ปีนี้ผมอายุ 45 ปี ตั้งแต่เกิดมาประเทศไทยปลาใหญ่กินปลาเล็กไม่เคยเปลี่ยน เป็นยังไงก็เป็นแบบนั้น
เริ่มต้นมาจากผมประสพอุบัติเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วโดนชนจากรถยนต์คู่กรณีในวันที่ 6 สิงหาคม 2566
(2566) นะครับ เน้นย้ำ
ผมใช้สิทธิ์ พรบ. บริษัท ไทยไพบูลย์ ของคู่กรณี รักษาทั้งสิ้น 25 วัน (6 - 30 สิงหาคม 2566) ตามใบรับรองแพทย์
เมื่อรักษาตัวเสร็จ ผมได้เรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมด 200,000 บาทไปทางคู่กรณี ซึ่งก็แน่นอนว่า ... ไม่จ่ายง่ายๆ
ผมจึงได้เรียกร้องต่อไปที่ บริษัท ธนชาติ ส่งเป็นอีเมล บันทึกเป็นหลักฐาน ผลคือ ... เงียบ
ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ครับ เงินทองจะออกกันง่ายๆได้ยังไง ยิ่งจน ยิ่งขับมอเตอร์ไซค์ ยิ่งไม่ต้องสนใจ มันไม่มีความรู้ทำไรคูไม่ได้หรอก
ผมทุกข์มาก กันเงินไว้ส่วนหนึ่ง ตัดสินใจได้นำความขึ้นศาล แน่นอนครับภาระมากมายตกมาที่ผม ทั้งเสียเวลาทนาย เสียเวลาทำงานผม
คู่กรณีกับประกันนะเหรอ นอนนิ่งๆ นอนกินเบี้ยประกันชิวๆ ไม่จ่ายใครจะทำไม
สุดท้ายความอาญานั้นจบตรง คู่กรณียอมรับผิดทั้งหมด แต่ชดใช้ทั้งสิ้น 24,000 บาทเพื่อยุติความอาญา
ไม่เกี่ยวกับแพ่ง ส่วนของแพ่งเป็นเรื่องของบริษัทประกัน กว่าจะจบตรงนี้ใช้เวลาเกือบปี (มิถุนายน 2567)
ผมได้นำคำพิพากษาส่งเรื่องไปที่ คปภ. เพราะคิดว่าเป็นทางที่ไม่เป็นภาระกับผมมากเกินไป
ผมยื่นเรื่องไว้สองบริษัท
1. ธนชาติ
2. ไทยไพบูลย์
สิ่งที่ผมร้องขอ ก็ร้องตามสิทธิ์ที่พึงมี เช่น ค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์ ค่าซ่อมมือถือ ค่าพาหนะรักษาตัว ค่าพยาบาลในอนาคต ค่าขาดรายได้
ยื่นเรื่องไป คปภ. เดือน กรกฏาคม 2567 ทั้งสองบริษัท ขอตัดไปที่ข้อสรุปเลยนะครับ
ในส่วนของอาญา ผมจบตรง 24,000 (อาญา)
ในส่วนของธนชาติ ผมจบตรง 45,000 (แพ่ง, ค่าสินไหม)
ในส่วนของไทยไพบูลย์ ผมจบตรง 20,000 (แพ่ง, ขาดรายได้)
เรื่องของเรื่องคือทุกขั้นตอน ผมผ่าน คปภ. ทั้งหมด ไม่มีคุยนอกรอบ ผมไม่เชื่อเรื่องคุยนอกรอบ
ปลาใหญ่ไม่เคยนัดคุยนอกรอบกับปลาเล็ก ถ้าเขาได้เปรียบ แต่ถ้าเขาเสียเปรียบ เขาจะนัดคุยนอกรอบทันที
จากประสพการณ์ผม การต่อรองที่เราจะได้เปรียบ เราต้องต่อรองบนโต๊ะที่คู่กรณีมีอำนาจน้อยกว่าหรือเท่าเทียมกับผู้ไกล่เกลี่ย (คปภ.)
