เด่วกับข้าวเย็นหมด รุ่นน้องผมก็ขึ้นไป ตามหายไปสักพักผมก็เป็นห่วงน้อง ทำไมขึ้นไปนาน ผมเลยตามขึ้นไปพอขึ้นถึงชั้นลอยก็เห็นรุ่นน้อง ผมนั่งอยู่ตรงข้างประตูทำท่าเหมือนงัดๆ ประตูผมเลยถามทำไรวะ เอ้ยพี่ประตูมันล็อควะผมเรียกมันไม่ตอบ ผมนี่ตกใจใครจะไปล็อคแกล้งเค้าวะ ผมจะรู้ไหมรุ่นน้องผมตอบ เครๆเด่วพี่หากุญแจก่อนในเก๊ะมีกุญแจอยู่หลายดอก ผมก็หาๆ แต่ไม่เจอกุญแจที่ไขได้สักดอก ผมเลยบอกโทรหา น้องเค้าซิ รุ่นน้องผมตอบมันไม่ได้เอามือถือขึ้นไปพี่ กระเป๋ามันอยู่นี่ไงผมเลยพูดว่า งานหยาบละไปเอามีดมาดิ พี่จะงัดให้ห่าน้องเค้าอยู่คนเดียวข้างบน จะมืดแล้วด้วย พอได้มีดมาผมก็งัดๆ แต่มันไม่ออกแน่นมากเหมือนใส่กลอนข้างในด้วย ผมบอกเอาไงดีวะ รุ่นน้องบอกผมว่า
แปลกๆวะ ทำไมใส่กลอนข้างในวะ ผมบอกเออๆ ทุบเลยไม่ออก สิ้นเสียงคำว่าทุบเลย แค่นั้นหละ กลอนด้านในก็ดังกึก ผมได้ยินเลยรีบเปิด พอเปิด ก็เจอน้องผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ข้างใน รุ่นน้องผม ก็ด่าว่าทำไมต้องใส่กลอนวะ น้องคนนั้นยิ้ม บวกกับในมือถือกระเป๋ามาหนึ่งในแล้วพูดว่าอันนี้หนูขอนะพี่ ผมที่กำลังตกใจเลยพูดไปว่า อ่อ เออ ครับเอาไปก็ได้ ก็หลบให้น้องเดินผ่าน จังหวะที่น้องเดินผ่านผมได้กลิ่นแปลกๆ แบบจะหอมก็ไม่หอมจะสาปก็ไม่สาป ผมว่ากลิ่นคุ้นมาก แต่นึกไม่ออกได้กลิ่นนี้ที่ไหน เสร็จพวกเราสามคนก็เดินลงมากินข้าวน้องอีกคน ขณะนั่งกินข้าวก็พูดกับน้องผู้หญิงอีกคนว่า แหมะวันนี้หน้าตาเนียนจังเลยนะ น้องผู้หญิงอีกคนก็ตอบแบบหน้านิ่งๆ ยิ้มมุมปาก แล้วกูสวยไหมตอนนี้ เพื่อนที่ถามก็บอก สวยน้อยกว่ากูอยู่ดี แล้วก็หัวเราะผมก็มองน้องแปลกๆ แต่รึเค้าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว สักพักมือถือผมก็ดัง ปลายสายคือพ่อผมถามจะกลับตอนไหน
ห่วง หวง
เรื่องนี้เกิดขึ้น เมื่อปี53 ผมได้มีโอกาสได้ย้ายครอบครัวไปอยู่ ณ บ้านแห่งนี้เนื่องจากปีนั่นบ้านผม ที่อยู่ เพชรเกษมโดนน้ำท่วมและกำลัง ปรับปรุงเลยจำเป็นต้องไปหาศัย เพื่อนพ่ออยู่ชั่วคราว บ้านนี้เป็นตึกแถวอยู่ติดถนน ใหญ่เป็นอาคารพาณิช 5ชั้นครึ่ง มีชั้นลอย
