ขอแชร์ประสบการณ์สำหรับใครที่มีความกังวลเรื่อง HIV ขอให้อ่าน
ขอเริ่มต้นจากประสบการณ์จริงที่ผ่านมา ผมคิดว่าได้รับเชื้อ HIV มาแน่ 100% โดยพื้นฐานเป็นคนขี้กังวลมากอยู่แล้ว
1. ผมได้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก โดยคิดว่าเขาปลอดภัยแม้จะไม่ชัวร์แน่ก็ตาม โดยขณะมีเพศสัมพันธ์ ถุงหลุด และมีความสัมพันธ์ทั้งทางด้านอวัยวะเพศและปากโดยไม่มีการป้องกัน หลังจากนั้นเลยได้สังเกตอาการภายนอกของเขา ซึ่งสังเกตเห็นผื่นเล็กน้อย
2. หลังจากวันนั้น ผมจึงเริ่มมีความกังวล แต่!!! ด้วยความรู้ที่น้อยจึงไม่รู้ว่ามียา PEP ที่ช่วยการป้องกันโรคในกรณีฉุกเฉินจึงปล่อยเลยตามเลยมากว่า 7 วัน ระหว่างนั้นแม้กังวลแต่ไม่มีอาการอะไรเลย ซึ่งพอความกังวลเกิดขึ้น จึงติดต่อกลับทางผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเขาบอกแค่เขาปลอดภัยแต่ไม่มีอะไรรับรอง
3. หลังจากนั้น 10 วัน อาการผมเริ่มออก มีอาการเหนื่อยล้า หายใจยาก มีอาการคล้ายหวัดแต่ไม่ไอหนัก ผื่นขึ้นบางจุด เริ่มคัน อาการชัดๆ คือ เจ็บกล้ามเนื้อ แถวท้องน้อยถึงลูกอัณฑะอย่างเบาถึงรุนแรง
4. เริ่มศึกษาข้อมูล (อ่านทุกอย่าง เสพทุกเว็บไทยและเทศ) อาการที่เรามี อย่างน้อยๆ ก็ครึ่งนึงของอาการ HIV แน่ๆ โทรหา 1663 ด้วยความกังวล แต่บอกได้แค่ว่าไปรอดตรวจ
5. พอถึงวันที่ 14 จึงไปตรวจด้วยน้ำยา เจน 4 ของคลินิกเอกชน บอกเลยกังวล นอนไม่หลับเป็นสัปดาห์ หลับๆตื่นๆ นอนได้วันละ 3-4 ชม. ผลรอบแรกลบ คิดว่าสบายใจละ เพราะเขาว่าน้ำยานี้ถ้าลบถือว่าสัญญาณดี แต่ไม่ชัวร์นะ (อ่านเยอะ เลยลึกถึงความเป็นไปได้ที่จะผิดพลาด) กลายเป็นว่า ตรวจรอบนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้ความกังวลลดลงเลย
6. ติดต่อกลับผู้หญิงคนนั้นเพื่อขอความแน่ใจ ความบันเทิงเริ่มตรงนี้ละ! บอกว่าจะไปตรวจ ผมเลยรอผล (บอกว่าตรวจแล้ว แต่จริงๆ โกหก ไม่ได้ตรวจมานานแล้ว) คืนนั้นส่งผลกลับมา ถ่ายมาแค่ผลเขียนว่า Neg แต่ไม่ส่งข้างหน้าว่าตรวจอะไร (ถ่ายติดอักษรตัวสุดท้ายมานิดเดียว) ผมจึงเริ่มหาข้อมูลว่าคือผลตรวจอะไร สุดท้ายรู้ว่า เป็นแค่ผลตรวจฉี่ว่าไม่มีสารเสพติด งานเข้าละทีนี้ แสดงว่าโกหกมาตั้งแต่แรกเลยนี้หว่า หลังจากนั้นติดต่อไปไม่ได้เลย
