ตอนปี 1 ที่วิลัยมีสาขาวิชา IT, game - animation ให้เรียน ทั้งห้องมีกัน 4 คน รวมผมด้วย การเรียนนั้นส่วนตัวผมไม่สนเรื่องการทำเกมเท่าไร ผมเรียนสาขานี้เพราะคำว่า animation เพราะเป็นเรื่องถนัด(ว่าแต่ทำ animation ที่เกี่ยวกับการทำวาดหรือทำ model มันไปอยู่หมวดเดียวกันกับการพัฒนาเกมได้ด้วยหรอวะ? ไม่รู้มาก่อนเลย🤨) ส่วนเรื่องการทำเกมของปี1 นั้นไม่มีจริง อาจารย์ให้เหตุผลว่าเดี๋ยวค่อยไปเรียนกับที่ฝึกงานตอนปี 2 เพราะบุคลากรไม่มี 1 ปีนี้เลยต้องเรียนเขียนเว็ปและพื้นฐานการเขียน code มีวิชาปั้น model นิดหน่อย ซึ่งผมก็ไม่ได้ติดอะไรเพราะเดิมก็ผมเขียนcodeไม่เป็นอยู่แล้ว😄 และยังมีบังคับเรียน summer เพิ่มด้วย ไม่ปิดเทอมเหมือนสาขาอื่นๆ
(เพื่อนในห้องชอบแซวว่าโดนวิลัย scam ละ🤣)
จนขึ้นปี 2 (แทบจะในทันทีหลังจากจบ summer😐)ผมได้พยายามหาที่ฝึกงานเกี่ยวการทำ animation แต่ไม่มีที่ไหนตอบรับข้อความผม สุดท้ายลงเอยที่ผมกับเพื่อนได้ไปฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่งด้วยกัน 3 คน ส่วนอีกคนแยกไปอีกที่หนึ่ง บริษัทนี้ทำเกี่ยวกับการให้บริการdomain แต่พักหลังเหมือนเจ้าของเริ่มสนใจเกี่ยวกับการทำเกม เลยรับนักศึกษาฝึกงานจากวิลัย ด้วยความรู้ที่เรียน code เอาผ่านๆ ผมเลยแอบกังวลนิดหน่อย (ก่อนฝึกงานไม่รูเลย เพราะคุยกันแค่ในดิสคอตที่นานๆ ครั้งจะเจอ กว่าจะรู้ว่าบริษัททำอะไรก็ฝึกงานกว่า 3 เดือนไปแล้ว)
ระบบการทำงานค่อนข้างอิสระ ที่ตั้งบริษัทอยู่ต่างจังหวัดทำให้พวกเรา 3 คน ต้องทำงานแบบ work from home ทางดิสคอต จะเข้าเวลาไหนก็ได้ไม่บังคับแต่ตอนถึงเวลารายงานความคืบหน้าต้องมาให้ทัน
ในวันแรกผมคาดหวังจะได้รับประสบการณ์ในการทำเกมมากๆ มันตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ ส่วนตัวผมไม่ได้คาดหวังกับคนสอนอย่างเดียวแน่นอน คิดว่าจะต้องเรียนรู้เองเพิ่มเติมด้วย แต่สิ่งที่ได้คือเจ้าของบริษัทให้เราไปหาคอสเรียนออนไลน์ เรื่องที่สนใจมา ไม่มีคนทำเกมจริงๆ มาสอนหรือให้คำปรึกษา ไม่คิดว่าจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งหมดและตัดสินใจเองทั้งๆที่ พวกเรา 3 คนรู้เรื่อง engine เพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่รู้ดวยซ้ำว่าการตัดสินใจจะดีกับเราแค่ไหน ก็ไม่ได้คาดหวังหรอกแต่นี่เหนือความคาดหมายไปเยอะเหมือนกัน😐(นี่เรื่องปกติหรอวะ?) แต่อย่างน้อยเรื่องค่าใช้จ่ายเขาจะเป็นคนออกให้ ราว 700 เงินไม่ถึง 1000
หลังจากนั้น ผมกับเพื่อนอีก 2 คนก็แยกย้ายกันไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง สารภาพว่าผมไม่มีความสนใจด้านการพัฒนาเกมหรือเขียน code เลยแม้แต่นิดเดียว จึงไม่มีแรงกระตุ้นกับการทำงาน เป้าหมายก็ไม่ชัดเจน เงินไม่ได้เพราะเป็นนักศึกษาฝึกงาน แต่ก็วางแผนปรึกษาหารือกันทุกสัปดาห์ และอัพเดทความคืบหน้ากันเอง
ผ่านมาประมาณ สัปดาห์ พวกผม 3 คนได้ manager แล้วครับ เขาเป็นเพื่อนกับเจ้าของบริษัท เขาจะดูความคืบหน้าและจัดการการทำงานให้เรา (ก่อนหน้านั้นผมต้องเป็นคนทำครับ😅) หลังจากนี้งานจะเป็นระบบมากขึ้นและผมจะได้ไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า