เนื่องจากบ้านผมเป็นครอบครัวที่มี
พ่อ ผม แฟน และก็ลูกสาวกำลังหัดเดินหัดพูด ช่วงที่ไปอยู่เราก็ได้เปืดร้านอาหารเล็กๆ เพื่อจะได้มีรายได้ ขายอาหาร เพื่อนคุณใจดีมากให้ไปอยู่ฟรีไม่มีค่าเช่าเราแค่ จ่ายค่าไฟค่าน้ำที่ใช้ก็พอ ซึ่งคุณพ่อได้ไปคุยกับเพื่อน ถึงรายละเอียดต่างๆ กฎของการไปอยู่บ้านหลังนี้
มีกฎ ว่า ชั้น3 ทั้งสองห้อง กับชั้น 4 ห้องซ้าย ห้ามเปิด และห้ามขึ้นไป หลัง สี่ทุ่ม ชั้น5เป็นดาดฟ้าที่มีลูกกรง มีห้องเก็บปั้มน้ำ และอุปกรณ์ ต่างๆ แต่ลักษณะห้องไม่ใหญ่มาก ขนาดประมาณ 2เมตร คูณ 2 เมตร ถ้าวันไหนปั้มน้ำไม่ทำงานเราจะต้องขึ้นไปที่ห้อง ๆ นี้เพื่อสับสวิทย์ขึ้นๆ ลงๆ ปั้มน้ำก็จะมาทำงานปกติ ผมจะเข้าเรื่องเลยนะครับ บ้านหลังนี้ชั้นล่าง เป็นลักษณะห้องยาวๆ มีห้องน้ำใต้บรรได บ้านปูกระเบื้องสีน้ำตาล ประตูหลังบ้านเปิดออกไป จะเจอซอย ที่อยู่อาศัยของ ชุลชนนึง คือบ้านหลังนี้จะอยู่เหมือนขวางซอยแต่เป็นหลังกลางเพราะมีสามหลังติดกันที่ขวางซอยนี้ บรรไดขึ้นไปชั้นลอย ก็จะอยู่ติดกับ บรรไดที่เปิดออกไปด้านหลังได้ ประวัติบ้านหลังนี้อดีตเคยไปโรงงานทำ ขนมปังปี๊บ แน่นอน ชั้นลอยจะเป็นออฟฟิตเก่าๆ มีโต๊ะ มีเก้าอี้ มีบาร์สำหรับแพคของ
ชั้นสอง จะเป็นที่เก็บ อุปกรณ์ ทำขนม โต๊ะตู้ อุปกรณ์ ชั้นสองของบ้านหลังนี้มี สิ่งที่แปลกคือ เราขึ้นจากชั้นลอยมาแล้ว บ้านหลังที่ เราจะเจอบรรไดเหล็กสร้าง วนเป็นวงกลม และมีลูกกรง ล้อมมีกุญแจมีกลอนสับไว้สำหรับใส่แม่กุญแจวันแรกที่ผมไป ด้วยความที่เราก็ ไม่ค่อยกลัวแต่ในชีวิตเราก็ได้พกได้เห็น วิญญาณบ่อยครั้งผมสำรวจบ้านเองคนเดียว วันที่จะไปทำความสะอาดเพื่อที่จะได้ย้ายมาอยู่ ชั้น1 กับชั้นลอยสะอาดมาก ส่วนชั้นสอง ผมขึ้นไปก้าวแรกที่ปิดประตูจากชั้นลอยเพื่อจะขึ้นไปชั้นสอง เจอลมแรงมาก ปะทะ กับผมแล้วมีกลิ่น แบบ เก่าๆ อับๆ แบบไม้เก่าๆนาทีนั้นผม ชะงัก คิดเอาไงดีวะ ขึ้นไปดีไหม