7. หลังจากที่รู้ว่าโดนโกหก ยิ่งหาข้อมูลเพิ่มขึ้น บอกเลยว่าเป็น 4 สัปดาห์ที่โหดมาก นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เจ็บคอ หาอ่านแต่ข้อมูลในเน็ต ซึ่ง 90% ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่ยังไงก้ต้องรอจนเลย window period ซึ่งในวันที่ 28 จึงได้ไปตรวจที่คลินิกนิรนาม (ถ้าที่นี้ผิด ไม่ต้องตรวจที่อื่นละครับ ที่นี้คือ the best ด้านการตรวจ HIV ในไทย) ครั้งแรกเขาจะตรวจ NAT ให้ฟรี (ผล NAT บอกว่ามีตัวเชื้อเลยว่ามีหรือไม่ สามารถตรวจผลตั้งแต่ 7 วันขึ้น) และมีตรวจ anti-hiv (ผล anit-hiv หาผลภูมิหลังจากที่ร่างกายสร้างภูมิป้องกันตัวเชื้อ) ผลเป็นลบ บอกเลยโล่งสุด ไม่เคยจะสบายใจอะไรแบบนี้อีกเลย
8. แต่ก็ยังไม่มีความกังวลอยู่ เพราะวิจัยต่างประเทศว่า 1 เดือนก็ยังไม่แน่ (95% ว่างั้น) บอกเลยว่าอย่าหาข้อมูลเยอะ เชื่อหมอครับ เขาเรียนมา แต่ถ้ายังไม่แน่ใจ ถามหมอเพิ่มอีกคน เอาชัวร์ครับ
9. ด้วยความที่เป็นคนดื้อสุด หลังจากคิดว่ารอดแล้ว ไปต่อสิครับ แม้มีความกังวลอยู่บ้าง แต่รอบนี้ไปเมืองนอก เล่นต่างชาติเลยครับผม หลังจากตรวจไม่พบ 28 วัน ลุยต่อที่วันที่ 32 แต่ดีหน่อย รอบนี้ไม่สอดใส่ แอบกลัวอยู่นะ เอาแค่มานวด ปากใส่ถุง แล้วใช้มือให้จบ แต่เพราะกังวลเลยคิดว่าเขาต้องเอานิ้วไปป้ายตรงนั้น แล้วเอามาจับของเราแน่ ๆ
10. แอบแวะไปปรึกษาหมอว่า ผมเสี่ยงไหมครับ รอบนี้ทำแค่ที่เล่าไป (อยากทาน PEP เซฟๆ) แต่หมอบอกแค่นี้ไม่ติดหรอกถ้าเล่าความจริงนะ 555 (คุยกับหมอครับ ใครจะโกหก) จบการพูดคุยที่เหมือนจะช่วย แต่ยังกังวล เลยโทรหา 1663 อีก 3 รอบ 3 คน พร้อมกับไลน์ปรึกษากับที่ปรึกษาของคลินิกนิรนาม (บอกเลยว่าตอนนี้คุยไปแล้ว 5 คน เสี่ยงต่ำมากๆ) แต่ในใจเรามีคดีเดิมที่ชัวร์ไหมผล 28 วัน กับสัมผัสรอบใหม่นี้ คิดวนๆกันไป
11. ความสนุกก็เริ่มเลยทีนี้ ทั้งที่ไม่เคยนอนเหงื่อออกตอนกลางคืน หลังจากนั้นมาเต็มเลยครับ นอนเหงื่อเริ่มออกวันแรก (วันที่ 3 หลังจากเคสต่างชาติ) เบา ๆ พอชื้น ๆ วันถัดมา (วันที่ 4) เหงื่อออกตอนนอนแบบต้องตื่นมาอาบน้ำเปลี่ยนชุด ที่นอนชุ่ม แล้วก็ค่อย ๆ ดีขึ้น โดยหยุดที่ประมาณ วันที่ 7 และเริ่มมีอาการเจ็บคอ แน่นหน้าอก เหนื่อยล้า ผื่นมาเยอะ
