.
1.
ครอบครัวนกฮูก
.
.
.
นกฮูก/นกเค้าแมว/นกเค้า/นกแสก
คือ นกที่ล่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร/นกล่าเหยื่อ
เช่นเดียวกับนกเหยี่ยวและนกอินทรี
พวกมันใช้กรงเล็บแหลมคมและปากโค้ง
เพื่อล่า ฆ่า และกินสัตว์อื่น ๆ
แต่นกฮูกแตกต่างจากนกเหยี่ยวและนกอินทรี
สายพันธุ์นี้มักออกหากินในเวลากลางคืน
แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่หากินในเวลากลางวัน
ทั่วโลกมีนกฮูกประมาณ 250 สายพันธุ์
อาศัยอยู่ในทุกทวีป
ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกาที่เป็นน้ำแข็ง
นกฮูกอยู่ในกลุ่มนกที่เรียกว่า
Strigiformes
กลุ่มนั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเล็ก ๆ
ที่เรียกว่าครอบครัว
Tytonidae
รวมถึง Barn Owls ซึ่งมีใบหน้ารูปหัวใจ
ตระกูลที่สองคือ
Strigidae
รวมถึงนกฮูกตัวอื่น ๆ ทั้งหมดที่มีใบหน้ากลม
นกฮูกหลายตัวเปล่งเสียงด้วยความถี่ต่ำ
ซึ่งช่วยให้เสียงของพวกมันเดินทางได้ไกล
โดยไม่ถูกดูดซับโดยพืชพรรณ
(ต้นไม้/ใบหญ้าในบริเวณรอบ ๆ)
ถ้าทำความคุ้นเคยกับเสียงเหล่านี้
และการเปล่งเสียงอื่น ๆ ของนกฮูก
จะช่วยคนเราค้นหาและระบุนกฮูกได้
.
.

.
.
.
.
.
.
.
.
2.
การไล่ล่าเหยื่อ
.
.
.
นกฮูกหลายชนิดออกหากินในเวลากลางคืน
แต่นกฮูกบางสายพันธุ์จะออกหากิน
ในเวลากลางวันและพักผ่อนในเวลากลางคืน
นกฮูกใช้เวลาส่วนใหญ่ในการล่าเหยื่อ
นกฮูกหลายชนิดเป็นสัตว์กินเนื้อ
เหยื่อมักจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก
ที่มีลักษณะคล้ายสัตว์ฟันแทะ เช่น หนูพุก หนู
ต่างเป็นเหยื่อหลักสำหรับนกฮูกหลายชนิด
อาหารของนกฮูกก็อาจรวมถึง
กบ กิ้งก่า งู ปลา กระต่าย นก กระรอก
และสัตว์อื่น ๆ ในบางครั้ง
นกเค้าแมวยักษ์
Great Horned Owls
อาจพบว่า
สกั๊งก์ อร่อยพอที่จะกินได้
.
.
.

.
.
นกฮูกล่าด้วยวิธีต่าง ๆ
เทคนิคหนึ่งเรียกว่า คอนและตะครุบ
ในวิธีนี้นกฮูกจะเกาะคอนอย่างสบาย ๆ
จนกระทั่งเห็นเหยื่อแล้วร่อนลงมา
เพื่อค้นหาเหยื่อขณะบิน
ตามที่นกฮูกโรงนา Barn Owls ใช้
บางครั้งนกฮูก ซึ่งส่วนใหญ่
มักจะล่าสัตว์ในพื้นที่โล่ง เช่น
นกฮูกหูสั้น
Short-eared Owl
จะบินวนเหมือนเฮลิคอปเตอร์เหนือเหยื่อ
จนกว่าพวกมันพร้อมที่จะโฉบเข้าไปหาเหยื่อ
นกฮูกมักจะวิ่งไปมาบนพื้นดินตามล่าเหยื่อ
โดยทั่วไปนกฮูกจะล่าใกล้กับพื้นดิน
เพื่อให้พวกมันได้ยิน/มองเห็นเหยื่อได้ง่ายขึ้น
.

.
.
