'พีมูฟ' รวมตัวหน้าทำเนียบ บี้ นายกฯอิ๊งค์ นั่งปธ. เร่งแก้ปัญหา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4831825

มาแล้ว! ‘พีมูฟ’ รวมตัวหน้าทำเนียบ ประกาศเจตนาวันที่อยู่อาศัยโลก บี้ ‘นายกฯอิ๊งค์’ นั่งปธ.เร่งแก้ปัญหาพีมูฟ

เมื่อวันที่ 7ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ตั้งแต่เวลา 08.00 น. กลุ่มขบวนการประชาเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) นำโดยนายธีรเนตร ไชยสุวรรณ ประธานพีมูฟ เดินทางมารวมตัวบริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งถนนพิษณุโลก โดยขนข้าวของ กางผ้าใบกันแดดฝน มาปักหลักติดตามความคืบหน้าการแก้ไขปัญหา 10 ด้านของพีมูฟ และทำกิจกรรมประกาศเจตนารมย์ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก 7 ตุลาคมในเวลา 10.00 น. โดยมี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับเรื่อง
 
นายธีรเนตร กล่าวว่า พีมูฟ เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี เปิดการเจรจากับกลุ่มพีมูฟ ให้มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาให้เกิดความชัดเจนเป็นรูปธรรม เป็นหลักประกันให้กับและเสนอคณะรัฐมนตรี ให้แต่งตั้งนายกฯเป็นประธานในการแก้ไขปัญหาของพีมูฟ และมอบหมายให้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ดูแลปัญหาด้านสังคม และ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ดูแลปัญหาด้านป่าไม้ฯ แต่เบื้องต้นได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจปักหลักติดตามความคืบหน้าถึงสิ้นเดือนต.ค.นี้
 
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสน. ดุสิต ได้เข้ามาเจรจากับแกนนำ ให้รวมตัวบริเวณฟุตปาธ บริเวณประตู 4 ถึงแค่บริเวณประตู 3 ตรงข้ามกับสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.เดิม) เท่านั้น โดยขอความร่วมมือไม่ให้ขยายไปถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ซึ่งเป็นทางเข้าออกทำเนียบฯของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และรวมถึงไม่ให้เคลื่อนลงไปที่ถนน โดยการจราจรถนนพิษณุโลกยังเปิดให้สัญจรได้ตามปกติ

---

วุฒิสภา แต่งดำยืนไว้อาลัยเหยื่อบัสมรณะ จี้ขนส่งขึ้นบัญชีรถที่ให้บริการผู้สูงอายุ-นร.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9447514
 
วุฒิสภา สวมชุดดำยืนไว้อาลัยไฟไหม้บัสนักเรียน สว.วุฒิชาติ เสนอญัตติด่วน ย้ำติดตาม-ตรวจสอบต้องตามมาตรฐานความปลอดภัย หากมีตรวจทิพย์ต้องดำเนินคดี แนะขนส่งขึ้นบัญชีรถที่ให้บริการสำหรับผู้สูงอายุ-นักเรียน
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ต.ค.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุรัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยนายมงคล ได้แจ้งถึงเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียน โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี บนถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้ครูและนักเรียนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก และขอให้สมาชิกยืนขึ้นสงบนิ่งเพื่อแสดงความอาลัยและแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บต่อ เป็นเวลา 1 นาที
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยความราบเรียบ โดย สว.ทุกคนนัดกันใส่ชุดสีดำเพื่อไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว ทั้งนี้ ระหว่างที่นายมงคล กล่าวไว้อาลัย ภาพหน้าจอห้องประชุม ได้ขึ้นเป็นภาพขาวดำเขียนข้อความว่า “วุฒิสภาขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ต่อครอบครัวผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้รถทัศนศึกษาของนักเรียน ด้วยความอาลัยอย่างสุดซึ้ง” ก่อนจะเข้าสู่ระเบียบวาระกระทู้ถาม
 