แต่ในคิดละไม่ปกติ ยืนคิดสักพักโทรหาพ่อ ถามพ่อว่า ป๊าชั้นสองบ้านนี้ ทำไมเหม็นจังวะคือจริงๆ แอบกลัวแค่หาคนคุยเป็นเพื่อนเพื่อจะขึ้นไปต่อ พอเดินพ้นบรรไดชั้นลอย ผมนี่ถึงกับอึ่งมาก คือฝุ่นหนามาก หนาแบบเหยียบแล้วนิ่มเท้าคือฝุ่นหนามากแล้วก็มืดแบบไม่มีไฟรึแสงรอดผ่าน มาได้เลย ผมบอกพ่อว่าเด่วแป๊บนะของเปิดไฟฉายก่อน พ่อบอกเองเก็บแค่ชั้นสองพอนะ สาม สี่ไม่ต้องไปยุ่ง ผมก็ สงสัยแต่คงคิดถ้าทำคนเดียวคงเหนื่อยแน่ๆ ขนาดชั้นสองยังขนาดนี้ ผมวางสายพ่อไป เสร็จเปืดไฟฉายที่มือถือเชื่อไหมมี ผมแทบวิ่งหนีลงมาเลย ผมเห็น ฝุ่นจับแบบ เหมือนไม่มีใครอยูมาหลายสืบปี แบบ กำแพงเป็นสีเทา หยักไย่ฝุ่น แบบเดินไปคง ตืดตามตัวแน่ๆ แต่มีช่องที่สามารถเดินขึ้นบรรไดนั้นได้ ผมมองแล้วคิด เอาไงดีวะเดินลุยไป เปิดหน้าต่างก่อนไหม รึเดินขึ้นไปชั้นสามต่อเลยดี กำลังยืนคิด ได้ยินเสียงเหมือนคนเดิน ขึ้นบรรไดผมรีบเอาไฟไปส่องไม่มีไร เนื่องจากบรรไดเป็นเหล็ก ผมคิดคงมีหนูหละ เอาวะ มาถึงขนาดนี้ละเดินลง เดี๋ยวพ่อจะหาว่าเรากลัวผมตัดสินใจ เดินต่อแต่เดินแบบระวังมาก ฝุ่นเยอะใยแมงมุม เดินจนไปถึง บรรไดเวงกำ มีกุญแจใหญ่มาก ใส่อยู่ด้วยความที่มืดกับไฟมือถือสมัยนั้นก็ไม่ได้สว่างมาก ผมก็ส่องที่แม่กุญแจ แล้วมอง รอบๆ ช่วงกำลังสอดส่องก็มีเสียงเหมือนคนเคาะบรรไดเหล็กแต่ อยู่ข้างบนเคาะแบบ แกร๊งๆ แกร๊ง.... แล้วก็ แกร๊ง.....ผมก็มอง ผมเจอกุญแจดอกนึง ที่มัดเชือกสีส้มๆ แขวนอยู่ที่ลูกกรง ไม่มีลมอย่างที่ผมบอกไปหละครับมืดมาก ฝุนเยอะแต่กุญแจ ขยับได้ไงเอาหนะคิดดี ก็หยิบกุญแจที่แขวนอยู่มาไขแต่ความแปลกที่ไขคือมันไข ไม่ออกมันเหมือนติดไรมือนึงก็ถือมือถือ ด้วยจับแม่กุญแจไปด้วยอีกมือก็ไข ไขไงก็ไม่ออก ผมเลยคิดคงไม่ใช่ดอกของมันละมั้ง ใจนึงก็คิดเดี๋ยวไม่ออกจะหาน้ำมันมาหยอดเผื่อข้างในเป็นสนิม เลยตัดสินใจ ปล่อยแม่กุญแจที่มีดอกคาไว้แล้วเดินหันหลังกับมาที่บรรที่ขึ้นมา ภาพแว๊บแรกเหมือนมีไร เข้มๆมืดๆ ที่มืดกว่าเดินผ่าน