แชร์ประสบการณ์โดนผีในโรงแรมทักทายในคืนแรก
ตามหัวข้อเลยค่ะ อยู่ๆก็อยากเล่าเรื่องนี้ให้ใครหลายๆคนได้อ่านกับประสบการณ์โดนผีในโรงแรมทักทายในคืนแรก ใครมีความเห็นอะไรก็สามารถแชร์กันได้นะคะ แต่ขอย้ำว่าสิ่งที่เราเจอไม่ใช่เรื่องปรุงแต่งแต่อย่างใดค่ะ เจอกับตัวเองจริงๆโดยที่ยังมีสติครบถ้วน
ย้อนกลับไปราวๆ8ปีที่แล้ว ประมาณปี2016 ตอนนั้นเราอายุประมาณ16ปี ได้เดินทางไปประชุมเกี่ยวกับอะไรสักอย่างกับญาติๆที่จ.พังงา และได้เข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นโรงแรมที่หรูมากๆ ในความคิดเรานะ เพราะก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปในพื้นของโรงแรมคือสะอาดมาก พื้นมันแววจนไม่กล้าจะใส่รองเท้าเดินเข้าไปอ่ะ เราเดินทางจากสตูลไปพังงาใช้เวลาราวๆ4-5ชม.ได้มั้งบวกกับแวะพักและฝนตกไปด้วยตลอดทาง ไปด้วยกันทั้งหมด6-7คน ก็ติดต่อกับพนักงานโรงแรมได้ห้องพักอะไรเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องพักเก็บข้าวเก็บของ
เราได้พักกับพี่สาวของพ่อแค่2คน เป็นเตียงคู่ ความรู้สึกแรกที่เปิดประตูเข้าไป ห้องคือดูดีมากสมกับเป็นโรงแรมหรูจริงๆนั่นแหละ แต่นี่แอบรู้สึกว่ามันวังเวงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พส.พ่อก็เดินเข้าไปเสียบคีย์การ์ดไฟก็ติดทุกอย่างติดหมด ก็เลือกเตียงกันว่าจะนอนฝั่งไหน เราได้เตียงฝั่งนอก เตียงของเราจะติดกับโซฟาและโต๊ะกระจกถนัดไปก็จะเป็นผนังและประตูที่เข้ามา ส่วนพส.พ่อได้เตียงที่ใกล้กับห้องน้ำ นี่ก็แอบคิดในใจว่าแบบเออโล่งอกเพราะเราไม่ชอบเตียงฝั่งนั้นพอดี
ก็ตกค่ำไปหาอะไรกินกันข้างนอกแล้วก็แวะไปที่สะพานสารสินเพราะอยู่ไม่ไกลมากเดินๆดูได้ไม่นานก็ออกจากที่นั่น แล้วก็เข้ามาในซื้อของกินอะไรต่อใกล้ๆโรงแรมจากนั้นกลับเข้ามาที่พักราวๆ2-3ทุ่ม ทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องพักใครห้องพักมัน นี่ก็กลับมาที่ห้องก็ผลัดกันไปอาบน้ำ โดยที่พส.พ่อเข้าไปอาบก่อน ส่วนนี่ก็นั่งเล่นมือถืออยู่ที่เตียงตัวเอง ระหว่างนั้นมันก็มีความรู้สึกแปลกๆเหมือนตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว แล้วก็รู้สึกว่าไม่อยากหันไปมองที่โซฟามากๆ มันเหมือนมีมวลอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว บรรยากาศตรงนั้นมันดูค่อนข้างเย็นๆ เย็นแบบที่ไม่ใช่เย็นของแอร์อ่ะ แต่ก็พยายามข่มใจเล่นมือถือต่อไปโดยไม่คิดอะไรมากจนพส.พ่อออกมา นี่ก็เข้าไปอาบน้ำต่อ