แต่ดูเหมือนผมจะฝันหวานไปหน่อยเพราะ manager แค่มาตามงานและออกความเห็นนิดหน่อยเท่านั้น เพราะเจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่อง program อะไร เกมก็ไม่ได้เล่นเยอะ และยังมาประชุมสายบ่อยมาก หลายครั้งที่ต้องมานั่งรอ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง บางทีก็ทำให้งานล่าช้ากว่าจะได้เริ่มทำจริงๆ ก็เกือบ 2 เดือน ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะขณะเดียวกันเพื่อนคนหนึ่งก็เริ่มท้อแล้ว ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นแบบนี้ทำให้ผมเริ่มเบื่อและไม่อยากทำงาน ผมมาทำงานน้อยลงและรู้สึกเบื่อที่ต้องเริ่มศึกษา code ใหม่หลายครั้งเพราะที่ผ่านมาต้องข้ามพื้นฐานการเขียนcode ไม่อย่างนั้นงานจะไม่ทันนำเสนอ (แม้แต่โครงสร้างวิธีการทำงานที่ชัดเจนผมยังไม่รู้เลยครับ😅) เป็นแบบนี้ราว 1 เดือน ผมก็ได้มีปัญหาการพัฒนาเกม เพราะเพื่อนๆ หายไป ติดต่อไม่ได้เลยจึงอยากปรึกษากับ manager ผมส่งข้อความนัดคุยกันไปช่องทางส่วนตัว เพื่อจะวางแผนและแก้ไขปัญหา โดยให้เลือกวันนัดคุยส่วนตัววันที่ตัวเองว่างมา แต่ข้อความที่ตอบกลับมาคือ
"ไม่อยากคุยครับ"
แถมยังโดนติเรื่องการเขียนข้อความด้วย ควรใช้แบบไหน ดูเหมือนว่า manager สนใจการเขียนของผมมากกว่าปัญหาที่สำคัญตรงหน้าเสียอีก
ผมตอบ "แค่เข้าใจแล้วครับ" และก็เลิกสนใจไป
(ผมอาจจะเขียนไม่โดนใจคุณนะ และยินดีที่จะปรับปรุงแต่มั่นใจ 100% ว่าไม่มีคำหยาบและผมก็ระมัดระวังในการเขียนมากที่สุดเท่าที่คนวัย 20 จะทำได้แล้วครับ)
แต่ก็พอเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการแบบนี้ ผมจึงเรียก คุณเจ้าของบริษัทที่นานๆทีจะว่างมาคุยแทนให้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น เขารับฟังปัญหาและบอกจะจัดการให้ แถมให้กำลังใจกลับมาด้วย ผมดีใจน้ำตาแทบไหลเลยครับที่ในที่สุดก็มีคนรับฟังผมสักที😭 ผมคิดชื่นชมว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ดีมาก เข้าใจและรับฟัง หลังจากเหตุการที่เกิดขึ้น manager ก็ไม่ทักกลับมาอีกเลย
ผ่านไป เกือบ 1 เดือน เกมนั้นยังไม่คืบหน้า ผมยังคงทำเกมคนเดียว การวางระบบเกม การเขียนโปรแกรมและการทำ asset ที่ผมยังไม่ชำนาญ จนท้ายที่สุด วันที่ผมต้องนำเสนอเกมที่ทำมาตลอด ราว 2-3 เดือน ผมผิดหวังกับผลงานมากครับ เจ้าของบริษัทก็เช่นกันเขาบอกว่า เกมที่ทำมาไม่เสร็จจะไม่ให้ผ่านฝึกงาน ผมเคารพการตัดสินใจส่วนนี้ครับ แต่เรื่องไม่จบเพียงแค่นั้น เขาขอดูเกมของคนอื่นด้วยครับซึ่งไม่มี(มันจะมีได้ไงเพราะเราต้องทำเกมร่วมกัน 3 คนตามคำสั่ง manager 😐) เขาผิดหวัง ตัดพ้อ และบอก"คุณทำผมเสียเวลา" น้ำเสียงโกรธจัดจนหลุดหยาบคายออกมาใส่เพื่อนของผม ผมพยายามถามอย่างสุภาพที่สุด ให้ใจเย็นและพยายามแก้ไขปัญหา ผมถามคำถามอย่างเปิดใจ
- "สรุปสถานะพวกผมมันคือพนักงานหรือเด็กฝึกงานครับ?"