แต่ด้วยความคิดคงเป็นเพราะเรามองไฟฉายนานทำให้ตาคงปรับไม่ได้ ตัดสินใจเดินลงมาชั้นลอยแล้ว คิดเราคงทำความสะอาดคนเดียวไม่ไหว พรุ่งนี้จะมาใหม่จะไปตามรุ่นน้องมาช่วย ว่าแล้วก็ โทรหารุ่นน้องเด็กวัยรุ่นเด็กแว๊นสมัยนั้นบอกว่า พรุ่งนี้มาช่วยพี่เก็บบ้านกันหน่อย พอโทรไปปุ๊บด้วยความที่เราเป็นรุ่นพี่พวกน้องๆก็ตอบตกลง เค้าถามว่าบ้านอยู่ไหนพี่ ผมก็บอกไป ไม่รู้โชคดีรึอะไร รุ่นน้องผมดันมา เที่ยวบ้านเพื่อนอีกคน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านหลังนั้น เค้าเลยบอกผมว่าพี่เด่วพวกผมไปช่วยวันนี้เลยขอทำธุรก่อนเด่วไป ช่วยผมฟังแบบนั้นผมก็บอกนี่มันจะเย็นแล้วนะ แต่พวกเด็กๆ บอกบ้านมีไฟ ไม่ใช่รึพี่ ผมตอบใช่แล้วพี่จะกลัวไร อยู่กับจนเสร็จก็ได้ดึกแค่ไหนก็ไหวเด่วผมเรียกเพื่อนๆไป ช่วย ผมก็คิด คงมาสองสามคน เลยจัดการหาไม้กวาด เศษผ้าให้ เตรียมให้พวกเด็กๆ แล้วก็ค่อยๆทำชั้นล่างสุดก่อน รอพวกเด็กๆมา พอรอไปรอมาทำงานเพลินๆ คิดว่าไม่นาน สักพักก็มีเสียงมือถือดังผมเลยเดินไปรับสาย สายนั่นคือเด็กๆ พูดมาว่าพี่รอก่อนนะ เดี๋ยวไปขอหาสเบียงแป๊บ นานๆเจอพี่ทีขอสังสรรคหน่อยนะพอผมได้ฟังคืดในใจ ยาวละราตรีนี้แต่ไม่ป็นไร นานเจอที ก็บอกรีบมาเถอะพี่รอนานละ ไม่มีใครดูลูกให้ฝากพ่อไว้ น้องเลยบอกได้ๆพี่กินกันไม่นานหรอกเดี๋ยวกพวกผมไปช่วยพี่ทำความสะอาดแป๊บเดียว เดี๋ยวก็เสร็จ ผมบอกเครๆ เจอกันผมก็เก็บกวาดชั้นหนึ่งจนเกือบสะอาด ก็มีสายมาอีกรอบผมรับสาย ในสายนั่นไม่พูดแต่เป็นเสียงลม ฟูๆ เหมือนมีคนเป่ามือถือผมก็ฮาโหลๆ ไม่มีใครตอบเป็น แบบนี้อยู่ ประมาณ3สาย ผมก็คิดไอบ้านี่น่าจะกดไปโดน เลยไม่รับสายต่อไปที่น้องโทรมาเพราะไม่อยากให้น้องเสียตัง ดังเลื่อย จนมีเสียงมอไซค์ท่อดังๆ บิดมาหน้าบ้านผมก็มองออกไป มีกลุ่มวัยรุ่น ประมาณื6คนมามอไซค์หลายคัน แน่นอนผมก็เจอไอเจ้ารุ่นน้องคนนั้น เจอกันทักทายตามภาษาไม่ได้เจอกันนานมันแนะนำเพื่อนมีทั้ง ผู้หญิง ผู้ชายบอกนี่พี่กู มาๆมาช่วยพี่กูทำความสะอาดบ้านหน่อยพี่กูจะมาอยู่นี่ละผมรับไหว้เด็กๆ พวกนั้นเดินตามผมเข้าบ้าน แต่มีน้องคนนึง ผู้หญิงยืนหน้าบ้านไม่ยอมเข้า ผมเลยบอกรุ่นน้องไปว่าเพื่อนทำไมไม่เดินมาวะ รุ่นน้องบอกใครวะพี่ นั้นหนะหน้าบ้าน อ่อ รุ่นน้องก็ตะโกนเรียก บอกเข้ามาดิวะ ยืนทำ....