12. เอาแล้วละสิ ความกังวลกลับมาอีกแล้ว ผมติดแน่ ๆ เลย (ติดตอนไหนละ รอบก่อนที่เชื้อยังไม่ขึ้น หรือรอบนี้ที่เพิ่งไปโดนมา)
13. ตอนนี้กำลังใจหมดแล้วครับ อึดอัด กดดัน คิดไปต่าง ๆ นานน ถ้าติดทำไงดี จะบอกคนใกล้ตัวยังไง
14. สุดท้ายอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อดทนไม่ไหวไปวันที่ 12 (ควรไปตรวจวันที่ 15) ไปที่คลีนิกนิรนามอีกรอบ ขอตรวจ NAT เลย จ่ายเองเอาชัวร์ ก่อนตรวจขอคุยกับหมอก่อน คุณหมอน่ารักมาก เอาที่ละอย่าง อันแรก ผลลบรอบแรกผ่านมาแล้ว 28 วัน ชัวร์แล้วนะ เพราะตรวจทั้ง NAT+HIV (ไม่มีที่ไหนบอกว่าผลตรวจ 100% มีแต่ตัวเราเองนี้ละ บอกว่าตัวเองว่าติด 100%) จบเคสแรก เคสที่สองหมอบอกว่า คุณป้องกันและระวังขนาดนี้จะมาหาหมอทำไม โอกาสแถบจะไม่มีเลย แต่ผมมีอาการไงครับเลยมา หมอบอกว่า HIV เป็นตัวทำให้เราอ่อนแอ และระยะเวลากว่าเราจะอ่อนแอเป็นปีกว่าจะแสดงผล ถ้าอาการออก 2-3 วันหลังเสี่ยงไปหาหมอรักษาโรคอื่น ไม่ใช่ HIV ส่วนใหญ่คนติดไม่รู้ตัวหรอก หมอก็บอกว่า คิดว่าไม่น่าติดเชื้อ ไม่จำเป็นต้องตรวจ แต่ผมขอตรวจซ้ำ เอาสบายใจละ
15. วันที่ 12 ผลตรวจ HIV ออกเป็นลบ (เชื่อไม่ได้ เขานับวันที่ 14) แต่ NAT ผลออกวันถัดมา (ทนไปก่อน อีกแค่วันเดียว) บอกเลยว่าถ้าบวก เขาโทรมาตามแน่ นั่งลุ้นตั้งแต่เช้าว่า Call center หรือพวกเบอร์แปลก ไม่ติดต่อมาวันนี้นะ 555 แต่ผมทนไม่ไหว โทรหาเลย ผลลบครับ แต่ก็จะไปตรวจซ้ำอีกต่อไป เอาชัวร์ครับ
16. ครบ 28 วัน ตรวจผลลบ สบายใจได้ แต่เอาจริงๆ ช่วงก่อนหน้านี้อารมณ์ก็ยังเหมือนยังติดเชื้ออยู่ ดูอาการตัวเองตลอด เหนื่อย เพลีย เครียด เอาเป็นว่าจบแล้ว หมอบอกว่าไม่ต้องตรวจแล้วนะ เก็บไว้ตรวจประจำปีแล้วกันนะ
ที่นี้ มาสรุปกันครับว่าประสบการณ์นี้มันบอกจะแชร์อะไรได้บ้าง
1. สำหรับคนไม่รู้จัก หรือเจอกันครั้งแรกแล้วพร้อมจะบวกเลย ให้คิดไว้เลยว่า
เขามีเชื้อแล้ว (เพื่อให้เราตระหนักไว้)
2. ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อุบัติเหตุผิดพลาด ภายใน 72 ชั่วโมง PEP ช่วยได้ (หมอบอกมาเพราะผมรับยาไม่ทัน)
3. HIV รู้ได้อย่างเดียวคือการตรวจเลือด อาการอื่น ๆ ไม่ต้องสนใจ เลิกกังวลแล้วไปตรวจซะ