สถานะพวกผมคือพนักงาน ดูเหมือนเขาจะจำไม่ได้ว่าสาขาผมต้องมาเรียนเกมที่บริษัทนี้
- "คุณไม่รู้หรอว่าโรงเรียนไม่ได้สอนเราทำเกมเลย พึ่งมาเริ่มเรียนรู้ตอนมาฝึกงาน"
ดูเหมือนสถานะของเราจะเป็นคนขอฝึกงาน เจ้าของบริษัทเลยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
เขาติขนาดเกมของเราด้วยครับว่ามันใหญ่ไป ขนาดเกมที่เราทำมันใหญ่เกินไปจริงๆครับ แต่ทั้งหมดนั้นจะโทษผมอย่างเดียวไม่ได้ เพราะนึกว่าไอเดียเกมทั้งหมด เราเป็นคนคิดและmanager ก็รับรู้ตลอด
ผมพยายามเครียข้อข้องใจในการทำงาน ให้พวกเราเข้าใจกันและกันมากขึ้นและพยายามหาทางออกร่วมกัน แต่ดูเหมือนคุณเจ้าของบริษัทจะไม่ได้สนใจที่จะคุยและผมคิดว่าเขาคงมองผมแย่ลงด้วย จากเหตุการณ์นั้นผมรู้สึกผิดมากที่ออกนอกหน้า พยายามจะให้ทั้งสองฝ่ายได้คุยกัน จนจบที่เหตุการณ์ดูจะแย่กว่าเดิม
(จริงๆ ผมโดนว่าหลายอย่างมาก แต่เอาประมาณนี้ดีกว่า)
เรื่องจบด้วย ให้เวลาอีก 1 อาทิตย์ให้แต่ละคนไปทำเกมมาให้สมบูรณ์และเขาจะประเมิณให้
มันเหมือนจะจบดีแต่ผมก็รู้สึกขุ่นเคืองในใจ เพราะสุดท้ายทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่เข้าใจกัน ได้แต่ขำแห้งตามน้ำไปให้เรื่องมันจบ
ส่วนตัวผมมองว่า"ที่นี่ไม่เหมาะกับผม"เท่านั้น
(ยังมีลายละเอียดอีกเยอะที่ยังไม่ได้เขียน ผมจะตอบคำถามที่ตอบได้แทนนะครับ)
ผมทำอะไรได้บ้างครับ นอกจาก เดินออกมากับทนต่อไป ขอความเห็นหน่อยครับ ทั้งเรื่องฝึกงานและเรื่องวิลัยเลย
วิลัย scam ผม?/ประสบการณ์ฝึกงาน"อิสระ"
(เพื่อนในห้องชอบแซวว่าโดนวิลัย scam ละ🤣)
จนขึ้นปี 2 (แทบจะในทันทีหลังจากจบ summer😐)ผมได้พยายามหาที่ฝึกงานเกี่ยวการทำ animation แต่ไม่มีที่ไหนตอบรับข้อความผม สุดท้ายลงเอยที่ผมกับเพื่อนได้ไปฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่งด้วยกัน 3 คน ส่วนอีกคนแยกไปอีกที่หนึ่ง บริษัทนี้ทำเกี่ยวกับการให้บริการdomain แต่พักหลังเหมือนเจ้าของเริ่มสนใจเกี่ยวกับการทำเกม เลยรับนักศึกษาฝึกงานจากวิลัย ด้วยความรู้ที่เรียน code เอาผ่านๆ ผมเลยแอบกังวลนิดหน่อย (ก่อนฝึกงานไม่รูเลย เพราะคุยกันแค่ในดิสคอตที่นานๆ ครั้งจะเจอ กว่าจะรู้ว่าบริษัททำอะไรก็ฝึกงานกว่า 3 เดือนไปแล้ว)
ระบบการทำงานค่อนข้างอิสระ ที่ตั้งบริษัทอยู่ต่างจังหวัดทำให้พวกเรา 3 คน ต้องทำงานแบบ work from home ทางดิสคอต จะเข้าเวลาไหนก็ได้ไม่บังคับแต่ตอนถึงเวลารายงานความคืบหน้าต้องมาให้ทัน