ทำไมมาช่วยกันทำ กันเก็บพี่กูต้องกลับไปเลี้ยงลูก แนวแซวผม ผมก็เลยบอกมีบ้างจะรู้ เป็นไง
น้องผู้หญิงคนนั้นเลยบอก อ่อ พี่มี ลูกแล้ว อ่อ น่ารักดีนะ ผมนี่ งง รู้ได้ไงหว่าเพิ่งเจอกันครั้งแรกเราก็แยกย้ายทำงาน รุ่นน้องถามพี่ให้พวกผมทำที่ไหนบ้าง ผมบอกทำได้ทุกชั้น ตอบไปแบบนั้นคือ เพราะผมเองก็ขึ้นได้แค่ชั้นสอง ผมบอกไปว่าฝุ่นชั้นสองเยอะมากเอาถุงดำขึ้นไปเก็บขยะด้วยนะ เค้าตอบผมครับเจ้านาย แล้วก็ไปตะโกนบอกเพื่อนให้ทำไรบ้างแบบสั่งงาน ผมก็เคลียร์ของอยู่ด้านล่างสุดกับน้องอีกคนที่มาด้วยกันเป็นน้อง ผู้หญิงคนนั่นที่ไม่ยอมเข้าบ้านทีแรก ทำงานกันไปสักพักน้องก็ถามผมว่า ลูกพี่อยู่บ้านเหรอ อยู่กับอากงเหรอผมตอบใช่ แฟนพี่สวยจังเลยนะ ผม งง ผมถามน้องไปว่ารู้จักแฟนผมด้วยเหรอ น้องตอบก็เห็นแล้วนะคะน่ารักดี ผม คิดในใจ สงสัยไอรุ่นน้องคงบอกว่าแฟนเป็นไง เลยไม่ได้คิดไร เพราะช่วงนึงผมก็เคยอยู่แถวนี้มาก่อนไปๆมาๆ ทำงานกันไปสักพักใหญ่ ผมได้ยินเสียงคนโวยวายดังมากจากข้างบน ผมเลยวิ่งขึ้นไปดู พวกที่มาหยอกล้อกัน ต่างคนต่างมอมแมมมาก แบบเหมือนคนป่าเสื้อก็ไม่ใส่ กางเกงนี่สกปรกแบบแทบซักไม่ไหวหน้าตาแบบ คือจำกันแทบไม่ได้ผมเลยบอกเอ้ยๆ อย่าเสียงดังดิวะ เด่วข้างบ้านด่ามาวันแรกไม่เกรงใจกันละ พวกเด็กๆ หัวเราะ แซวกันก็ยังเล่นกันเหมือนเดิมแต่เสียงเบาลง ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วเดินลงมาเพื่อจะเคลียร์ของที่ข้างบนเอาลงมาทิ้งก็มีน้องคนนึงวิ่งลงมาแล้วถามผมว่าประตูชั้นบนเปิดไม่ได้ พี่ ผมถามชั้นไหน เค้าบอกชั้นสาม ผมตกใจ ชั้นไหนนะ สามพี่พวกผมเปิดไม่ออก ผมบอกเอ้ยไม่ต้องไปทำ สามกับสี่ ปบ่อยไว้เค้าให้ใช่แค่ชั้น2กับดาดฟ้า เค้าตอบครับพี่ผมก็หายสงสัยไม่ได้ เลยเอ๋ยปากถามใครมันมีกุญแจอยู่ไม่ใช่เหรอ น้องตอบใช่พี่แต่กุญแจคล้องไว้เฉยๆนะไม่ได้ล็อคครับ ผมนี่ งงแต่ไม่อยากพูดไร เลยเดินตามไปดูข้างบน พอขึ้นไปถึงชั้นสอง เห็นเด็กสองคน กำลังทำความสะอาดอีกคนยื่นอยู่ตรงๆ บรรไดวนแต่มันมืดเนื่องจากที่บอกไปตั้งแต่แรกว่า ชั้นนี้ไม่มี ไฟแล้วก็ หน้าต่างทุกบานถูกปิดไว้ เลยเห็นหน้าไม่ชัดทุกคน แต่เห็นน้องผู้หญิงยื่นที่บรรไดหนึ่งคน ผมก็คุยกับรุ่นน้องที่สนิทกันเนื่องจากน้องถามว่าขยะไปไว้ตรงไหน ตอบเสร็จหันกลับไปก็ไม่เห็นน้อง ผญ คนนั้นแล้วเลยคิดว่าคงขึ้นไปข้างบนละ ก็เลยเดินตามขึ้นไป แต่พอขึ้นไปถึงดาดฟ้ากลับเจอประตูเหล็ก อีกบานที่ ปิดไว้ใส่กุญแจแบบคล้องไว้ผม ก็ได้แต่หยุดนื่งที่ชั้นสี่ แล้วมองห้องขวามือ เห็นมีเงาแล้วมีเสียงเหมือนมีคนกำลัง ยกของในห้องเลย คิดว่าน้องๆ คงยังทำห้องนี้กันอยู่ไม่มีใครขึ้นไปดาดฟ้า ผมก็ไม่ได้เข้าไปดูจังหวะที่กำลังเดินลงมาก็ได้ยินเสียงเด็กๆ ที่กำลังทำความสะอาดชั้นสอง ตะโกนออกมา เฮี่ย....เล่นไรวะกูหัวใจจะวาย ห่าเล่นแบบนี้แล้วก็หัวเราะแกล้งกันตามภาษาวัยรุ่น ขนาดนั้นท้องฟ้าก็เริ่มมืดแล้วช่วง 6โมงเย็นผมเลยบอกน้องๆว่า อ้าว...เด็กๆ เด่วลงไปกินข้าวเด่วพี่จะสั่งร้าน อาหารอิสานข้างๆให้กิน เค้าเรื่มตั้งร้านอยากกินไรกันบ้าง กินเสร็จจะได้กลับบ้านกันพรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่ๆ รุ่นน้องผมก็บอก เอ้ยพี่ ทำให้ดสร็จๆเลย พวกเพื่อนๆผม พรุ่งนี้ไม่มีเรียนถ้าพี่ จะกลับก่อนก็กลับไปก่อนได้เลย บวกกับแขวะผมเรื่องดูลูก ผมก็ได้แต่ ยิ้มเออๆ เด่วเค้ายกมาแล้วลงมากินนะ เด็กๆ น้องๆตอบครับๆ ผมก็ลงมาจัดการสั่งอาหาร แล้วก็เก็บขยะที่ยกลงมาจากข้างบนออกไปทิ้งขยะที่อยู่หลังบ้าน ทำงานไปสักพัก อาหารก็มาส่งผมก็ตะโกนเรียก รุ่นน้องมาๆ กินข้าวกันเร็วๆ พี่หิวละ ได้ยินเสียงจากข้างบน รับตอบว่า ครับๆๆ เด่วลงยกโต๊ะนี้ก่อนผมก็จัดการเอาชามเอาช้อนเตรียมข้าวปลาอาหารให้น้องๆ สักพักน้องๆลงมา กันหมด นั่งกินกันไปสักพัก มีน้องคนนึงพูดว่า อ้าวน้อง ผู้หญิงคนนึงหายไปไม่ลงมากิน ผมเลยบอกอ้าว....