คน 1: ตั้งแต่ม.ต้นจนจบมหาลัยกว่า 7 ปี ทุ่มเททั้งตัวและใจให้คนคนหนึ่ง ไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบคนอื่น ๆ เพราะโฟกัสที่คนนี้ เหมือนเป็นเบ๊ให้ทุกอย่าง แต่เค้าบอกเสมอว่า เค้าไม่เคยยอมรับเราว่าเป็นแฟน เพราะคุณสมบัติไม่ถึง ต้องอัพตัวเองขึ้นอีก ก่อนจบมหาลัยไม่นาน เค้าบอกว่าจะไปลองสนใจคนอื่นแทน และก็หายไปจากชีวิต ไม่ได้เจอหรือคุยกันอีกเลย
คน 2: หลังจากนั้นคบกับอีกคนหนึ่ง 6 ปี ที่รู้จักกันผ่านเกมออนไลน์ เพราะติดเกมหนักจากคนแรก เหมือนด้านบนคือทำทุกอย่าง ให้ทุกอย่าง แต่มารู้ทีหลังว่าแต่งงานแล้ว สุดท้ายยอมกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเอง
-- ผ่านมาอีก 8 ปี ช่วงนี้ไม่สนใจใคร ไม่สนใจสังคม ไม่มีเพื่อน โฟกัสที่ลูกอย่างเดียว --
คน 3: พอเปิดใจเข้าสังคมได้อีกครั้ง ก็ไปหลงรักเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีแฟนแล้ว ต่างจากข้างบนหน่อยเพราะเป็นเพศเดียวกัน
คำถามตามหัวข้อกระทู้: ถ้ารักใครซักคนจริง ๆ เราสามารถให้ทั้งชีวิต ทุ่มเทพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ เพื่อให้เป็นคนที่มีประโยชน์กับคน ๆ นั้น จะได้เสนอความช่วยเหลือได้มากขึ้น ส่งกำลังใจ ทำทุกอย่างที่เค้าสั่ง โดยไม่หวังผลตอบแทนหรือครอบครองอะไรเลยใช่ไหมคะ? เรื่องราวทั้งหมด เราควรมีความสุขเพราะได้อุทิศทุกอย่างเท่าที่ชีวิตนี้จะให้ได้ ให้กับคนที่เรารัก ไม่ว่าช่วงเวลาไหนของชีวิตแล้วใช่ไหม?
ถ้ารักใครซักคนจริง เราสามารถให้ทั้งชีวิตโดนไม่หวังผลตอบแทนหรือครอบครองอะไรเลยใช่ไหมคะ? (และแม้เค้ามีเจ้าของแล้ว)
คน 2: หลังจากนั้นคบกับอีกคนหนึ่ง 6 ปี ที่รู้จักกันผ่านเกมออนไลน์ เพราะติดเกมหนักจากคนแรก เหมือนด้านบนคือทำทุกอย่าง ให้ทุกอย่าง แต่มารู้ทีหลังว่าแต่งงานแล้ว สุดท้ายยอมกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเอง
-- ผ่านมาอีก 8 ปี ช่วงนี้ไม่สนใจใคร ไม่สนใจสังคม ไม่มีเพื่อน โฟกัสที่ลูกอย่างเดียว --
คน 3: พอเปิดใจเข้าสังคมได้อีกครั้ง ก็ไปหลงรักเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งมีแฟนแล้ว ต่างจากข้างบนหน่อยเพราะเป็นเพศเดียวกัน
คำถามตามหัวข้อกระทู้: ถ้ารักใครซักคนจริง ๆ เราสามารถให้ทั้งชีวิต ทุ่มเทพัฒนาตัวเองเรื่อย ๆ เพื่อให้เป็นคนที่มีประโยชน์กับคน ๆ นั้น จะได้เสนอความช่วยเหลือได้มากขึ้น ส่งกำลังใจ ทำทุกอย่างที่เค้าสั่ง โดยไม่หวังผลตอบแทนหรือครอบครองอะไรเลยใช่ไหมคะ? เรื่องราวทั้งหมด เราควรมีความสุขเพราะได้อุทิศทุกอย่างเท่าที่ชีวิตนี้จะให้ได้ ให้กับคนที่เรารัก ไม่ว่าช่วงเวลาไหนของชีวิตแล้วใช่ไหม?