ในวันแรกผมคาดหวังจะได้รับประสบการณ์ในการทำเกมมากๆ มันตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้ ส่วนตัวผมไม่ได้คาดหวังกับคนสอนอย่างเดียวแน่นอน คิดว่าจะต้องเรียนรู้เองเพิ่มเติมด้วย แต่สิ่งที่ได้คือเจ้าของบริษัทให้เราไปหาคอสเรียนออนไลน์ เรื่องที่สนใจมา ไม่มีคนทำเกมจริงๆ มาสอนหรือให้คำปรึกษา ไม่คิดว่าจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองทั้งหมดและตัดสินใจเองทั้งๆที่ พวกเรา 3 คนรู้เรื่อง engine เพียงผิวเผินเท่านั้น ไม่รู้ดวยซ้ำว่าการตัดสินใจจะดีกับเราแค่ไหน ก็ไม่ได้คาดหวังหรอกแต่นี่เหนือความคาดหมายไปเยอะเหมือนกัน😐(นี่เรื่องปกติหรอวะ?) แต่อย่างน้อยเรื่องค่าใช้จ่ายเขาจะเป็นคนออกให้ ราว 700 เงินไม่ถึง 1000
หลังจากนั้น ผมกับเพื่อนอีก 2 คนก็แยกย้ายกันไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง สารภาพว่าผมไม่มีความสนใจด้านการพัฒนาเกมหรือเขียน code เลยแม้แต่นิดเดียว จึงไม่มีแรงกระตุ้นกับการทำงาน เป้าหมายก็ไม่ชัดเจน เงินไม่ได้เพราะเป็นนักศึกษาฝึกงาน แต่ก็วางแผนปรึกษาหารือกันทุกสัปดาห์ และอัพเดทความคืบหน้ากันเอง
ผ่านมาประมาณ สัปดาห์ พวกผม 3 คนได้ manager แล้วครับ เขาเป็นเพื่อนกับเจ้าของบริษัท เขาจะดูความคืบหน้าและจัดการการทำงานให้เรา (ก่อนหน้านั้นผมต้องเป็นคนทำครับ😅) หลังจากนี้งานจะเป็นระบบมากขึ้นและผมจะได้ไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่า
แต่ดูเหมือนผมจะฝันหวานไปหน่อยเพราะ manager แค่มาตามงานและออกความเห็นนิดหน่อยเท่านั้น เพราะเจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่อง program อะไร เกมก็ไม่ได้เล่นเยอะ และยังมาประชุมสายบ่อยมาก หลายครั้งที่ต้องมานั่งรอ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง บางทีก็ทำให้งานล่าช้ากว่าจะได้เริ่มทำจริงๆ ก็เกือบ 2 เดือน ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะขณะเดียวกันเพื่อนคนหนึ่งก็เริ่มท้อแล้ว ด้วยสภาพแวดล้อมที่เป็นแบบนี้ทำให้ผมเริ่มเบื่อและไม่อยากทำงาน ผมมาทำงานน้อยลงและรู้สึกเบื่อที่ต้องเริ่มศึกษา code ใหม่หลายครั้งเพราะที่ผ่านมาต้องข้ามพื้นฐานการเขียนcode ไม่อย่างนั้นงานจะไม่ทันนำเสนอ (แม้แต่โครงสร้างวิธีการทำงานที่ชัดเจนผมยังไม่รู้เลยครับ😅) เป็นแบบนี้ราว 1 เดือน ผมก็ได้มีปัญหาการพัฒนาเกม เพราะเพื่อนๆ หายไป ติดต่อไม่ได้เลยจึงอยากปรึกษากับ manager ผมส่งข้อความนัดคุยกันไปช่องทางส่วนตัว เพื่อจะวางแผนและแก้ไขปัญหา โดยให้เลือกวันนัดคุยส่วนตัววันที่ตัวเองว่างมา แต่ข้อความที่ตอบกลับมาคือ
"ไม่อยากคุยครับ"
แถมยังโดนติเรื่องการเขียนข้อความด้วย ควรใช้แบบไหน ดูเหมือนว่า manager สนใจการเขียนของผมมากกว่าปัญหาที่สำคัญตรงหน้าเสียอีก
ผมตอบ "แค่เข้าใจแล้วครับ" และก็เลิกสนใจไป
(ผมอาจจะเขียนไม่โดนใจคุณนะ และยินดีที่จะปรับปรุงแต่มั่นใจ 100% ว่าไม่มีคำหยาบและผมก็ระมัดระวังในการเขียนมากที่สุดเท่าที่คนวัย 20 จะทำได้แล้วครับ)