ทั้งนี้ ก่อนการประชุมวุฒิสภา นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร สว. ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอญัตติด่วนในที่ประชุมวุฒิสภา เรื่องแนวทางการป้องกัน แก้ไข ช่วยเหลือเยียวยา ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากกรณีไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาว่า ประเด็นหลักคงไม่ต่างกัน วันนี้เป็นการฝากข้อเสนอแนะไปยังรัฐบาล ว่าจะหามาตรการอย่างไรสำหรับการสูญเสีย ทั้งการกำหนดความเหมาะสมของเด็กนักเรียนที่ไปดูงาน อายุการช่วยเหลือตัวเอง รวมถึงแนวทางหลายแนวทาง
ส่วนแนวทางแก้ปัญหาจริงจังในเรื่องนี้นั้น เชื่อว่ามาตรฐานความปลอดภัย แต่ละหน่วยงานที่รับผิดชอบ ค่อนข้างเข้มงวดอยู่แล้ว แต่ขาดการติดตาม เช่น ตรวจสภาพไปแล้วอาจตรวจติดตามทุก 2-3 เดือน ไม่ใช่ต้องรอเมื่อครบวาระแล้วเข้ามาตรวจอีกที และอาจมีการอบรมผู้ให้บริการ ที่ควรให้ความรู้กับผู้โดยสารเช่นเดียวกับกรณีพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินที่มีการให้คำแนะนำก่อนบิน
 
นายวุฒิชาติ กล่าวถึงการหลบเลี่ยงการตรวจสอบที่รถไปถอดถังแก๊สออก ที่จ.นครราชสีมาว่า เรื่องนี้เป็นประเด็น เช่น มาตรฐานความปลอดภัยให้ติดตั้ง 3-4 ถัง แต่มีการติดตั้งเพิ่มก็ขาดเรื่องความปลอดภัย และมาตรการตรวจติดตามเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งกรมขนส่งทางบก มีตรวจการพิเศษอยู่แล้ว ต้องดูการตรวจที่ต้นทางหรือตรวจปลายทาง แต่สิ่งที่ตนสบายใจแล้วอย่างหนึ่งคือ มี GPS ที่จะติดตาม เข้าติดตามสถานการณ์ได้ทันท่วงที
 
ส่วนการเข้าไปตรวจสภาพของรถที่มีการถอดถังแก๊สออกก่อน ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่เห็น จะเป็นการตรวจสอบยากขึ้นหรือไม่ นายวุฒิชาติ กล่าวว่า ถ้ามองในแง่ดีก็เป็นเช่นนั้น แต่ถ้ามองอีกแง่คือ สมรรู้ร่วมคิด เช่น ตอนตรวจมีเท่านี้แต่พอตรวจผ่านไปใส่เพิ่ม ดังนั้น เราต้องเน้นย้ำถึงมาตรการ ว่าต้องดำเนินการอย่างจริงจังในเรื่องของการตรวจทิพย์ ถ้ามีการตรวจทิพย์จริง ก็ต้องดำเนินการให้ถึงที่สุดในด้านของกฎหมาย
 
“ถ้าวันนี้เป็นลูกหลานคุณคนที่รับผิดชอบคุณจะคิดยังไง ถ้าเป็นการสูญเสียของลูกหลานคุณ เราต้องช่วยกันสร้างจิตสำนึกในเรื่องพวกนี้ ส่วนที่โรงเรียนยกเลิกทัศนศึกษาในช่วงนี้นั้น เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ต้นเหตุต้องดูว่าเกิดจากอะไร ถ้าทุกอย่างถูกต้องตามมาตรฐาน ประเด็นนี้ก็เป็นเรื่องความตื่นตระหนกและทุกคนต้องสร้างความมั่นใจก่อน ซึ่งกรมขนส่งทางบกมีคำสั่งให้นำรถเข้าไปตรวจสภาพทั้งหมด” นายวุฒิชาติกล่าว
 
นายวุฒิชาติ กล่าวว่า กรมการขนส่งขึ้นบัญชีว่ารถบริการที่จะให้บริการแก่ผู้สูงอายุหรือเด็กนักเรียนมีบริษัทไหนบ้าง ให้ขึ้นบัญชีไว้ว่ากี่ประเภท คิดว่าน่าจะช่วยได้ ในวันเกิดอุบัติเหตุหากประตูฉุกเฉินเปิดได้หรือมีคนที่รู้ว่ากระจกบานใดทุบได้ กรณีที่มีค้อนทุบกระจก ก็สามารถที่จะทุบและกระโดดออกมาจากหน้าต่างได้ ดีกว่าเสียชีวิตแบบนี้