4. อาการอื่นที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความวิตกกังวล ความเครียด
5. สถิติบอกว่าโอกาสจะติดน้อย น้อยมากๆ เช่น มีทางช่องคลอดโดยตรงไม่ป้องกันมีโอกาสมากสุด 10% (ผู้หญิง) 1% (ผู้ชาย) เอาจริง ๆ โอกาสติดนี้ 4-8 ใน 10,000 นี้ ขับรถไปเชียงใหม่โอกาสประสบอุบัติเหตุยังมากกว่าเลย แต่อยากลองเสี่ยงไหม เลือกเอาครับ แต่บอกเลยว่าให้ทดไว้ในใจเลยว่า สดมาโอกาสมากกว่า 70% ปากสดมากกว่า 5% (ไม่รวมโรคอื่น)
6. หากหาข้อมูลทางการแพทย์ จะเห็นกราฟเวลาพบติดเชื้อด้วยวิธีต่าง ๆ โดยสรุปได้ประมาณนี้
a. NAT พบเชื้อได้ตั้งแต่ 7-14 วัน แปลว่าเอาชัวร์มากกว่า 90% ตรวจวันที่ 15
b. Gen4 พบเชื้อได้ตั้งแต่ 14-21 วัน แปลว่าเอาชัวร์มากกว่า 90% ตรวจวันที่ 22 และมากกว่า 95% วันที่ 28
c. Gen3 พบเชื้อได้ตั้งแต่ 28 วัน แปลว่าเอาชัวร์มากกว่า 90% ตรวจวันที่ 29
d. Gen3-4 ชัวร์มากกว่า 99.9…% ตรวจที่ 3 เดือน (ทำไม 99.9% เพราะหลักวิทยาศาสตร์ไม่มีอะไร 100% โอกาสที่จะไม่พบเชื้อเดือนที่ 3 ใกล้เคียงกับการถูกรางวัลที่ 2 ซึ่งหากท่านเคยถูกก็ทดความกังวลให้แล้วไปตรวจซ้ำ 6 เดือน)
ปล. คำถามว่าทำไม 28 วัน เพราะเท่ากับระยะเวลา 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ซึ่งหากนับกุมภาพันธ์ก็จะเป็น 1 เดือน
7. หากพลาดช่วง 72 ชั่วโมงแรกแล้ว แนะนำไปตรวจหลัง window period เพราะตรวจก่อนก็ไม่ทำให้หายกังวลอยู่ดี เปลืองเงินด้วย ทำใจให้สบาย แล้วรอไปตรวจ
8. ถามผู้เชี่ยวชาญเพื่อแนวทางการปฏิบัติตน ส่วนหนึ่งอาจจะช่วยในการคลาดความกังวลได้
9. ผลออกมาอย่างไรก็ตาม ให้คิดไว้ว่าการรับเชื้อในปัจจุบันไม่ใช้โทษประหารเหมือนสมัยก่อน มียาช่วยอีกเยอะ
หวังว่าโพสต์จะช่วยให้คนที่กังวลและไม่สบายใจ คลายความเครียดได้บ้าง ย้ำอีกทีคุณจะรู้ว่าคุณได้รับเชื้อต่อเมื่อได้รับการตรวจเลือดเท่านั้น อาการอื่นๆ ไม่เกี่ยวกัน ทั้งนี้ขอฝากไว้อย่างสุดท้าย ไม่ต้องหาข้อมูลเยอะ ไม่ช่วยให้คุณสบายใจขึ้นหรอก และยิ่งอ่านคอมเม้นท์ของคนอื่น บอกเลยว่า 90% ไม่มีประโยชน์ซ้ำจะทำให้คุณยิ่งเครียดไปกว่าเดิม คิดว่าหากท่านได้อ่านถึงตรงนี้ ท่านจะเลิกหาข้อมูลและติดต่อไปยังหมอหรือผู้เชี่ยวชาญนะครับ
ขอบคุณที่อ่านกันมา แค่แวะมาเล่าและช่วยคนที่กังวลเรื่อง HIV มากเกินไป