ผมจึงแจ้ง บริษัท ทั้งสองรวมถึงคู่กรณีว่า ผมไม่คุยนอกรอบทุกกรณี คุยที่ คปภ. เท่านั้น มีเอกสารให้เซ็น มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องตรงกลาง
ผมขอบคุณคู่กรณีกับธนชาติมากนะครับ ที่ชดใช้เยียวยา ต่อรองกันเลือดตาผมกระเด็น ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ ก็ไม่มีทางที่จะยอมจ่าย
แต่มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ จะเอาเงินคนอื่นต้องออก Action กันหน่อย
ข้อตกลงฉบับสุดท้ายของ ไทยไพบูลย์ คือวันที่ 8 สิงหาคม 2567
ในข้อ 2 ระบุว่า "บริษัท ไทยไพบูลย์ เสนอจ่าย 20,000 บาท"
ข้อตกลงฉบับสุดท้ายของผม คือวันที่ 9 สิงหาคม 2567
ในข้อ 2 ระบุว่า "ผม รับข้อเสนอ ค่าชดเชย 20,000 บาท"
ผมได้มอบสำเนา Book Bank ให้ คปภ. เรียบร้อยเพื่อรอรับเงินตามตกลง
หลังจากนั้นไม่นาน คปภ. ขึ้นรายงานว่า "ยุติ"
เฮ้อ .... เหมือนยกภูเขาออกจาก อก เจ็บตัวก็แล้ว ต้องมาตามหาความยุติธรรมเองอีก
ไม่นาน ธนชาติ ก็โอนเงินมาให้ ... ขอบคุณมากครับ
แต่ทำไม ไทยไพบูลย์ ไม่โอนมาสักทีนะ ??? ให้เวลาเขาหน่อย เขาคงหมุนไม่ทัน ... ฮา
วันที่ 5 กันยายน 2567 ผมทวงถามผ่านทางไลน์ของพนักงานไทยไพบูลย์
ผมสอบถามอย่างมีไมตรีจิตคิดแต่เพียงว่า ก็ในเมื่อคุยกันจบ ตกลงกันได้ หลงบ้างลืมบ้าง ก็ให้อภัยกัน และนี่คือสิ่งที่ผมได้รับ
เจ้าหน้าที่ไทยไพบูลย์ถามว่า : "ตกลงกันวันอื่นเหรอครับ"
ผมคิดในใจไม่กล้าเถียงเค้า : ก็ใช่สิครับ เอกสารที่พี่เซ็น (8 สิงหาคม 2567) ก็เขียนอยู่ว่านัดผม 9 สิงหาคม 2567
เจ้าหน้าที่ไทยไพบูลย์ถามว่า : "มีเอกสารที่ผมเซ็นรับไหม"
ผมคิดในใจไม่กล้าเถียงเค้า : มีครับ แต่ผมเซ็นให้ คปภ. ครับ ไม่ได้มีหน้าที่เซ็นแล้วต้องส่งให้พี่ๆต้องไปขอจาก คปภ. เอง
เจ้าหน้าที่ไทยไพบูลย์ถามว่า : "ในเอกสารที่ผมเซ็นรับ มีลายเซ็นเค้า (เจ้าหน้าที่ไทยไพบูลย์) อยู่ไหม"
ผมคิดในใจไม่กล้าเถียงเค้า : จะมีได้ไงครับ ก็ คปภ. นัดไปคนละวัน
เขาตอกหน้าผมด้วยการตอบกลับว่าเอกสารเซ็นรับของผมมีลายเซ็น "เขา" อยู่ไหม โคตร Tricky เลยครับ เก่งครับ พี่เก่งสุดเลย
จบการสนทนาดีกว่าครับ
ผ่านมาสองเดือนแล้ว ผมคิดทางไปต่อไม่ออก ปรึกษาเพื่อนๆก็บอกว่าให้ฟ้องบังคับคดีเลย ไม่งั้นไม่ยอมจ่ายหรอก
ช่วงนี้ประกันยังได้เงินไม่กำไรจากยุคโควิด เงินออกยาก
ฟ้องบังคับคดี เงิน 20,000 เนี่ยนะ ???