คงคิดว่าจะมีอะไรใช่ไหมตามแบบฉบับเจออะไรในห้องน้ำงี้? แต่ไม่มี เราอาบน้ำโดยที่ไม่เจออะไรผิดปกติ จนกระทั่งออกมาหลังแต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มานอนที่เตียงระหว่างนั้นก็คุยนู่นนี่นั่นกับพส.พ่อไปเรื่อย จนกระทั่งได้เวลานอน จำได้ว่าพส.พ่อกับเรานอนแบบไม่ได้ปิดไฟ คือเปิดไฟไว้ทั้งคืน นี่ก็หลับไปด้วยความเหนื่อยด้วยมั้ง จนกระทั่งเวลาสักประมาณตี1นี่รู้สึกตัวขึ้นมาเพราะไม่คุ้นที่แต่ไม่ได้ลืมตานะ ก็ได้ยินเสียงองเสียงแอร์อะไรปกตินั่นแหละ ก็กะว่าจะหลับต่อก็พลิกตัวหันไปทางเตียงพส.พ่อเหมือนจะเคลิ้มๆละ สักพักมันมีเสียงผิดปกติที่นอกจากเสียงแอร์ดังขึ้น
นี่ก็แบบเอ๊ะ? เสียงอะไร? แต่ก็ไม่ได้ลืมตาหรือขยับตัวแต่อย่างใดนะ ยังคงฟังเสียงนั้น ตั้งใจฟังดีๆ มันเป็นเสียงคล้ายเล็บคนทั้งห้านิ้วกำลังขูดกับเตียงอ่ะ ขูดกับเบาะเตียงนี่แหละเตียงที่เรานอน ตอนแรกมันขูดดังวนๆอยู่ที่ปลายเตียง สักพักมันก็ลากจากปลายเตียงขึ้นมาจนถึงหัวเตียง ซึ่งเราที่นอนหันหลังให้สิ่งนั้นอยู่ก็เริ่มข่มตาหลับปี๋แบบชนิดที่ว่าอย่าลืมตานะ อย่าลืมตาเด็ดขาด เพราะไม่รู้ว่าถ้าลืมตาขึ้นมาแล้วจะเจอกับอะไร แล้วก็คิดในใจว่า ละกู เจอดีเข้าแล้ว
ช่วงเวลา ณ ตอนนั้นคือเหมือนเวลามันผ่านไปช้ามากๆ แล้วไอ้เสียงนี้มันขูดขึ้นลงขึ้นลงอยู่แบบนั้นอ่ะ จนนี่แบบนึกขึ้นว่าก่อนเข้ามาในห้องครั้งแรกนี่ไม่ได้กล่าวทักอะไรก็ตามที่อยู่ในนี้ สิ่งที่มองไม่เห็นอะไรใดๆ ก่อนนอนก็ไม่ได้สวดมนตร์อะไรด้วย ก็โป๊ะเช๊ะ😂 คือปกติอยู่บ้านก็สวดมนตร์ก่อนนอนตลอดนะ แต่ไม่รู้ทำไมมาที่นี่ถึงลืมหรือจะเพราะเหนื่อยด้วยมั้ง นี่ก็เริ่มสวดมนตร์ตามศาสนาที่นับถือ ในใจก็ขอโทษเจ้าที่เจ้าทางแล้วก็ขอลูกหลานพักที่นี่อย่างปลอดภัยสองคืน เพราะแพลนมาพักคือพัก2คืน นั่นหมายความว่าพรุ่งนี้จะต้องพักอีกหนึ่งคืน ก็นอนสวดมนตร์ท่องนู่นท่องนี่อยู่ในใจ แต่เสียงนั่นก็ยังไม่หยุดจนผ่านไปสักพักพส.พ่อก็พลิกตัวนอนหงายนั่นแหละเสียงมันก็เงียบไป นี่เหมือนจะโล่งใจขึ้นมาหน่อยก็ข่มตาสวดมนตร์ต่อไปจนเผลอหลับไปเอง