บางครั้งนกฮูกก็ซ่อนอาหารไว้
พวกมันจับเหยื่อและใช้ปากของมัน
ยัดอาหารลงในที่ซ่อนอย่างระมัดระวัง
สิ่งนี้เรียกว่าการ caching (อ่าน CASH-ing)
หลังโขดหินหรือตามกอหญ้า
นกฮูกทำเช่นนี้เมื่อการล่าสัตว์ได้ดีมาก
และมักจะกลับไปหาเหยื่อภายใน 1-2 วัน
.
.
.
3.
ออกไปเที่ยว - พักผ่อน
.
.
.
ในตอนท้ายของวันหรือคืนที่ใช้เวลาล่าสัตว์
นกฮูกจะกลับไปยังสถานที่พักผ่อน/เกาะรัง
บางตัวจะอยู่ในพื้นที่อาศัยอยู่ร่วมกัน
กับนกตัวอื่น ๆ ที่เป็นสายพันธุ์เดียวกัน
นกฮูกส่วนใหญ่มักจะอยู่ตามลำพัง
แต่มักจะหารังใกล้ ๆ กันเวลาหาคู่
แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจนัก
แต่นกฮูกอาจได้รับประโยชน์
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในการอยู่ร่วมกัน
จากการแบ่งปันที่พักเดียวกัน
ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กันและกัน
นกฮูกช่วยกันเฝ้ารังดูนกที่ขับขาน/ส่งเสียง
และนกนักล่ามักได้คู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์
นกฮูกอาจส่งข้อมูลเกี่ยวกับจุดล่าสัตว์ที่ดี
โดยทั่วไปแล้วเกาะรัง
จะอยู่ติดกับพื้นที่ล่าสัตว์ที่ดี
ดังนั้น นกฮูกจึงสามารถค้นหาเหยื่อได้ทันที
ตอนที่พวกมันออกไปหรือกลับมาเกาะรัง
.
.
.
4.
การจับคู่ - ฤดูผสมพันธุ์
.
.
.
ช่วงปลายฤดูหนาวเป็นช่วงผสมพันธุ์
ของนกฮูกส่วนใหญ่จะเริ่มหาคู่
โดยการส่งเสียงผ่านอากาศช่วงบ่ายและเย็น
โดยทั่วไปแล้ว นกฮูกตัวใหญ่จะส่งเสียงบี๊บ
และนกฮูกตัวเล็กจะส่งเสียงร้องดังเบา ๆ
ซึ่งฟังดูเหมือนคำถามที่ว่า
" ใครเป็นคนหาอาหารให้คุณ
ใครเป็นคนหาอาหารให้คุณทุกคน"
นกฮูกตัวเล็กร้องเพลง ด้วยเสียงสูงที่รวดเร็ว
ซึ่งบางคนคิดว่าเสียงเหมือน
ไม้หรือหินลับมีดถูกขูดผ่านฟันเลื่อย
นกฮูกตัวเมียจะฟังเสียงเรียกเธอ
เธอจะตอบรับเสียงเรียกจากตัวผู้
ที่เป็นนกฮุกสายพันธุ์เดียวกันเท่านั้น
เมื่อนกฮูกตัวผู้ได้รับความสนใจจากตัวเมีย
มันก็จะเริ่มแสดงอาการหรือพองขนออกมา
บางทีอาจจะมอบอาหารให้ตัวเมียด้วยซ้ำ
นกเค้าแมวหูสั้นตัวผู้
Short-eared Owl
จะบินวนอยู่เหนือตัวเมีย
ที่มันกำลังติดพันอยู่
และปรบปีกกับใต้ท้องหลายครั้ง
มันจะบินขึ้นไปอีกครั้ง
และลอยแขวนอยู่ในสายลม
มันอาจจะทำซ้ำการเต้นรำนี้หลายครั้ง
เพื่อพยายามทำให้นกตัวเมียประทับใจ
ในตอนท้ายของการแสดง
ตัวผู้จะดำดิ่งผ่านตัวเมียลงไปในหญ้า
นกฮูกทั้งสองตัวอาจกลายเป็นคู่ผสมพันธุ์
นกฮูกผสมพันธุ์ใช้เวลาร่วมกันเป็นจำนวนมาก
พวกมันอาจถูใบหน้าที่ขนไปมาซึ่งกันและกัน
และแผ่นจานบนใบหน้าของกันและกัน
นักวิทยาศาสตร์คิดว่า
มันช่วยลดการต่อสู้/พฤติกรรมก้าวร้าวอื่น ๆ
นกฮูกหลายคู่เหยียดคอไปข้างหน้าหาคู่
และส่งเสียงขันคู ราวกับว่าเพลิดเพลินมาก
.