ผมว่ายังพอมีอีกทางที่จะลองไปก่อนคือ ยื่นอนุญาโต แต่ก็ต้องเสียเงิน 15,000 เพื่อไปเอา 20,000 (อาจจะไม่ถึงด้วย)
ซึ่งถ้าจบ ค่ารถ ค่าเวลา ไม่รู้คุ้มไหม แต่ที่แน่ๆบริษัทคุ้มสุดๆ จ่ายก็ช้า ได้เงินไปหมุน เผื่อดวงดี ผมไม่เอาเรื่อง ไม่ต้องจ่ายตามที่เซ็นไว้อีกด้วย
ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องอะครับพี่ ... อย่างเฟี้ยว
เพื่อนๆที่มีประสพการณ์พอจะมีคำแนะนำบ้างในการได้เงินจากไทยไพบูลย์
ใจหินจริงๆ ขอยอมรับตรงๆเลย ไทยไพบูลย์
ท้อใจมาก ตกลงกันแล้วที่ คปภ. กับ ไทยไพบูลย์ เรียบร้อย ยังประวิงเวลาไม่ยอมจ่าย จะ Tricky ไปถึงไหนครับถามจริงๆ
เริ่มต้นมาจากผมประสพอุบัติเหตุขับขี่รถจักรยานยนต์แล้วโดนชนจากรถยนต์คู่กรณีในวันที่ 6 สิงหาคม 2566
(2566) นะครับ เน้นย้ำ
ผมใช้สิทธิ์ พรบ. บริษัท ไทยไพบูลย์ ของคู่กรณี รักษาทั้งสิ้น 25 วัน (6 - 30 สิงหาคม 2566) ตามใบรับรองแพทย์
เมื่อรักษาตัวเสร็จ ผมได้เรียกร้องค่าเสียหายทั้งหมด 200,000 บาทไปทางคู่กรณี ซึ่งก็แน่นอนว่า ... ไม่จ่ายง่ายๆ
ผมจึงได้เรียกร้องต่อไปที่ บริษัท ธนชาติ ส่งเป็นอีเมล บันทึกเป็นหลักฐาน ผลคือ ... เงียบ
ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ครับ เงินทองจะออกกันง่ายๆได้ยังไง ยิ่งจน ยิ่งขับมอเตอร์ไซค์ ยิ่งไม่ต้องสนใจ มันไม่มีความรู้ทำไรคูไม่ได้หรอก
ผมทุกข์มาก กันเงินไว้ส่วนหนึ่ง ตัดสินใจได้นำความขึ้นศาล แน่นอนครับภาระมากมายตกมาที่ผม ทั้งเสียเวลาทนาย เสียเวลาทำงานผม
คู่กรณีกับประกันนะเหรอ นอนนิ่งๆ นอนกินเบี้ยประกันชิวๆ ไม่จ่ายใครจะทำไม
สุดท้ายความอาญานั้นจบตรง คู่กรณียอมรับผิดทั้งหมด แต่ชดใช้ทั้งสิ้น 24,000 บาทเพื่อยุติความอาญา
ไม่เกี่ยวกับแพ่ง ส่วนของแพ่งเป็นเรื่องของบริษัทประกัน กว่าจะจบตรงนี้ใช้เวลาเกือบปี (มิถุนายน 2567)
ผมได้นำคำพิพากษาส่งเรื่องไปที่ คปภ. เพราะคิดว่าเป็นทางที่ไม่เป็นภาระกับผมมากเกินไป
ผมยื่นเรื่องไว้สองบริษัท
1. ธนชาติ
2. ไทยไพบูลย์
สิ่งที่ผมร้องขอ ก็ร้องตามสิทธิ์ที่พึงมี เช่น ค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์ ค่าซ่อมมือถือ ค่าพาหนะรักษาตัว ค่าพยาบาลในอนาคต ค่าขาดรายได้
ยื่นเรื่องไป คปภ. เดือน กรกฏาคม 2567 ทั้งสองบริษัท ขอตัดไปที่ข้อสรุปเลยนะครับ
ในส่วนของอาญา ผมจบตรง 24,000 (อาญา)
ในส่วนของธนชาติ ผมจบตรง 45,000 (แพ่ง, ค่าสินไหม)
ในส่วนของไทยไพบูลย์ ผมจบตรง 20,000 (แพ่ง, ขาดรายได้)
เรื่องของเรื่องคือทุกขั้นตอน ผมผ่าน คปภ. ทั้งหมด ไม่มีคุยนอกรอบ ผมไม่เชื่อเรื่องคุยนอกรอบ
ปลาใหญ่ไม่เคยนัดคุยนอกรอบกับปลาเล็ก ถ้าเขาได้เปรียบ แต่ถ้าเขาเสียเปรียบ เขาจะนัดคุยนอกรอบทันที
จากประสพการณ์ผม การต่อรองที่เราจะได้เปรียบ เราต้องต่อรองบนโต๊ะที่คู่กรณีมีอำนาจน้อยกว่าหรือเท่าเทียมกับผู้ไกล่เกลี่ย (คปภ.)