สำหรับทุกคนที่กังวล HIV โปรดอ่านก่อน
ขอเริ่มต้นจากประสบการณ์จริงที่ผ่านมา ผมคิดว่าได้รับเชื้อ HIV มาแน่ 100% โดยพื้นฐานเป็นคนขี้กังวลมากอยู่แล้ว
1. ผมได้มีความสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก โดยคิดว่าเขาปลอดภัยแม้จะไม่ชัวร์แน่ก็ตาม โดยขณะมีเพศสัมพันธ์ ถุงหลุด และมีความสัมพันธ์ทั้งทางด้านอวัยวะเพศและปากโดยไม่มีการป้องกัน หลังจากนั้นเลยได้สังเกตอาการภายนอกของเขา ซึ่งสังเกตเห็นผื่นเล็กน้อย
2. หลังจากวันนั้น ผมจึงเริ่มมีความกังวล แต่!!! ด้วยความรู้ที่น้อยจึงไม่รู้ว่ามียา PEP ที่ช่วยการป้องกันโรคในกรณีฉุกเฉินจึงปล่อยเลยตามเลยมากว่า 7 วัน ระหว่างนั้นแม้กังวลแต่ไม่มีอาการอะไรเลย ซึ่งพอความกังวลเกิดขึ้น จึงติดต่อกลับทางผู้หญิงคนนั้น ซึ่งเขาบอกแค่เขาปลอดภัยแต่ไม่มีอะไรรับรอง
3. หลังจากนั้น 10 วัน อาการผมเริ่มออก มีอาการเหนื่อยล้า หายใจยาก มีอาการคล้ายหวัดแต่ไม่ไอหนัก ผื่นขึ้นบางจุด เริ่มคัน อาการชัดๆ คือ เจ็บกล้ามเนื้อ แถวท้องน้อยถึงลูกอัณฑะอย่างเบาถึงรุนแรง
4. เริ่มศึกษาข้อมูล (อ่านทุกอย่าง เสพทุกเว็บไทยและเทศ) อาการที่เรามี อย่างน้อยๆ ก็ครึ่งนึงของอาการ HIV แน่ๆ โทรหา 1663 ด้วยความกังวล แต่บอกได้แค่ว่าไปรอดตรวจ
5. พอถึงวันที่ 14 จึงไปตรวจด้วยน้ำยา เจน 4 ของคลินิกเอกชน บอกเลยกังวล นอนไม่หลับเป็นสัปดาห์ หลับๆตื่นๆ นอนได้วันละ 3-4 ชม. ผลรอบแรกลบ คิดว่าสบายใจละ เพราะเขาว่าน้ำยานี้ถ้าลบถือว่าสัญญาณดี แต่ไม่ชัวร์นะ (อ่านเยอะ เลยลึกถึงความเป็นไปได้ที่จะผิดพลาด) กลายเป็นว่า ตรวจรอบนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้ความกังวลลดลงเลย
6. ติดต่อกลับผู้หญิงคนนั้นเพื่อขอความแน่ใจ ความบันเทิงเริ่มตรงนี้ละ! บอกว่าจะไปตรวจ ผมเลยรอผล (บอกว่าตรวจแล้ว แต่จริงๆ โกหก ไม่ได้ตรวจมานานแล้ว) คืนนั้นส่งผลกลับมา ถ่ายมาแค่ผลเขียนว่า Neg แต่ไม่ส่งข้างหน้าว่าตรวจอะไร (ถ่ายติดอักษรตัวสุดท้ายมานิดเดียว) ผมจึงเริ่มหาข้อมูลว่าคือผลตรวจอะไร สุดท้ายรู้ว่า เป็นแค่ผลตรวจฉี่ว่าไม่มีสารเสพติด งานเข้าละทีนี้ แสดงว่าโกหกมาตั้งแต่แรกเลยนี้หว่า หลังจากนั้นติดต่อไปไม่ได้เลย
