ปัญหาของฉัน ก็คือเธอ
ปัญหาของเธอ คือ ตัวฉันหรือว่าใคร ...
เขาไม่เหมือนใครที่เธอเคยได้เจอ ไม่เหมือนผู้ชายคนไหนที่ล้อมรอบตัว คำพร่ำพรอดแทบจะสามเวลาหลังอาหาร คือ การขอความรัก โดยที่ไม่เคยหยุดฟังว่าจริง ๆ แล้วอนงค์ต้องการอะไร อันที่จริงอนงค์ก็เคยได้บอก ว่าสิ่งที่ต้องการไม่ใช่ของหรูของแพง แต่เป็นที่ที่เธออยากจะอยู่ตรงนั้นได้นาน ๆ อยู่ได้ด้วยความสบายใจ แต่เหมือนสิ่งเหล่านี้จะแล่นจากหูซ้ายและทะลุออกไปทางหูขวา แม้กระทั่งกับชัด คนที่พร่ำบอกว่าอยากเป็นมากกว่าเพื่อน และ เชื่อว่าอนงค์ก็อยากจะเป็นกับชัดมากกว่าเพื่อเหมือนกัน ทนไม่ได้นานหรอก สรุปได้ฟังอะไรบ้างไหมใคร่ถาม
กลายเป็นว่าคนที่รู้ร้อนหนาวของอนงค์ก่อนใครเพื่อน คือ ผู้ที่รับบทบาทไม้กันหมาให้กับผู้เป็นน้องชาย เขาดี ความดีอันเป็นน้ำเนื้อเป็นที่ประทับใจของอนงค์ และ เพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ ชีวิตแสนงดงามของอนงค์ใช่ว่าจะราบรื่นไม่มีปัญหา เขาสังเกตว่าลึก ๆ อนงค์เพื่อนน้อย และ เพื่อนที่มีก็ล้วนเป็นผู้ชาย ผู้หญิงหัวขบถแตกต่างกว่าใครในพระนคร เรียนโรงเรียนประจำ เรียนเมืองนอกมาแต่เยาว์ คงจะรู้สึกแปลกแยกอยู่บ้าง เหมือนกับที่อนงค์มองรูปบรรดาชายหนุ่มที่พี่ชายต้องการจะจับมาเป็นคู่ครอง จบจากไทยไลฟ์สไตล์คงไม่เหมือนกัน คำพูดดูไม่ยี่หระ แต่ลึก ๆ ก็คงเหงาใจไม่น้อย เพียงแต่ว่าแต่ละมื้อแต่ละเดย์ มีกิจกรรม และ กิจการห้างร้านในมือให้จัดการ ความเหงาจึงเหมือนตะกอนที่นอนก้น
คนที่พอจะสังเกตและรับรู้ ไม่ใช่พี่ชายอย่างสมพงศ์ แสวง หรือ จำลอง ไม่ใช่ว่าไม่รักน้อง ด้วยความเหินห่างที่มีมาแต่แรก ทำให้แต่ละคนต่างพยายามจัดการเรื่องราวของน้องสาวตามธรรมเนียมประเพณีในเวลานั้น อาจจะปะปนเรื่องส่วนตัวไปบ้าง อาจจะปะปนเรื่องผลประโยชน์ไปบ้าง แต่มันไม่ได้เกิดเพราะความไม่รักอย่างแน่นอน อาจจะเหลือแต่ประสิทธิ์ ซึ่งอาจจะรู้สึกอย่างเดียวกับอนงค์ คือ ความแปลกแยก ความแปลกแยกที่ในสมัยนั้นคนอาจไม่เข้าใจว่าเป็นอาการอย่างหนึ่ง ไม่ได้รู้สึกวินิจฉัยอาการ autism ประสิทธิ์จึงกลายเป็นคนบุคลิกภาพแปลก ๆ ไม่ได้เรื่องได้ราว ดูแลใครก็ไม่ได้ คนที่พอจะพูดคุยไม่ทอดทิ้ง ก็เห็นจะเป็นน้องสาวอย่างอนงค์ ที่พาพี่ชายแบบประสิทธิ์ติดสอยห้อยตามไปอย่างไม่นึกอาย
แล้วอีกคนที่สังเกตเห็นก็ยังคงเป็น คุณพระ อยู่ดี ก็สมกับอาชีพผู้พิพากษาสังเกตสังกา เห็นภาพรวมทุกอย่าง อธิบาย สาธายายเหตุผลได้อย่างแม่นยำและตรงจุด คุณพระไม่เคยมีท่าทีรังเกียจ หรือ พยายามแก้ต่างปล่อยผ่าน เพราะ ประสิทธิ์เป็นพี่ของอนงค์ มีแต่พยายามเข้าใจวิเคราะห์หลักคิดและความรู้สึกของประสิทธิ์ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นการกระทำ ไม่เคยคิดรำคาญ ไม่มีใครเหมือนเขาอีกแล้วจริง ๆ คนที่มองอนงค์ทะลุ รวมถึงพี่ชายทั้ง 4 คน
อนงค์มองเห็นคุณพระมากกว่าที่ตัวคุณพระเห็น เห็นความจริงใจ ความใส่ใจ ความละเอียดลออ สิ่งละอันพันละน้อยหลายอย่างในนิสัย ความโก๊ะกังหยิบข้าวของชาวบ้านติดตัว เหมือนที่พี่ชายอนงค์แอบบ่นหลายครั้ง แต่เธออ่านสายตาคุณพระไม่ออก ในเวลาหนึ่งก็เหมือนรู้จักกันมากขึ้น เหมือนมีเรื่องราวมากมายที่อีกฝ่ายพร้อมจะแลกเปลี่ยน รอยยิ้ม สายตาที่มองมา มีความหมาย แต่อีกพักนึงเหมือนห่างไกลกันออกไป มีคำพูดคล้ายตักเตือนด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง เขารู้ว่าเธองอนที่ชัดเอาเสื้อสูทไปใส่ เขานั่งลงอธิบายเพื่อขอลุแก่โทษ แต่ในอีกไม่กี่นาทีถัดมาเขาพูดกับเธอด้วยถ้อยคำเชิงตักเตือนซุกซ่อนความนัยที่เธอไม่เข้าใจ ชวนสงสัยว่าที่แท้เขาคิดอย่างไร เธอเกือบได้โอกาสค้นคว้าหาความในใจ แบบตรงไปตรงมาเหมือนที่สาวสมัยเป็น
แต่ทว่า ... โอกาสไม่อำนวยเลย
กรงที่กั้นไว้ เหมือนหัวใจกลับไปปิดตาย
และ รูปถ่ายของผู้หญิงสวยคนนั้น
ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณพระ เป็นปริศนาชิ้นใหญ่ เป็นปัญหาข้อยาก เธอลงใจไปมากเสียแล้ว แม้ไม่อยากจะยอมรับก็ตาม เธอจะทำต้องทำยังไง แล้ววันไหนเมื่อไหร่ถึงจะได้รู้ใจว่าเธอเป็นปัญหาของเขาบ้างรึเปล่า
อยากรู้ใจเธอเพียงสักครั้ง รักกันบ้างไหม
ให้ฉันเป็นคนนั้นได้ไหม เธอ ....
หนึ่งในร้อย ตอนที่ 4 (รีวิว) : The trouble is ....