เช้ามาก็ออกมาทานอาหารที่ทางโรงแรมที่เขาจัดให้ นี่ก็ได้ถามพส.พ่อว่า เมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรไหม? แกก็ตอบว่าไม่ แล้วถามว่าทำไม? นี่ก็เล่าให้ฟัง แกก็ติว่า เอ็งไม่ขอเจ้าที่เขาก่อนเล่า เจอดีเลยเห็นไหม? นี่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผ่านไปหนึ่งวันต้องพักอีกคืน ก่อนเข้าห้องทุกครั้งนี่ก็นึกในใจว่าขอเข้าห้องนะ ก่อนนอนก็ขอเจ้าที่เจ้าทางสวดมนตร์อะไรเรียบร้อย ปรากฏว่าคืนสุดท้ายหลับสบายไม่เจออะไรเลยเช้ามาก็เตรียมเช็คเอ้าท์เดินทางกลับบ้านต่อ
นับว่าเป็นประสบการณ์ใกล้ชิดสิ่งลี้ลับที่ค่อนข้างหนักที่สุดแล้วเท่าที่เจอมา และรู้สึกได้ว่าที่ตรงนั้นโคตรแรง ปกตินี่ไม่ได้มีเซ้นต์เจอผีแบบจะๆอะไรแบบนั้นนะ แค่สัมผัสได้ว่า อ๋อ ตรงนี้มันวังเวงเว้ย เห้ย ตรงนี้มันบรรยากาศไม่ค่อยดีเว้ย ส่วนใหญ่จะไปทางสัมผัสได้มากกว่า แต่ไม่ได้เห็นอะไร ก็ขออย่าให้เห็นนะ เพราะไม่อยากเห็นและไม่ว่าจะไปที่ไหนนี่ก็นึกในใจตลอดว่าอย่าได้เจอกับอะไรแบบนี้ มีก็อย่ามาให้เห็น แม้แต่เสียงหรืออะไรก็อย่ามาทั้งนั้นอะไรแบบนี้
แต่อันนี้ ได้ยินเสียงเลย คือรู้เลยว่ามันเป็นเสียงเล็บคนจริงๆ เพราะเคยลองเอามือขูดกับเตียงหลังจากโดนมาพบว่ามันคือเสียงเดียวกันกับที่ได้ยิน ก็เป็นประสบการณ์ที่จำไม่เคยลืมเลยมาตั้งแต่ตอนนั้น😂 เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละค่ะ
แชร์ประสบการณ์โดนผีในโรงแรมทักทายในคืนแรก
ย้อนกลับไปราวๆ8ปีที่แล้ว ประมาณปี2016 ตอนนั้นเราอายุประมาณ16ปี ได้เดินทางไปประชุมเกี่ยวกับอะไรสักอย่างกับญาติๆที่จ.พังงา และได้เข้าพักโรงแรมแห่งหนึ่ง เป็นโรงแรมที่หรูมากๆ ในความคิดเรานะ เพราะก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปในพื้นของโรงแรมคือสะอาดมาก พื้นมันแววจนไม่กล้าจะใส่รองเท้าเดินเข้าไปอ่ะ เราเดินทางจากสตูลไปพังงาใช้เวลาราวๆ4-5ชม.ได้มั้งบวกกับแวะพักและฝนตกไปด้วยตลอดทาง ไปด้วยกันทั้งหมด6-7คน ก็ติดต่อกับพนักงานโรงแรมได้ห้องพักอะไรเรียบร้อยก็แยกย้ายกันไปเข้าห้องพักเก็บข้าวเก็บของ
