ครอบครัวทำธุรกิจซื้อมาขายไป ผมอายุ 25 จบ ดนตรี ควรเรียนต่อด้านไหนดี ?

ผมอายุ 25 ปี ตอนนี้เรียนดนตรี ปี 5 ตอนนี้เรียนภาคพิเศษ แก้ของอาจารย์อยู่ครับ ( เทอม 1 ) เรียนภาคพิเศษครับ เรียนวันเสาร์ ส่วนเทอม 2 แค่ลงวิชาเรียนครับแต่ไม่ต้องไปเรียน เนื่องจาก เป็นวิชาที่เคยเรียนมาหมดเเล้ว อาจารย์จะใส่เกรดให้เลย ทีนี้เข้าประเด็นกันครับ
     ธุรกิจของพ่อคือซื้อมาขายไป ที่เกี่ยวกับทรายระเอียด หินคลุก-หินฝุ่น ปุ๋ย และโดโลไมต์ อื่นๆ เรามีรถอยู่ 4 คันเป็นรถพ่วง 3 คันและรถเทรลเลอร์ 1 คัน กับรถร่วมที่จะมาร่วมวิ่งกับเราอีกประมาณ 5 คัน หน้าที่เราคือ ขนส่งทราย ไปขายให้กับบริษัทต่างๆ และ รับจ้างขนส่งทราย โดยกินค่าเที่ยวเอาครับ ส่วนขากลับ จะเอา หิน ปูน ปุ๋ย มาลงที่เขาต้องการส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทครับ 
     ธุรกิจตัวนี้จะเป็นการคุยติดต่อกับอีกบริษัทหนึ่งว่า " คุณต้องการ ทรายไหมครับ คุณต้องการหินไหมครับ " อะไรทำนองนี้ จากนั้นเราก็จัดขนส่งไปให้ โดยเรามีแหล่งทรายที่เขาขายและส่งอยู่แล้ว แต่เราก็หาที่ขายให้กับโรงทรายนี้ด้วยเพื่อจะได้วิ่งงาน บางครั้งเราก็ซื้อทราย มาขายเองให้กับบริษัทนึง และช่วงนี้ ก็เริ่มทำทรายขาย แต่ไม่ได้ใหญ่เลยครับ เราล้างกันเองคุณภาพก็พอใช้ได้ครับ แต่ไม่มีทุนถึงขั้นจดทะเบียนขุดแร่ หรือทำเป็นอุตสาหกรรมครับ  อาศัยรับซื้อมาจากบ่อทรายต้นทางอีกทีนึง 
     ช่วง ปีหน้า 68 ครอบครัวต้องการให้ผมมาสานต่อธุรกิจโดยการแบ่งหน้าที่ ดังนี้ คนพี่จะทำหน้าที่คุมรถคุมคนขับรถ และเขาก็จะขับเองด้วย ส่วนผมคนน้อง พ่อวางให้ผมเป็นคนติดต่อซื้อขายทราย ชนิดต่างๆ ให้กับบริษัท สินค้าทรายจะมีหลายแบบคือ ทรายเมท 30 จนถึงเมท 60 ( เมทคือค่าความละเอียด ) และ จะให้มาช่วยขับรถด้วยในบางโอกาส เพราะผมคอยบอกพ่อว่า ผมเป็นคนขับรถไม่ทน เนื่องจาก มันง่วงง่าย ต่างจากพี่มากครับ ที่ขับรถติดต่อกันทั้งอาทิตย์ได้สบายๆ พ่อยังบอกเหตุผลอีกคือ ถ้าผมขับรถด้วยเราจะรู้ที่มาทำมาหากินจากคนขับรถเจ้าอื่นๆ รู้ว่าบริษัทไหนรับซื้อทรายบ้างจากนั้นเราก็ไปติดต่อเขา
      ตอนนี้ความรู้ที่ผมได้เรียนดนตรี มันไม่ตรงสายเลยครับ แต่ก็มีข้อดีทีผมนำมาปรับใช้ได้บ้างคือได้เทคนิคการเขียน มาจากวิชาดนตรีนิพนธ์ ได้วิธีการคิดในแบบของอาจารย์ ได้วิธีการพูดพรีเซนต์หน้าห้องที่เก่งขึ้น แต่ก็ยังตื่นเต้นเเละตระกุกตระกักอยู่ ยังพูดไม่ประติดประต่อและบางครั้งก็หลงประเด็นไปบ้างนิดหน่อย 