.
.
5.
การยึดบ้าน - ทำรัง
.
.
.
นกฮูกเป็นนักล่าที่มีพรสวรรค์
แต่ไม่ใช่ผู้สร้างรังของตนเอง
นกฮูกจำนวนมากใช้ประโยชน์จาก
การทำงานหนักของสัตว์อื่น ๆ ในการสร้างรัง
แทนที่พวกมันจะสร้างรังตั้งแต่เริ่มต้น
นกฮูกบางตัว เช่น
Great Horned Owls
จะใช้รังว่างบนต้นไม้หรือบนหน้าผา
ที่สร้างโดยเหยี่ยว กา นกกางเขน นกชนิดอื่น ๆ
แต่รังมักถูกสร้างขึ้นโดย
นกหัวขวาน
woodpeckers
Elf Owls สร้างรังใน
กระบองเพชรซากัวโร
ซึ่งนกหัวขวานได้สร้างรังสำเร็จรูปไว้
โดยทั่วไปแล้ว
Barn Owls
จะทำรังตามจันทันในโรงนา ในอาคารว่าง ๆ
ไซโล หรือตามโพรงตามหน้าผา
Burrowing Owls ตามชื่อของมัน
พวกมันมักจะทำรังในอุโมงค์ใต้ดิน
ที่ถูกขุดโดยกระรอกดิน สุนัขแพรรี
แบดเจอร์ หรือสัตว์ขุดดินอื่น ๆ
แต่นักเค้าแมวบางตัวใช้เท้าและปาก
ของพวกมันขุดโพรงด้วยตัวเอง
นักวิทยาศาสตร์คิดว่า
นกฮูกตัวผู้ค้นหารังและร้องบอกอาณาเขต
แต่นกฮูกตัวเมียจะเลือกสถานที่ทำรังจริง
นกฮูกทั้งคู่จะปกป้องรังของพวกมัน
โดยบริเวณรังจะเป็นบ้านของ
ครอบครัวนกฮูกเป็นเวลาหลายเดือน
.
.
.

.
.

.
.
.
.

.
.
.
.
.
.
6.
การเลี้ยงดูครอบครัว - การบ่มเพาะ
.
.
.
หากอาหารในท้องถิ่นมีน้อยในปีที่เลือกคู่
นกฮูกอาจไม่ผสมพันธุ์ในปีนั้น
แต่หากมีอาหารเพียงพอ/มากพอ
ที่จะเลี้ยงครอบครัวที่กำลังเติบโต
นกฮูกตัวเมียจะวางไข่สีขาวทรงกลม 1-14 ฟอง
จำนวนดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับ
ปริมาณอาหารที่มีอยู่/หากินยาก/ง่ายด้วย
ตัวอย่างเช่น หากจำนวนหนูนาในท้องถิ่นมีสูง
นกฮูกหูสั้นตัวเมียอาจวางไข่ได้มากถึง 10 ฟอง
โดยปกติแล้วนกฮูกจะวางไข่ห่างกัน
หนึ่งถึงสี่วันเพื่อกกไข่ให้ไข่อุ่น
ถ่ายเทความร้อนจากร่างกายไปยังไข่มากขึ้น
นกจะกดผิวหนังเปลือยอันอบอุ่น
หรือแผ่ปีกกกไข่ไว้ใต้ปีก
นกจะนอนอยู่บนรังในตำแหน่งกกไข่
โดยให้ศีรษะต่ำและคว่ำท้องลง
เพื่อกกไข่ให้อบอุ่นอยู่ตลอดเวลา
(ในระหว่างแม่นกกกไข่
จะมีการพลิกไข่นกไปมา
เพื่อระบายความร้อนภายในไข่
ช่วยการจัดวาง/ขยับเขยื้อน
ลูกนกในเปลือกไข่ให้มีการเคลื่อนไหว
โรงเพาะฟักไข่ไก่ก็ทำเช่นกัน
ถ้าไม่ทำลูกไก่ออกมามักจะพิการ
ถ้าเด็กในท้องแม่คนเรา
ไม่พลิกตัวเลย อาการน่าเป็นห่วง)
ลูกนกฮูกจะฟักเป็นตัวหลังจาก
นกตัวเมียวางไข่เป็นเวลา 3 ถึง 5 สัปดาห์
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
สาเหตุจากไข่จะวางวันต่างกัน
โดยทั่วไปตัวเมียจะเริ่มกกไข่ฟองแรก
แล้วไข่ฟองอื่น ๆ ออกมากกต่อ
ตามลำดับการวางไข่ที่มีวันต่างกัน
ซึ่งเรียกว่าการฟักไข่แบบ Asynchronous
(อสมวาร ไม่ประสานเวลา)
ซึ่งส่งผลให้ลูกนกในรังมีอายุแตกต่างกัน
ลูกนกตัวแรกมักจะมีอายุมากกว่า
ลูกนกตัวถัดไปราวหนึ่งวันถึงสองสัปดาห์
.