แต่ก็พอเดาได้ว่าจะเกิดเหตุการแบบนี้ ผมจึงเรียก คุณเจ้าของบริษัทที่นานๆทีจะว่างมาคุยแทนให้รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้น เขารับฟังปัญหาและบอกจะจัดการให้ แถมให้กำลังใจกลับมาด้วย ผมดีใจน้ำตาแทบไหลเลยครับที่ในที่สุดก็มีคนรับฟังผมสักที😭 ผมคิดชื่นชมว่าเขาเป็นเจ้าของบริษัทที่ดีมาก เข้าใจและรับฟัง หลังจากเหตุการที่เกิดขึ้น manager ก็ไม่ทักกลับมาอีกเลย
ผ่านไป เกือบ 1 เดือน เกมนั้นยังไม่คืบหน้า ผมยังคงทำเกมคนเดียว การวางระบบเกม การเขียนโปรแกรมและการทำ asset ที่ผมยังไม่ชำนาญ จนท้ายที่สุด วันที่ผมต้องนำเสนอเกมที่ทำมาตลอด ราว 2-3 เดือน ผมผิดหวังกับผลงานมากครับ เจ้าของบริษัทก็เช่นกันเขาบอกว่า เกมที่ทำมาไม่เสร็จจะไม่ให้ผ่านฝึกงาน ผมเคารพการตัดสินใจส่วนนี้ครับ แต่เรื่องไม่จบเพียงแค่นั้น เขาขอดูเกมของคนอื่นด้วยครับซึ่งไม่มี(มันจะมีได้ไงเพราะเราต้องทำเกมร่วมกัน 3 คนตามคำสั่ง manager 😐) เขาผิดหวัง ตัดพ้อ และบอก"คุณทำผมเสียเวลา" น้ำเสียงโกรธจัดจนหลุดหยาบคายออกมาใส่เพื่อนของผม ผมพยายามถามอย่างสุภาพที่สุด ให้ใจเย็นและพยายามแก้ไขปัญหา ผมถามคำถามอย่างเปิดใจ
- "สรุปสถานะพวกผมมันคือพนักงานหรือเด็กฝึกงานครับ?"
สถานะพวกผมคือพนักงาน ดูเหมือนเขาจะจำไม่ได้ว่าสาขาผมต้องมาเรียนเกมที่บริษัทนี้
- "คุณไม่รู้หรอว่าโรงเรียนไม่ได้สอนเราทำเกมเลย พึ่งมาเริ่มเรียนรู้ตอนมาฝึกงาน"
ดูเหมือนสถานะของเราจะเป็นคนขอฝึกงาน เจ้าของบริษัทเลยไม่ต้องรับผิดชอบอะไร
เขาติขนาดเกมของเราด้วยครับว่ามันใหญ่ไป ขนาดเกมที่เราทำมันใหญ่เกินไปจริงๆครับ แต่ทั้งหมดนั้นจะโทษผมอย่างเดียวไม่ได้ เพราะนึกว่าไอเดียเกมทั้งหมด เราเป็นคนคิดและmanager ก็รับรู้ตลอด
ผมพยายามเครียข้อข้องใจในการทำงาน ให้พวกเราเข้าใจกันและกันมากขึ้นและพยายามหาทางออกร่วมกัน แต่ดูเหมือนคุณเจ้าของบริษัทจะไม่ได้สนใจที่จะคุยและผมคิดว่าเขาคงมองผมแย่ลงด้วย จากเหตุการณ์นั้นผมรู้สึกผิดมากที่ออกนอกหน้า พยายามจะให้ทั้งสองฝ่ายได้คุยกัน จนจบที่เหตุการณ์ดูจะแย่กว่าเดิม
(จริงๆ ผมโดนว่าหลายอย่างมาก แต่เอาประมาณนี้ดีกว่า)
เรื่องจบด้วย ให้เวลาอีก 1 อาทิตย์ให้แต่ละคนไปทำเกมมาให้สมบูรณ์และเขาจะประเมิณให้
มันเหมือนจะจบดีแต่ผมก็รู้สึกขุ่นเคืองในใจ เพราะสุดท้ายทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่เข้าใจกัน ได้แต่ขำแห้งตามน้ำไปให้เรื่องมันจบ
ส่วนตัวผมมองว่า"ที่นี่ไม่เหมาะกับผม"เท่านั้น
(ยังมีลายละเอียดอีกเยอะที่ยังไม่ได้เขียน ผมจะตอบคำถามที่ตอบได้แทนนะครับ)
ผมทำอะไรได้บ้างครับ นอกจาก เดินออกมากับทนต่อไป ขอความเห็นหน่อยครับ ทั้งเรื่องฝึกงานและเรื่องวิลัยเลย