      จากข้อมูลข้างต้น สิ่งที่ผมต้องการคือ
      1.ผมไม่อยากจะเรียนต่อเอาปริญญาอีกใบเเล้ว แต่ผมอยากจะเรียนออนไลน์หาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจนี้ มาส่งเสริมสกิลของผม ตั่งแต่วันนี้ จนถึง ปีหน้าครับ ที่จะมีเวลาว่างได้เรียนจริงๆจังๆ ช่วยแนะนำแนวทางการศึกษาให้หน่อยครับ ว่าผมจะมุ่งเป้าไปที่จุดไหนก่อนดี 
      2.ผมรู้สึกว่าผมอ่อนมาก แม้กระทั่ง md ผมก็ยังไม่รู้จัก เพราะไม่เคยทำงานโรงงาน ไม่รู้ตำแหน่งหน้าที่ภายในโรงงานเลยคุยกับพ่อไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ช่วยแนะนำทีครับ
      3.เรื่องบัญชี ผมทำเป็นแค่ สรุปรายรับรายจ่าย จากนั้นไปยื่นให้กับฝ่ายบัญชีเขาก็จะจัดการให้ แต่คุณพ่ออยากให้ผมยื่นภาษีให้เป็น ผมก็งงเลยว่าเราจะเริ่มจากจุดไหนก่อนดี มีทั้ง vat 7% vat 1% vat ตัวไหนที่หักลงไปในสินค้าเลย ?
      4.เรื่องบริษัท ผมไม่รู้ว่า หจก. บริษัท. หลักๆแล้วมันทำหน้าที่อะไรแตกต่างกันอย่างไร ทำไมของผมไม่จำเป็นต้องมีตราประทับ เพราะเป็นบุคคลธรรมดา อะไรทำนองนี้ ช่วยรวบรัดจัดหมวดหมู่การเรียนให้ผมทีครับ
      5.เรื่องการพิมเอกสารทางการต่างๆ การคิดคำให้สุภาพและเป็นทางการ การพิมใบสัญญาจ้าง พิมยังไง ปกติพ่อก็จะเอาตัวอย่างมาให้และก็พิมตาม แต่ผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี หมายถึง ถ้าเราต้องการจะเติมสัญญาตัวนี้เข้าไปล่ะ ? เราทำได้ไหม พิมยังไง แนวคิดเป็นอย่างไร อันนี้ไม่เข้าใจครับ
      6.แนวคิดการพูด การวางตัวยังไงให้น่าเชื่อถือ แนวคิดการติดต่อซื้อขายจุดนี้ผมอ่อนมากครับเพราะไม่เคยทำ หรือติดต่อซื้อขายเลย
      7.การตั่งราคาขายสินค้า เราควรตั่งราคา+ ภาษีด้วยใช่ไหม ควรคำนึงจากราคาท้องตลาดก่อนถูกไหมครับ แล้วถ้าค่าน้ำมันขึ้น เราจะ + ราคายังไงให้ลูกค้าเข้าใจว่า ต้นทุนมันเพิ่มขึ้น ? 
  