---

 
ท่วมเชียงใหม่ เริ่มคลี่คลาย น้ำปิงลดระดับ แต่ยังสูงกว่าจุดวิกฤต ส่วนสารภียังหนัก
https://www.matichon.co.th/region/news_4832015

ท่วมเชียงใหม่เริ่มคลี่คลาย น้ำปิงลดระดับ แต่ยังสูงกว่าจุดวิกฤต แต่สารภียังหนัก ประสาน อปท.-ลำพูน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำบรรเทาผลกระทบ ปชช.
 
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเข้าสู่วันที่ 4 เริ่มคลี่คลาย แม่น้ำปิงที่ไหลผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ได้ลดระดับลงแล้ว ล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น.ที่สถานีวัดระดับน้ำ P1 สะพานนวรัฐ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ระดับน้ำปิงอยู่ที่ 3.85 เมตร (จุดวิกฤต 3.70 เมตร) ปริมาณน้ำไหล 429 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที (จุดวิกฤต 405 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที) หลายจุดในตัวเมืองเชียงใหม่ และรอบตัวเมืองน้ำได้ลดลงแล้วเช่นกัน ถนนหลายสายเปิดให้สัญจรผ่านได้แล้ว เช่น ถนนช้างคลาน จากแยกแสงตะวันถึงแยกระแกง แต่ยังปิดการจราจรตั้งแต่แยกระแกงถึงทางขึ้นถนนมหิดล ส่วนถนนเจริญประเทศ ตำบลช้างคลานยังปิดการจราจร

ถนนเจริญราษฎร์ เส้นเลียบแม่น้ำปิง เปิดให้ผ่านทางลอดขัวสรีเวียงพิงค์ (สะพานป่าตัน) ทั้งสองฝั่ง , เปิดการจราจรถนนมหิดล จากสี่แยกสนามบินถึงทางต่างระดับรถไฟ , ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่-ลำปาง จาก ปตท.สารภี หน้าบิ๊กซีดอนจั่น มีการจัดช่องทางพิเศษให้รถวิ่งสวนทางกัน , เปิดถนนสุขเกษม (โรงเรียนโปลิ-โรงพยาบาลานนา ) ให้รถวิ่งเข้า-ออกได้ , วงแหวนรอบ 2 สะพานป่าแดด ข้ามแม่น้ำปิง วงแผงกั้นปิดการจราจร , แยกสะเมิง -แยกกองทราย -วงแหวนรอบ 3 เปิดการจราจร
 
ด้านนายเกื้อกูล มานะสัมพันธ์สกุล ผู้อำนวยการโครงการชลประทานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ส่าลุดระดับน้ำปิงลดลงต่ำกว่า 4 เมตรแล้ว ลดลงเฉลี่ยชั่วโมงละ 4-5 เซนติเมตร คาดว่าภายในวันนี้ระดับน้ำปิงจะต่ำกว่า 3.70 เมตร เข้าสู่สถานการณ์เฝ้าระวัง ตอนนี้เป็นเรื่องการสูบน้ำในพื้นที่ที่น้ำท่วมขัง ทั้งในเขตเศรษฐกิจและชุมชนเมืองตั้งแต่โซน 1-7
 
โดยน้ำปิงบางส่วนได้ไหลตามลำน้ำปิงไปแล้ว แต่จุดที่ยังหนัก คือ อำเภอสารภี ได้มีการเร่งระบายน้ำตอนปลายโดยเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ แต่มวลน้ำมีจำนวนมากต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะระบายน้ำออกจากอำเภอสารภีได้ ขณะที่การระบายน้ำแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วน 1. ตำบลป่าบง ไชยสถาน ชมภู อปท.ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำซิ่งไว้ปลายน้ำ เพื่อระบายน้ำลงลำน้ำกวง ส่วนที่ 2 พื้นที่ตอนกลาง ตำบลท่าวังตาล หนองแฝก หนองสี่แจ่ง น้ำจะผ่านไปยังจังหวัดลำพูน ทั้งลำพูนและเชียงใหม่จะช่วยกันสูบน้ำจากต้นน้ำและปลายน้ำ เพื่อดันน้ำไปลงน้ำปิงห่างที่แม่กวง และส่วนที่ 3 ตำบลดอนแก้ว สันทรายมหาวงค์ ขัวมุง น้ำจะไปลงแม่น้ำปิง ได้มีการติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่สันทรายมหาวงค์ และคลองสายใหญ่ของฝายแม่ปิงเก่า ซึ่งต้องไล่สูบเป็นโซนๆจากด้านในขยับออกไปตามทิศทางการไหลของน้ำ