7. หลังจากที่รู้ว่าโดนโกหก ยิ่งหาข้อมูลเพิ่มขึ้น บอกเลยว่าเป็น 4 สัปดาห์ที่โหดมาก นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย เจ็บคอ หาอ่านแต่ข้อมูลในเน็ต ซึ่ง 90% ไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่ยังไงก้ต้องรอจนเลย window period ซึ่งในวันที่ 28 จึงได้ไปตรวจที่คลินิกนิรนาม (ถ้าที่นี้ผิด ไม่ต้องตรวจที่อื่นละครับ ที่นี้คือ the best ด้านการตรวจ HIV ในไทย) ครั้งแรกเขาจะตรวจ NAT ให้ฟรี (ผล NAT บอกว่ามีตัวเชื้อเลยว่ามีหรือไม่ สามารถตรวจผลตั้งแต่ 7 วันขึ้น) และมีตรวจ anti-hiv (ผล anit-hiv หาผลภูมิหลังจากที่ร่างกายสร้างภูมิป้องกันตัวเชื้อ) ผลเป็นลบ บอกเลยโล่งสุด ไม่เคยจะสบายใจอะไรแบบนี้อีกเลย
8. แต่ก็ยังไม่มีความกังวลอยู่ เพราะวิจัยต่างประเทศว่า 1 เดือนก็ยังไม่แน่ (95% ว่างั้น) บอกเลยว่าอย่าหาข้อมูลเยอะ เชื่อหมอครับ เขาเรียนมา แต่ถ้ายังไม่แน่ใจ ถามหมอเพิ่มอีกคน เอาชัวร์ครับ
9. ด้วยความที่เป็นคนดื้อสุด หลังจากคิดว่ารอดแล้ว ไปต่อสิครับ แม้มีความกังวลอยู่บ้าง แต่รอบนี้ไปเมืองนอก เล่นต่างชาติเลยครับผม หลังจากตรวจไม่พบ 28 วัน ลุยต่อที่วันที่ 32 แต่ดีหน่อย รอบนี้ไม่สอดใส่ แอบกลัวอยู่นะ เอาแค่มานวด ปากใส่ถุง แล้วใช้มือให้จบ แต่เพราะกังวลเลยคิดว่าเขาต้องเอานิ้วไปป้ายตรงนั้น แล้วเอามาจับของเราแน่ ๆ
10. แอบแวะไปปรึกษาหมอว่า ผมเสี่ยงไหมครับ รอบนี้ทำแค่ที่เล่าไป (อยากทาน PEP เซฟๆ) แต่หมอบอกแค่นี้ไม่ติดหรอกถ้าเล่าความจริงนะ 555 (คุยกับหมอครับ ใครจะโกหก) จบการพูดคุยที่เหมือนจะช่วย แต่ยังกังวล เลยโทรหา 1663 อีก 3 รอบ 3 คน พร้อมกับไลน์ปรึกษากับที่ปรึกษาของคลินิกนิรนาม (บอกเลยว่าตอนนี้คุยไปแล้ว 5 คน เสี่ยงต่ำมากๆ) แต่ในใจเรามีคดีเดิมที่ชัวร์ไหมผล 28 วัน กับสัมผัสรอบใหม่นี้ คิดวนๆกันไป
11. ความสนุกก็เริ่มเลยทีนี้ ทั้งที่ไม่เคยนอนเหงื่อออกตอนกลางคืน หลังจากนั้นมาเต็มเลยครับ นอนเหงื่อเริ่มออกวันแรก (วันที่ 3 หลังจากเคสต่างชาติ) เบา ๆ พอชื้น ๆ วันถัดมา (วันที่ 4) เหงื่อออกตอนนอนแบบต้องตื่นมาอาบน้ำเปลี่ยนชุด ที่นอนชุ่ม แล้วก็ค่อย ๆ ดีขึ้น โดยหยุดที่ประมาณ วันที่ 7 และเริ่มมีอาการเจ็บคอ แน่นหน้าอก เหนื่อยล้า ผื่นมาเยอะ