เราได้พักกับพี่สาวของพ่อแค่2คน เป็นเตียงคู่ ความรู้สึกแรกที่เปิดประตูเข้าไป ห้องคือดูดีมากสมกับเป็นโรงแรมหรูจริงๆนั่นแหละ แต่นี่แอบรู้สึกว่ามันวังเวงนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พส.พ่อก็เดินเข้าไปเสียบคีย์การ์ดไฟก็ติดทุกอย่างติดหมด ก็เลือกเตียงกันว่าจะนอนฝั่งไหน เราได้เตียงฝั่งนอก เตียงของเราจะติดกับโซฟาและโต๊ะกระจกถนัดไปก็จะเป็นผนังและประตูที่เข้ามา ส่วนพส.พ่อได้เตียงที่ใกล้กับห้องน้ำ นี่ก็แอบคิดในใจว่าแบบเออโล่งอกเพราะเราไม่ชอบเตียงฝั่งนั้นพอดี
ก็ตกค่ำไปหาอะไรกินกันข้างนอกแล้วก็แวะไปที่สะพานสารสินเพราะอยู่ไม่ไกลมากเดินๆดูได้ไม่นานก็ออกจากที่นั่น แล้วก็เข้ามาในซื้อของกินอะไรต่อใกล้ๆโรงแรมจากนั้นกลับเข้ามาที่พักราวๆ2-3ทุ่ม ทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องพักใครห้องพักมัน นี่ก็กลับมาที่ห้องก็ผลัดกันไปอาบน้ำ โดยที่พส.พ่อเข้าไปอาบก่อน ส่วนนี่ก็นั่งเล่นมือถืออยู่ที่เตียงตัวเอง ระหว่างนั้นมันก็มีความรู้สึกแปลกๆเหมือนตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียว แล้วก็รู้สึกว่าไม่อยากหันไปมองที่โซฟามากๆ มันเหมือนมีมวลอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น เหมือนไม่ได้อยู่คนเดียว บรรยากาศตรงนั้นมันดูค่อนข้างเย็นๆ เย็นแบบที่ไม่ใช่เย็นของแอร์อ่ะ แต่ก็พยายามข่มใจเล่นมือถือต่อไปโดยไม่คิดอะไรมากจนพส.พ่อออกมา นี่ก็เข้าไปอาบน้ำต่อ
คงคิดว่าจะมีอะไรใช่ไหมตามแบบฉบับเจออะไรในห้องน้ำงี้? แต่ไม่มี เราอาบน้ำโดยที่ไม่เจออะไรผิดปกติ จนกระทั่งออกมาหลังแต่งตัวอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็มานอนที่เตียงระหว่างนั้นก็คุยนู่นนี่นั่นกับพส.พ่อไปเรื่อย จนกระทั่งได้เวลานอน จำได้ว่าพส.พ่อกับเรานอนแบบไม่ได้ปิดไฟ คือเปิดไฟไว้ทั้งคืน นี่ก็หลับไปด้วยความเหนื่อยด้วยมั้ง จนกระทั่งเวลาสักประมาณตี1นี่รู้สึกตัวขึ้นมาเพราะไม่คุ้นที่แต่ไม่ได้ลืมตานะ ก็ได้ยินเสียงองเสียงแอร์อะไรปกตินั่นแหละ ก็กะว่าจะหลับต่อก็พลิกตัวหันไปทางเตียงพส.พ่อเหมือนจะเคลิ้มๆละ สักพักมันมีเสียงผิดปกติที่นอกจากเสียงแอร์ดังขึ้น
นี่ก็แบบเอ๊ะ? เสียงอะไร? แต่ก็ไม่ได้ลืมตาหรือขยับตัวแต่อย่างใดนะ ยังคงฟังเสียงนั้น ตั้งใจฟังดีๆ มันเป็นเสียงคล้ายเล็บคนทั้งห้านิ้วกำลังขูดกับเตียงอ่ะ ขูดกับเบาะเตียงนี่แหละเตียงที่เรานอน ตอนแรกมันขูดดังวนๆอยู่ที่ปลายเตียง สักพักมันก็ลากจากปลายเตียงขึ้นมาจนถึงหัวเตียง ซึ่งเราที่นอนหันหลังให้สิ่งนั้นอยู่ก็เริ่มข่มตาหลับปี๋แบบชนิดที่ว่าอย่าลืมตานะ อย่าลืมตาเด็ดขาด เพราะไม่รู้ว่าถ้าลืมตาขึ้นมาแล้วจะเจอกับอะไร แล้วก็คิดในใจว่า ละกู เจอดีเข้าแล้ว