ผมจึงแจ้ง บริษัท ทั้งสองรวมถึงคู่กรณีว่า ผมไม่คุยนอกรอบทุกกรณี คุยที่ คปภ. เท่านั้น มีเอกสารให้เซ็น มีเจ้าหน้าที่รับเรื่องตรงกลาง
ผมขอบคุณคู่กรณีกับธนชาติมากนะครับ ที่ชดใช้เยียวยา ต่อรองกันเลือดตาผมกระเด็น ถ้าผมไม่ทำแบบนี้ ก็ไม่มีทางที่จะยอมจ่าย
แต่มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ จะเอาเงินคนอื่นต้องออก Action กันหน่อย
ข้อตกลงฉบับสุดท้ายของ ไทยไพบูลย์ คือวันที่ 8 สิงหาคม 2567
ในข้อ 2 ระบุว่า "บริษัท ไทยไพบูลย์ เสนอจ่าย 20,000 บาท"
ข้อตกลงฉบับสุดท้ายของผม คือวันที่ 9 สิงหาคม 2567
ในข้อ 2 ระบุว่า "ผม รับข้อเสนอ ค่าชดเชย 20,000 บาท"
ผมได้มอบสำเนา Book Bank ให้ คปภ. เรียบร้อยเพื่อรอรับเงินตามตกลง
หลังจากนั้นไม่นาน คปภ. ขึ้นรายงานว่า "ยุติ"
เฮ้อ .... เหมือนยกภูเขาออกจาก อก เจ็บตัวก็แล้ว ต้องมาตามหาความยุติธรรมเองอีก
ไม่นาน ธนชาติ ก็โอนเงินมาให้ ... ขอบคุณมากครับ
แต่ทำไม ไทยไพบูลย์ ไม่โอนมาสักทีนะ ??? ให้เวลาเขาหน่อย เขาคงหมุนไม่ทัน ... ฮา
วันที่ 5 กันยายน 2567 ผมทวงถามผ่านทางไลน์ของพนักงานไทยไพบูลย์
ผมสอบถามอย่างมีไมตรีจิตคิดแต่เพียงว่า ก็ในเมื่อคุยกันจบ ตกลงกันได้ หลงบ้างลืมบ้าง ก็ให้อภัยกัน และนี่คือสิ่งที่ผมได้รับ
เจ้าหน้าที่ไทยไพบูลย์ถามว่า : "ตกลงกันวันอื่นเหรอครับ"
ผมคิดในใจไม่กล้าเถียงเค้า : ก็ใช่สิครับ เอกสารที่พี่เซ็น (8 สิงหาคม 2567) ก็เขียนอยู่ว่านัดผม 9 สิงหาคม 2567
เจ้าหน้าที่ไทยไพบูลย์ถามว่า : "มีเอกสารที่ผมเซ็นรับไหม"
ผมคิดในใจไม่กล้าเถียงเค้า : มีครับ แต่ผมเซ็นให้ คปภ. ครับ ไม่ได้มีหน้าที่เซ็นแล้วต้องส่งให้พี่ๆต้องไปขอจาก คปภ. เอง
เจ้าหน้าที่ไทยไพบูลย์ถามว่า : "ในเอกสารที่ผมเซ็นรับ มีลายเซ็นเค้า (เจ้าหน้าที่ไทยไพบูลย์) อยู่ไหม"
ผมคิดในใจไม่กล้าเถียงเค้า : จะมีได้ไงครับ ก็ คปภ. นัดไปคนละวัน
เขาตอกหน้าผมด้วยการตอบกลับว่าเอกสารเซ็นรับของผมมีลายเซ็น "เขา" อยู่ไหม โคตร Tricky เลยครับ เก่งครับ พี่เก่งสุดเลย
จบการสนทนาดีกว่าครับ
ผ่านมาสองเดือนแล้ว ผมคิดทางไปต่อไม่ออก ปรึกษาเพื่อนๆก็บอกว่าให้ฟ้องบังคับคดีเลย ไม่งั้นไม่ยอมจ่ายหรอก
ช่วงนี้ประกันยังได้เงินไม่กำไรจากยุคโควิด เงินออกยาก
ฟ้องบังคับคดี เงิน 20,000 เนี่ยนะ ???
ผมว่ายังพอมีอีกทางที่จะลองไปก่อนคือ ยื่นอนุญาโต แต่ก็ต้องเสียเงิน 15,000 เพื่อไปเอา 20,000 (อาจจะไม่ถึงด้วย)
ซึ่งถ้าจบ ค่ารถ ค่าเวลา ไม่รู้คุ้มไหม แต่ที่แน่ๆบริษัทคุ้มสุดๆ จ่ายก็ช้า ได้เงินไปหมุน เผื่อดวงดี ผมไม่เอาเรื่อง ไม่ต้องจ่ายตามที่เซ็นไว้อีกด้วย
ได้ทั้งขึ้นทั้งล่องอะครับพี่ ... อย่างเฟี้ยว
เพื่อนๆที่มีประสพการณ์พอจะมีคำแนะนำบ้างในการได้เงินจากไทยไพบูลย์
ใจหินจริงๆ ขอยอมรับตรงๆเลย ไทยไพบูลย์