12. เอาแล้วละสิ ความกังวลกลับมาอีกแล้ว ผมติดแน่ ๆ เลย (ติดตอนไหนละ รอบก่อนที่เชื้อยังไม่ขึ้น หรือรอบนี้ที่เพิ่งไปโดนมา)
13. ตอนนี้กำลังใจหมดแล้วครับ อึดอัด กดดัน คิดไปต่าง ๆ นานน ถ้าติดทำไงดี จะบอกคนใกล้ตัวยังไง
14. สุดท้ายอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อดทนไม่ไหวไปวันที่ 12 (ควรไปตรวจวันที่ 15) ไปที่คลีนิกนิรนามอีกรอบ ขอตรวจ NAT เลย จ่ายเองเอาชัวร์ ก่อนตรวจขอคุยกับหมอก่อน คุณหมอน่ารักมาก เอาที่ละอย่าง อันแรก ผลลบรอบแรกผ่านมาแล้ว 28 วัน ชัวร์แล้วนะ เพราะตรวจทั้ง NAT+HIV (ไม่มีที่ไหนบอกว่าผลตรวจ 100% มีแต่ตัวเราเองนี้ละ บอกว่าตัวเองว่าติด 100%) จบเคสแรก เคสที่สองหมอบอกว่า คุณป้องกันและระวังขนาดนี้จะมาหาหมอทำไม โอกาสแถบจะไม่มีเลย แต่ผมมีอาการไงครับเลยมา หมอบอกว่า HIV เป็นตัวทำให้เราอ่อนแอ และระยะเวลากว่าเราจะอ่อนแอเป็นปีกว่าจะแสดงผล ถ้าอาการออก 2-3 วันหลังเสี่ยงไปหาหมอรักษาโรคอื่น ไม่ใช่ HIV ส่วนใหญ่คนติดไม่รู้ตัวหรอก หมอก็บอกว่า คิดว่าไม่น่าติดเชื้อ ไม่จำเป็นต้องตรวจ แต่ผมขอตรวจซ้ำ เอาสบายใจละ
15. วันที่ 12 ผลตรวจ HIV ออกเป็นลบ (เชื่อไม่ได้ เขานับวันที่ 14) แต่ NAT ผลออกวันถัดมา (ทนไปก่อน อีกแค่วันเดียว) บอกเลยว่าถ้าบวก เขาโทรมาตามแน่ นั่งลุ้นตั้งแต่เช้าว่า Call center หรือพวกเบอร์แปลก ไม่ติดต่อมาวันนี้นะ 555 แต่ผมทนไม่ไหว โทรหาเลย ผลลบครับ แต่ก็จะไปตรวจซ้ำอีกต่อไป เอาชัวร์ครับ
16. ครบ 28 วัน ตรวจผลลบ สบายใจได้ แต่เอาจริงๆ ช่วงก่อนหน้านี้อารมณ์ก็ยังเหมือนยังติดเชื้ออยู่ ดูอาการตัวเองตลอด เหนื่อย เพลีย เครียด เอาเป็นว่าจบแล้ว หมอบอกว่าไม่ต้องตรวจแล้วนะ เก็บไว้ตรวจประจำปีแล้วกันนะ
ที่นี้ มาสรุปกันครับว่าประสบการณ์นี้มันบอกจะแชร์อะไรได้บ้าง
1. สำหรับคนไม่รู้จัก หรือเจอกันครั้งแรกแล้วพร้อมจะบวกเลย ให้คิดไว้เลยว่าเขามีเชื้อแล้ว (เพื่อให้เราตระหนักไว้)
2. ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อุบัติเหตุผิดพลาด ภายใน 72 ชั่วโมง PEP ช่วยได้ (หมอบอกมาเพราะผมรับยาไม่ทัน)
3. HIV รู้ได้อย่างเดียวคือการตรวจเลือด อาการอื่น ๆ ไม่ต้องสนใจ เลิกกังวลแล้วไปตรวจซะ
4. อาการอื่นที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งอาจเกิดจากความวิตกกังวล ความเครียด