ช่วงเวลา ณ ตอนนั้นคือเหมือนเวลามันผ่านไปช้ามากๆ แล้วไอ้เสียงนี้มันขูดขึ้นลงขึ้นลงอยู่แบบนั้นอ่ะ จนนี่แบบนึกขึ้นว่าก่อนเข้ามาในห้องครั้งแรกนี่ไม่ได้กล่าวทักอะไรก็ตามที่อยู่ในนี้ สิ่งที่มองไม่เห็นอะไรใดๆ ก่อนนอนก็ไม่ได้สวดมนตร์อะไรด้วย ก็โป๊ะเช๊ะ😂 คือปกติอยู่บ้านก็สวดมนตร์ก่อนนอนตลอดนะ แต่ไม่รู้ทำไมมาที่นี่ถึงลืมหรือจะเพราะเหนื่อยด้วยมั้ง นี่ก็เริ่มสวดมนตร์ตามศาสนาที่นับถือ ในใจก็ขอโทษเจ้าที่เจ้าทางแล้วก็ขอลูกหลานพักที่นี่อย่างปลอดภัยสองคืน เพราะแพลนมาพักคือพัก2คืน นั่นหมายความว่าพรุ่งนี้จะต้องพักอีกหนึ่งคืน ก็นอนสวดมนตร์ท่องนู่นท่องนี่อยู่ในใจ แต่เสียงนั่นก็ยังไม่หยุดจนผ่านไปสักพักพส.พ่อก็พลิกตัวนอนหงายนั่นแหละเสียงมันก็เงียบไป นี่เหมือนจะโล่งใจขึ้นมาหน่อยก็ข่มตาสวดมนตร์ต่อไปจนเผลอหลับไปเอง
เช้ามาก็ออกมาทานอาหารที่ทางโรงแรมที่เขาจัดให้ นี่ก็ได้ถามพส.พ่อว่า เมื่อคืนได้ยินเสียงอะไรไหม? แกก็ตอบว่าไม่ แล้วถามว่าทำไม? นี่ก็เล่าให้ฟัง แกก็ติว่า เอ็งไม่ขอเจ้าที่เขาก่อนเล่า เจอดีเลยเห็นไหม? นี่ก็ไม่ได้พูดอะไร ผ่านไปหนึ่งวันต้องพักอีกคืน ก่อนเข้าห้องทุกครั้งนี่ก็นึกในใจว่าขอเข้าห้องนะ ก่อนนอนก็ขอเจ้าที่เจ้าทางสวดมนตร์อะไรเรียบร้อย ปรากฏว่าคืนสุดท้ายหลับสบายไม่เจออะไรเลยเช้ามาก็เตรียมเช็คเอ้าท์เดินทางกลับบ้านต่อ
นับว่าเป็นประสบการณ์ใกล้ชิดสิ่งลี้ลับที่ค่อนข้างหนักที่สุดแล้วเท่าที่เจอมา และรู้สึกได้ว่าที่ตรงนั้นโคตรแรง ปกตินี่ไม่ได้มีเซ้นต์เจอผีแบบจะๆอะไรแบบนั้นนะ แค่สัมผัสได้ว่า อ๋อ ตรงนี้มันวังเวงเว้ย เห้ย ตรงนี้มันบรรยากาศไม่ค่อยดีเว้ย ส่วนใหญ่จะไปทางสัมผัสได้มากกว่า แต่ไม่ได้เห็นอะไร ก็ขออย่าให้เห็นนะ เพราะไม่อยากเห็นและไม่ว่าจะไปที่ไหนนี่ก็นึกในใจตลอดว่าอย่าได้เจอกับอะไรแบบนี้ มีก็อย่ามาให้เห็น แม้แต่เสียงหรืออะไรก็อย่ามาทั้งนั้นอะไรแบบนี้
แต่อันนี้ ได้ยินเสียงเลย คือรู้เลยว่ามันเป็นเสียงเล็บคนจริงๆ เพราะเคยลองเอามือขูดกับเตียงหลังจากโดนมาพบว่ามันคือเสียงเดียวกันกับที่ได้ยิน ก็เป็นประสบการณ์ที่จำไม่เคยลืมเลยมาตั้งแต่ตอนนั้น😂 เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละค่ะ