ค่ายเพลง K-POP กำลังเผชิญกับปัญหารายได้และผลการดำเนินที่ลดลงในช่วงครึ่งปีแรก 2024 ซึ่งตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น สำหรับไตรมาสที่ 4 ที่จะทำกลยุทธ์ต่อสู้กับสภาวะในตอนนี้

ถือเป็นปีที่หนักสำหรับค่ายบันเทิง K-POP โดยราคาหุ้นของค่ายยักษ์ใหญ่ BIG 4 (HYBE, JYP, SM, YG) ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงต้นปี

โดยค่ายที่มีอัตราการลดลงมากที่สุดคือ JYP ลดลงถึง 49.7% 

HYBE ลดลง 28.14%

SM ลดลง 27.7%

โดยสาเหตุหลักที่สื่อเกาหลีเพ่งเล็งคือ "ยอดขายอัลบั้มที่ลดลง" หากเทียบข้อมูลจาก Circle Chart นับยอดขายอัลบั้มสะสมทั้งหมดจากอันดับ 1 - 400 ในครึ่งปี 2023 อยู่ที่ 46.7 ล้านอัลบั้ม และเทียบกับครึ่งปี 2024 ยอดบั้มลดลง 8.2 ล้านอัลบั้ม ถือว่าลดลง 14.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

การส่งออกอัลบั้มก็ลดลงเช่นกัน โดยเทียบข้อมูลจากการส่งออกและนำเข้าของกรมศุลกากรเกาหลี ยอดอัลบั้มตั้งแต่เดือนมกราคม - มิถุนายน อยู่ที่ 131.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 181.3 พันล้านวอน มีอัตราลดลง 2.3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2023 ถือเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2015 ที่มียอดส่งออกบั้มลดลง

สื่อเกาหลีวิเคราะห์ว่าผู้บริโภคที่เคยเน้นไปที่การซื้ออัลบั้มนั้น ได้แบ่งออกเป็นการซื้อคอนเสิร์ต สินค้า merchandise อื่นๆ เนื่องจากการทัวร์คอนระดับ World Tour กลับมามีบทบาทสำคัญหลังจากสภาวะโรคระบาดโควิดหายไป ถึงแม้ผลการดำเนินการกำไรจะเพิ่มขึ้น แต่ "ยอดขายอัลบั้มยังเป็นสิ่งสำคัญ" เนื่องจากการทัวร์คอนยังคงมีข้อจำกัดทั้งด้าน physical และเวลา เพราะศิลปินต้องไปพบเจอแฟนคลับด้วยตนเอง แต่อัลบั้มไม่มีข้อจำกัดเหล่านี้ และอัลบั้มเป็นสินค้าที่กระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำและทำให้กลับไปซื้อทั้งผลงานใหม่และเก่าได้อีกด้วย

ก่อนเข้าสู่ช่วงปลายปี จึงมีการคาดว่ายอดขายอัลบั้มและการขยายทัวร์คอนเสิร์ตของ 4 ค่ายใหญ่จะเพิ่มมากขึ้น 

- กลยุทธ์ของ HYBE - 

HYBE เลือกไลน์อัพระดับเทียร์ 1 มาคัมแบคได้แก่ SEVENTEEN ที่มียอดขายอัลบั้มมากกว่า 10 ล้านอัลบั้มในปีที่แล้ว (ยอดรวม 16.1 ล้านอัลบั้ม) และในปีนี้แม้จะออกอัลบั้มเป็น BEST ALBUM '17 IS RIGHT HERE' ก็สามารถทำยอดขายได้มากกว่า 3 ล้านอัลบั้ม (3.6 ล้านอัลบั้ม) รวมถึงยังมียอดขายอัลบั้มยูนิต Jeonghan x Wonwoo เพิ่มด้วย จึงมีความคาดหวังสูงว่า 12th Mini Album 'SPILL THE FEELS' ที่จะคัมแบคในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ จะสามารถทำสถิติศิลปิน 10 ล้านอัลบั้ม ด้วยยอดพรีออเดอร์มากกว่า 3 ล้านอัลบั้มได้หรือไม่? และหลังจากคัมแบคจะเริ่ม World Tour อีกด้วย

- กลยุทธ์ JYP -

JYP ตั้งเป้าหมายไปที่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภค K-POP ที่ใหญ่ที่สุด ด้วยวงตัวท้อปฝ่ายชายและหญิงของค่ายได้แก่ TWICE และ STRAY KIDS ซึ่งทั้งคู่ต่างก็ตั้งเป้าไปที่ญี่ปุ่น TWICE ทำสถิติเป็นเกิร์ลกรุ๊ป K-POP วงแรกที่จัดคอนเสิร์ต Nissan Stadium ดึงดูดผู้ชมมากกว่า 140,000 คน และจะมีการทำกิจกรรมยูนิต MISAMO โดยจะปล่อย JAPAN 2nd Mini Album 『HAUTE COUTURE』 ในวันที่ 6 พฤศจิกายนนี้ และจะจัด Dome Tour ในท้องถิ่นของญี่ปุ่นอีกด้วย ส่วน STRAY KIDS จะปล่อย JAPAN 2nd Album『GIANT』ในเดือนพฤศจิกายนนี้ และในเกาหลียังคงมี ITZY, Xdinary Heroes ที่จะคัมแบคท่ามกลาง DAY6 ที่ยังคงความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย

- กลยุทธ์ SM -

SM เลือกเสริมฐานให้แน่นสำหรับเจนใหม่ที่กำลังเปลี่ยนแปลงให้มั่นคงมากขึ้น RIIZE ที่มียอดขายเดบิวต์อัลบั้ม 1.4 ล้านอัลบั้มนับทั้งปี 2023 ปัจจุบัน The 1st Mini Album 'RIIZING' ทำยอดขายได้สูงถึง 1.25 ล้านอัลบั้มภายในแค่สัปดาห์แรก และยังมี NCT Wish ที่กำลังเติบโตอย่างมั่นคง รวมถึง aespa ที่แข็งแกร่งทั้งด้านอัลบั้มและดิจิตอล จะคัมแบคในวันที่ 21 เดือนตุลาคมนี้ และยังมีแพลนที่จะเปิดตัวเกิร์ลกรุ๊ปใหม่ในรอบ 4 ปีหลังจาก aespa อีกด้วย

- กลยุทธ์ YG -

YG ประสบปัญหาการขาดศิลปิน Cash Cow ในเจน 4 และเจน 5 หลังจากช่องว่างของ BLACKPINK ที่หายไป ทำให้ YG พาไพ่ตายที่ไม่แพ้ใครอย่าง 2NE1 กลับมาอีกครั้ง ได้จัดคอนเสิร์ต WELCOME BACK IN SEOUL ที่บัตรขายหมดอย่างรวดเร็ว แม้ภายในประเทศจะจัดที่ Olympic Hall ที่มีความจุแค่ 4,000 ที่นั่ง แต่หลังจากนั้นยังมีแพลนที่จะทัวร์ 15 การแสดง ใน 9 เมืองทั่วเอเชียที่ยาวจนถึงปีหน้า รวมถึงจะปล่อย 1st Full Album ของ BABY MONSTER กับฉายาวงน้องสาว BLACKPINK ซึ่งกำลังได้รับความสนใจในฐานะวงมากความสามารถ จะสามารถกลายเป็นศิลปินหลักของค่ายได้หรือไม่?