นกฮูก นกเค้า นกเค้าแมว นกแสก
1. ครอบครัวนกฮูก
.
.
นกฮูก/นกเค้าแมว/นกเค้า/นกแสก
คือ นกที่ล่าสัตว์อื่นเป็นอาหาร/นกล่าเหยื่อ
เช่นเดียวกับนกเหยี่ยวและนกอินทรี
พวกมันใช้กรงเล็บแหลมคมและปากโค้ง
เพื่อล่า ฆ่า และกินสัตว์อื่น ๆ
แต่นกฮูกแตกต่างจากนกเหยี่ยวและนกอินทรี
สายพันธุ์นี้มักออกหากินในเวลากลางคืน
แต่ก็มีบางสายพันธุ์ที่หากินในเวลากลางวัน
ทั่วโลกมีนกฮูกประมาณ 250 สายพันธุ์
อาศัยอยู่ในทุกทวีป
ยกเว้นทวีปแอนตาร์กติกาที่เป็นน้ำแข็ง
นกฮูกอยู่ในกลุ่มนกที่เรียกว่า Strigiformes
กลุ่มนั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเล็ก ๆ
ที่เรียกว่าครอบครัว Tytonidae
รวมถึง Barn Owls ซึ่งมีใบหน้ารูปหัวใจ
ตระกูลที่สองคือ Strigidae
รวมถึงนกฮูกตัวอื่น ๆ ทั้งหมดที่มีใบหน้ากลม
นกฮูกหลายตัวเปล่งเสียงด้วยความถี่ต่ำ
ซึ่งช่วยให้เสียงของพวกมันเดินทางได้ไกล
โดยไม่ถูกดูดซับโดยพืชพรรณ
(ต้นไม้/ใบหญ้าในบริเวณรอบ ๆ)
ถ้าทำความคุ้นเคยกับเสียงเหล่านี้
และการเปล่งเสียงอื่น ๆ ของนกฮูก
จะช่วยคนเราค้นหาและระบุนกฮูกได้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
2. การไล่ล่าเหยื่อ
.
.
นกฮูกหลายชนิดออกหากินในเวลากลางคืน
แต่นกฮูกบางสายพันธุ์จะออกหากิน
ในเวลากลางวันและพักผ่อนในเวลากลางคืน
นกฮูกใช้เวลาส่วนใหญ่ในการล่าเหยื่อ
นกฮูกหลายชนิดเป็นสัตว์กินเนื้อ
เหยื่อมักจะเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก
ที่มีลักษณะคล้ายสัตว์ฟันแทะ เช่น หนูพุก หนู
ต่างเป็นเหยื่อหลักสำหรับนกฮูกหลายชนิด
อาหารของนกฮูกก็อาจรวมถึง
กบ กิ้งก่า งู ปลา กระต่าย นก กระรอก
และสัตว์อื่น ๆ ในบางครั้ง
นกเค้าแมวยักษ์ Great Horned Owls
อาจพบว่า สกั๊งก์ อร่อยพอที่จะกินได้
.
.
.