5. สถิติบอกว่าโอกาสจะติดน้อย น้อยมากๆ เช่น มีทางช่องคลอดโดยตรงไม่ป้องกันมีโอกาสมากสุด 10% (ผู้หญิง) 1% (ผู้ชาย) เอาจริง ๆ โอกาสติดนี้ 4-8 ใน 10,000 นี้ ขับรถไปเชียงใหม่โอกาสประสบอุบัติเหตุยังมากกว่าเลย แต่อยากลองเสี่ยงไหม เลือกเอาครับ แต่บอกเลยว่าให้ทดไว้ในใจเลยว่า สดมาโอกาสมากกว่า 70% ปากสดมากกว่า 5% (ไม่รวมโรคอื่น)
6. หากหาข้อมูลทางการแพทย์ จะเห็นกราฟเวลาพบติดเชื้อด้วยวิธีต่าง ๆ โดยสรุปได้ประมาณนี้
a. NAT พบเชื้อได้ตั้งแต่ 7-14 วัน แปลว่าเอาชัวร์มากกว่า 90% ตรวจวันที่ 15
b. Gen4 พบเชื้อได้ตั้งแต่ 14-21 วัน แปลว่าเอาชัวร์มากกว่า 90% ตรวจวันที่ 22 และมากกว่า 95% วันที่ 28
c. Gen3 พบเชื้อได้ตั้งแต่ 28 วัน แปลว่าเอาชัวร์มากกว่า 90% ตรวจวันที่ 29
d. Gen3-4 ชัวร์มากกว่า 99.9…% ตรวจที่ 3 เดือน (ทำไม 99.9% เพราะหลักวิทยาศาสตร์ไม่มีอะไร 100% โอกาสที่จะไม่พบเชื้อเดือนที่ 3 ใกล้เคียงกับการถูกรางวัลที่ 2 ซึ่งหากท่านเคยถูกก็ทดความกังวลให้แล้วไปตรวจซ้ำ 6 เดือน)
ปล. คำถามว่าทำไม 28 วัน เพราะเท่ากับระยะเวลา 4 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ซึ่งหากนับกุมภาพันธ์ก็จะเป็น 1 เดือน
7. หากพลาดช่วง 72 ชั่วโมงแรกแล้ว แนะนำไปตรวจหลัง window period เพราะตรวจก่อนก็ไม่ทำให้หายกังวลอยู่ดี เปลืองเงินด้วย ทำใจให้สบาย แล้วรอไปตรวจ
8. ถามผู้เชี่ยวชาญเพื่อแนวทางการปฏิบัติตน ส่วนหนึ่งอาจจะช่วยในการคลาดความกังวลได้
9. ผลออกมาอย่างไรก็ตาม ให้คิดไว้ว่าการรับเชื้อในปัจจุบันไม่ใช้โทษประหารเหมือนสมัยก่อน มียาช่วยอีกเยอะ
หวังว่าโพสต์จะช่วยให้คนที่กังวลและไม่สบายใจ คลายความเครียดได้บ้าง ย้ำอีกทีคุณจะรู้ว่าคุณได้รับเชื้อต่อเมื่อได้รับการตรวจเลือดเท่านั้น อาการอื่นๆ ไม่เกี่ยวกัน ทั้งนี้ขอฝากไว้อย่างสุดท้าย ไม่ต้องหาข้อมูลเยอะ ไม่ช่วยให้คุณสบายใจขึ้นหรอก และยิ่งอ่านคอมเม้นท์ของคนอื่น บอกเลยว่า 90% ไม่มีประโยชน์ซ้ำจะทำให้คุณยิ่งเครียดไปกว่าเดิม คิดว่าหากท่านได้อ่านถึงตรงนี้ ท่านจะเลิกหาข้อมูลและติดต่อไปยังหมอหรือผู้เชี่ยวชาญนะครับ
ขอบคุณที่อ่านกันมา แค่แวะมาเล่าและช่วยคนที่กังวลเรื่อง HIV มากเกินไป