       จบจากตรงนี้ สามารถไปอ่านย่อหน้าสุดท้ายได้เลยครับ 

       ตอนนี้มีเป้าหมายกำลังจะทำอะไร ?
      1.ตอนนี้ผมกำลังจะสอบ TSM เป็นการสอบเกี่ยวกับความปลอดภัยการขนส่ง การดูแลรถ การขับรถ ซึ่ง ปีหน้าจะมีกฏหมายบังคับใช้ ธุรกิจที่ต้องใช้ยานพาหนะในการขนส่ง ต้องมีคนที่ผ่านการอบรม มาเซ็นรับรองความปลอดภัยให้กับบริษัทนั้นๆ คล้ายๆกับการตรวจสภาพรถประจำปีครับ เช่น เราควรกำหนดเส้นทางให้กับคนขับรถ ทุกๆ 4 ชม. หรือ 400 กม. ต้องให้คนขับพัก 30 นาที และต้องกำหนดเส้นทาง วางแผนการเดินทาง อะไรทำนองนี้ครับ รวมถึงการดูแลรักษารถ ระบบความปลอดภัยต่างๆ กับขับขี่ต่างๆครับ
       2.อยากจะหัดถอยรถครับ เพราะผมถอยไม่เก่งเลย ปกติพี่เขาจะสอนขับรถ ทีนี้ เขาด่าเขาชอบใช้อารมณ์มาก แบบเป็นคนอารมณ์ร้อนครับ แบบ ทำไมถอยตรงๆไม่ได้ว้ะ ถอยโคตรช้าเลยคนเขาต่อคิวรอลงของอยู่เนี่ย ทำไมช้านักว้ะ พอพ่อสอนก็จะเป็นแบบนี้เหมือนกันครับ ผมถึงถอยไม่ได้สักที. ทำไงได้ครับ 
ก็ผมต้องด้นสดเอาหมดเลย 55 ไม่เคยถอยรถพ่วงเลยครับ ถอยตรงๆยังยากเลย อันนี้ถอยเข้า โรงงานเลยครับ ถอยตรงเเล้วหักศอกแบบลึกจัดๆ จะไม่ช้าได้ไง เบสิคการถอยผมยังไม่ได้เลย มันไม่เข้าใจว่าแค่ไหนควรหักพวงมาลัย อะไรแบบนี้ แต่ถ้าขับไปที่ โรงงาน ผมสบายมากครับ จะเลี้ยวเข้า 3 แยก ตีวงยังไง อันนี้ผมเห็นภาพและทำมันได้สบายๆเลยครับ แต่ถอยนี่ผมไม่เห็นภาพครับ ใจจริงก็อยากจะไปหัดเรียนเลย เพราะตอนผมขับรถยนต์ถอยยังไม่เก๋ง แต่พอไปเรียน กลับถอยเก่ง และเข้าใจง่ายกว่า พ่อ และพี่สอนอีกครับ

      ทำไมถึงไม่ถามคุณพ่อล่ะ ?
      1.ปกติแล้วผมก็ถามพ่อครับ แต่ด้วยเรื่องการอธิบายของเขา จะอธิบายเเบบเปรียบเทียบ ยืดยาวออกทะเล ทำให้ผมจับใจความไม่ได้เลยครับ
      2.ทุกครั้งที่ผมคิดและเสนอไอเดีย เขามักจะแย้งผมว่า " โอยทำไม่ได้ๆๆๆ " เช่น ผมบอกเขาว่า " พ่อครับ เราลองให้คนขับพักทุกๆ 4 ชม. ดูไหม เพราะเขาขับทั้งอาทิตย์เลย เรื่องยาง มันหมดดอกแล้ว ควรเปลี่ยนได้แล้วนะพ่อ " พ่อมักจะตอบว่า " ไม่ได้หรอก พักทุกๆ 4 ชม. กำหนดเส้นทางจุดพักรถตลอด ไม่ได้หรอก เดี๋ยวไป โรงงานไม่ทัน เรื่องยาง ยางมันยังใช้ได้อยู่ ยังไม่ต้องเปลี่ยน ( น้ำเสียงจะเป็นการแย้งที่จะเข้าข้างตัวเองสุดๆเลยครับ ) " ผมเสนอเพราะ ทุกครั้งที่ลูกน้องยางแตก รั่ว รถพัง เขามักจะโทษแต่ลูกน้อง ทั้งๆที่ลูกน้องเขาบอกอยู่ตลอด แต่ก็ยังจะให้ฝืนใช้ ผมก็แบบ เห้อออ อีกอย่าง ลูกน้อง ผมเรียกเขาว่าพี่ตลอด ผมเลยเห็นใจเขาครับ ที่ต้องมาโดนแบบนี้ แต่ในด้านดีพ่อก็มีเยอะนะครับ มีแต้ะเอีย มีพาไปกินข้าวกับครอบครัวของผมทุกปีครับ แต่แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ผมมองว่า การทำงานของเราและลูกน้องต้องปรับเปลี่ยนจริงๆครับ

      ทั้งนี้ทั้งนั้น จากที่กล่าวคำถามข้างต้น ผมไม่ได้ต้องการที่จะให้ตอบคำถามเป็นรายข้อตรงๆ เหมือนกับอ่านเฉลย แต่ ผมต้องการให้รวบรัดจัดหมวดหมู่ ที่ผมต้องไปศึกษาต่อยอดและใขปัญหาตรงนี้เอาเอง และแนะนำสิ่งต่างๆครับ ได้โปรดครับพี่ๆผู้ที่มีประสบการณ์ รบกวนช่วยแนะนำลู่ทางให้ผมหน่อยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่