สงสัยอยู่ชั้นสี่คงไม่ได้ยิน ผมเลยบอก กับรุ่นน้องผมว่า เอ้ยไปตามมันซิ อยู่ห้องขวาชั้นสี่ รุ่นน้องผมก็ตอบ ได้ๆ พี่เด่วผมไปตามให้ เร็วๆ เด่วกับข้าวเย็นหมด รุ่นน้องผมก็ขึ้นไป ตามหายไปสักพักผมก็เป็นห่วงน้อง ทำไมขึ้นไปนาน ผมเลยตามขึ้นไปพอขึ้นถึงชั้นลอยก็เห็นรุ่นน้อง ผมนั่งอยู่ตรงข้างประตูทำท่าเหมือนงัดๆ ประตูผมเลยถามทำไรวะ เอ้ยพี่ประตูมันล็อควะผมเรียกมันไม่ตอบ ผมนี่ตกใจใครจะไปล็อคแกล้งเค้าวะ ผมจะรู้ไหมรุ่นน้องผมตอบ เครๆเด่วพี่หากุญแจก่อนในเก๊ะมีกุญแจอยู่หลายดอก ผมก็หาๆ แต่ไม่เจอกุญแจที่ไขได้สักดอก ผมเลยบอกโทรหา น้องเค้าซิ รุ่นน้องผมตอบมันไม่ได้เอามือถือขึ้นไปพี่ กระเป๋ามันอยู่นี่ไงผมเลยพูดว่า งานหยาบละไปเอามีดมาดิ พี่จะงัดให้ห่าน้องเค้าอยู่คนเดียวข้างบน จะมืดแล้วด้วย พอได้มีดมาผมก็งัดๆ แต่มันไม่ออกแน่นมากเหมือนใส่กลอนข้างในด้วย ผมบอกเอาไงดีวะ รุ่นน้องบอกผมว่าแปลกๆวะ ทำไมใส่กลอนข้างในวะ ผมบอกเออๆ ทุบเลยไม่ออก สิ้นเสียงคำว่าทุบเลย แค่นั้นหละ กลอนด้านในก็ดังกึก ผมได้ยินเลยรีบเปิด พอเปิด ก็เจอน้องผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่ข้างใน รุ่นน้องผม ก็ด่าว่าทำไมต้องใส่กลอนวะ น้องคนนั้นยิ้ม บวกกับในมือถือกระเป๋ามาหนึ่งในแล้วพูดว่าอันนี้หนูขอนะพี่ ผมที่กำลังตกใจเลยพูดไปว่า อ่อ เออ ครับเอาไปก็ได้ ก็หลบให้น้องเดินผ่าน จังหวะที่น้องเดินผ่านผมได้กลิ่นแปลกๆ แบบจะหอมก็ไม่หอมจะสาปก็ไม่สาป ผมว่ากลิ่นคุ้นมาก แต่นึกไม่ออกได้กลิ่นนี้ที่ไหน เสร็จพวกเราสามคนก็เดินลงมากินข้าวน้องอีกคน ขณะนั่งกินข้าวก็พูดกับน้องผู้หญิงอีกคนว่า แหมะวันนี้หน้าตาเนียนจังเลยนะ น้องผู้หญิงอีกคนก็ตอบแบบหน้านิ่งๆ ยิ้มมุมปาก แล้วกูสวยไหมตอนนี้ เพื่อนที่ถามก็บอก สวยน้อยกว่ากูอยู่ดี แล้วก็หัวเราะผมก็มองน้องแปลกๆ แต่รึเค้าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว สักพักมือถือผมก็ดัง ปลายสายคือพ่อผมถามจะกลับตอนไหน