“สำหรับน้ำในพื้นที่ตอนบนของต้นน้ำปิง และลำน้ำสาขาปริมาณน้ำลดลงแล้ว แต่ไม่มีฝนตกลงมา ส่วนเขื่อนแม่งัดปิดไม่มีการระบายน้ำลงมา วันนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงฟื้นฟูในเขตเศรษฐกิจและทุกโซนที่น้ำลดลง ทั้งการล้างโคลนและเก็บขยะ” นายเกื้อกูล กล่าว
 
ส่วนฝายดอยน้อยที่ตกเป็นจำเลยว่า ทำให้น้ำปิงไหลช้าเพราะไม่เปิดประตูระบาย ว่าที่ ร้อยตรี สุรพงศ์ กาบวัง นายกองค์การบริหารส่วนตำบลดอยหล่อ ระบุว่า ฝายระบายน้ำได้ดี ขยะหน้าบานไม่มี เก็บทุกวัน บาน 1-5 ยก 2.5-3 ม. บาน 6 ยกพ้นน้ำ สถานการณ์น้ำเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ส่วนสลิงที่ใช้สำหรับยกบานด้านหน้าขาด ตอนน้ำมารอบแรก จึงมีเหตุจำเป็นนำสลิงมาร้อยห่วงหูด้านหลังบานเพื่อแก้ปัญหา ทำให้ยกบาน 1-5 ได้ไม่สุด แต่ ‘ปัจจุบัน’ ยกได้ 2.5-3 เมตร ต่อบาน ทั้ง 5 บาน บานที่ 6 สลิงไม่ขาด ยกได้สุดที่ 6 เมตร

ด้านสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จังหวัดเชียงใหม่ สรุปสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากน้ำปิ้งเอ่อล้นตลิ่งในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นว่า ช่วงแรกวันที่ 22-30 กันยายน มี 15 อำเภอได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย อ.เมืองเชียงใหม่ พร้าว เชียงดาว ดอยหล่อ สะเมิง หางดง สันป่าตอง จอมทอง แม่ริม แม่วาง สันกำแพง แม่ออน สันทราย ดอยสะเก็ด และ อ.สารภี รวม 68 ตำบล 357 หมู่บ้าน 23 ชุมชน
 36,810 ครัวเรือน ราษฎรกว่า 74,599 คน ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 14 อำเภอ อยู่ระหว่างการสำรวจและเร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง โดยยังคงมีสถานการณ์ในอำเภอสารภี ที่เป็นจุดท้ายน้ำมีน้ำปิงเอ่อล้นผ่านตัวเมืองเชียงใหม่ไหลบ่าเข้าท่วม 9 ตำบล (จาก 12 ตำบล) ได้แก่ ต.ท่าวังตาล สันทรายมหาวงศ์ ท่ากว้าง หนองผึ้ง หนองแฝก ชมภู ไชยสถาน ป่าบง และ ต.ดอนแก้ว เร่งนำแล้ว
 
ต่อมาเกิดน้ำท่วมในรอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 2 ตุลาคม – ปัจจุบัน ได้รับผลกระทบ 13 อำเภอ 50 ตําบล ในพื้นที่เดิม โดยเฉพาะ 7 อำเภอท้ายน้ำ ครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย นายบุญศรี ยะมะโน อายุ 61 ปี จากน้ำป่าพัดร่างและพบร่างเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม รายที่ 2 คุณยาย อายุ 71 ปี เสียชีวิตกรณีพายเรืออพยพออกจากบ้านและเรือล่ม พื้นที่ อ.สารภี