อยากทราบว่าหากเราถูกบังคับคดีเรื่องหนี้บัตรเครดิตแล้วสืบทรัพย์เจอว่าเรามีชื่อเป็นเจ้าของบ้านเราพอจะทำอะไรได้บ้างคะ

ทั้งนี้ขอเล่ารายละเอียดก่อนนะคะคะ
ย้อนไปประมาณ 8-9 ปีที่แล้ว ฉันได้ทำเรื่องกู้ซื้อบ้านหลังแรกผ่าน กู้คนเดียว กู้ได้เต็ม 100% กู้มาจากธนาคาร ธอส. หลังนี้เป็นหลังที่ฉันอยู่กับครอบครัวคะ
ต่อมาผ่านไปประมาณไม่ถึง 1 ปี ป้าของฉันให้ฉันทำเรื่องกู้ซื้อบ้านให้เขาโดยคนยื่นกู้เป็นฉัน แต่เราตกลงกันว่าเขาจะเป็นคนชำระค่างวดเองคะ ฉันก็ด้วยความไว้ใจ เลยทำเรื่องกู้ให้กู้กับธนาคาร tmb ในตอนนั้นที่กู้มาธนาคารเปิดบัตรเครดิตให้ด้วยวงเงิน 60,000 บาทโดยในตอนแรกคิดว่าเรื่องไม่ผ่านแต่กลับกู้ผ่าน ฉันเลยมีบ้านเป็นชื่อตัวเอง 2 หลัง ต่อมาป้าฉันอยู่ไปได้ไม่ถึง1ปีบอกว่าผ่อนไม่ไหวเขาไม่จ่ายค่างวดเลย ฉันก็เลยเกิดปัญหาว่าล้านหลังที่สองโดนฟ้องเมื่อเวลาผ่านไป6-7ปีต่อมา โดยมีหมายจากศาลมาฟ้อง และ บังคับคดีฉันอายัดทรัพย์บ้านหลังที่ฉันอยู่คือหลังแรก เมื่อฉันหาเงินมาชำระหนี้ไม่ได้บ้านหลังนั้นถูกขายทอดตลาดไปแล้วฉันก็หาเงินมาชำระส่วนต่างอีก 300,000 บาท โดยเรื่องเคลียร์จบไปเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 
ต่อมาในเดือนนี้วันที่ 19 กันยายน 2567 ฉันมีหมายศาลมาสั่งอายัดยึดทรัพย์โดยฟ้องเรื่องบัตรเครดิต tmb ที่เปิดมาพร้อมกันในตอนกู้บ้านหลังที่สอง ซึ่งมีอยอดต้องเคลียร์ปิดบัญชีกัน จนท.แจ้งว่า 150,000 โดยประมาณ ซึ่งอย่างที่กล่าวในตอนต้นว่าฉันหาเงินมาเคลียร์ปิดบัญชีเรื่องบ้านไปแล้ว 300,000 ซึ่งฉันหาเงินอีก 150,000 บาทไม่ได้ในเวลา 3 เดือน 

ฉันเลยอยากสอบถามผู้ที่รู้หรือพอมีประสบการณ์ด้านนี้ช่วยแนะนำหน่อยคะว่า มูลหนี้มี่มีมูลค่าน้อยกว่าสินทรัพย์สามารถฟ้องเพื่ออายัดยึดทรัพย์และขายทอดตลาดได้จริงไหม ??? หากได้ฉันอยากถามว่าฉันจะมีวิธีไหนในการรับมือกับเรื่องนี้ดีคะ ฉันเครียดมากเพราะเรื่องหาเงิน 300,000 หนักมากแล้วฉันก็ไม่รู้จะแก้เรื่องนี้ยังไงดีคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่