นกฮูกล่าด้วยวิธีต่าง ๆ
เทคนิคหนึ่งเรียกว่า คอนและตะครุบ
ในวิธีนี้นกฮูกจะเกาะคอนอย่างสบาย ๆ
จนกระทั่งเห็นเหยื่อแล้วร่อนลงมา
เพื่อค้นหาเหยื่อขณะบิน
ตามที่นกฮูกโรงนา Barn Owls ใช้
บางครั้งนกฮูก ซึ่งส่วนใหญ่
มักจะล่าสัตว์ในพื้นที่โล่ง เช่น
นกฮูกหูสั้น Short-eared Owl
จะบินวนเหมือนเฮลิคอปเตอร์เหนือเหยื่อ
จนกว่าพวกมันพร้อมที่จะโฉบเข้าไปหาเหยื่อ
นกฮูกมักจะวิ่งไปมาบนพื้นดินตามล่าเหยื่อ
โดยทั่วไปนกฮูกจะล่าใกล้กับพื้นดิน
เพื่อให้พวกมันได้ยิน/มองเห็นเหยื่อได้ง่ายขึ้น
.
.
บางครั้งนกฮูกก็ซ่อนอาหารไว้
พวกมันจับเหยื่อและใช้ปากของมัน
ยัดอาหารลงในที่ซ่อนอย่างระมัดระวัง
สิ่งนี้เรียกว่าการ caching (อ่าน CASH-ing)
หลังโขดหินหรือตามกอหญ้า
นกฮูกทำเช่นนี้เมื่อการล่าสัตว์ได้ดีมาก
และมักจะกลับไปหาเหยื่อภายใน 1-2 วัน
.
.
3. ออกไปเที่ยว - พักผ่อน
.
.
ในตอนท้ายของวันหรือคืนที่ใช้เวลาล่าสัตว์
นกฮูกจะกลับไปยังสถานที่พักผ่อน/เกาะรัง
บางตัวจะอยู่ในพื้นที่อาศัยอยู่ร่วมกัน
กับนกตัวอื่น ๆ ที่เป็นสายพันธุ์เดียวกัน
นกฮูกส่วนใหญ่มักจะอยู่ตามลำพัง
แต่มักจะหารังใกล้ ๆ กันเวลาหาคู่
แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจนัก
แต่นกฮูกอาจได้รับประโยชน์
ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งในการอยู่ร่วมกัน
จากการแบ่งปันที่พักเดียวกัน
ช่วยสร้างความอบอุ่นให้กันและกัน
นกฮูกช่วยกันเฝ้ารังดูนกที่ขับขาน/ส่งเสียง
และนกนักล่ามักได้คู่ในช่วงฤดูผสมพันธุ์
นกฮูกอาจส่งข้อมูลเกี่ยวกับจุดล่าสัตว์ที่ดี
โดยทั่วไปแล้วเกาะรัง
จะอยู่ติดกับพื้นที่ล่าสัตว์ที่ดี
ดังนั้น นกฮูกจึงสามารถค้นหาเหยื่อได้ทันที
ตอนที่พวกมันออกไปหรือกลับมาเกาะรัง
.
.
4. การจับคู่ - ฤดูผสมพันธุ์
.
.
ช่วงปลายฤดูหนาวเป็นช่วงผสมพันธุ์
ของนกฮูกส่วนใหญ่จะเริ่มหาคู่
โดยการส่งเสียงผ่านอากาศช่วงบ่ายและเย็น
โดยทั่วไปแล้ว นกฮูกตัวใหญ่จะส่งเสียงบี๊บ
และนกฮูกตัวเล็กจะส่งเสียงร้องดังเบา ๆ
ซึ่งฟังดูเหมือนคำถามที่ว่า
" ใครเป็นคนหาอาหารให้คุณ
ใครเป็นคนหาอาหารให้คุณทุกคน"
นกฮูกตัวเล็กร้องเพลง ด้วยเสียงสูงที่รวดเร็ว
ซึ่งบางคนคิดว่าเสียงเหมือน
ไม้หรือหินลับมีดถูกขูดผ่านฟันเลื่อย
นกฮูกตัวเมียจะฟังเสียงเรียกเธอ
เธอจะตอบรับเสียงเรียกจากตัวผู้
ที่เป็นนกฮุกสายพันธุ์เดียวกันเท่านั้น
เมื่อนกฮูกตัวผู้ได้รับความสนใจจากตัวเมีย
มันก็จะเริ่มแสดงอาการหรือพองขนออกมา
บางทีอาจจะมอบอาหารให้ตัวเมียด้วยซ้ำ
นกเค้าแมวหูสั้นตัวผู้ Short-eared Owl
จะบินวนอยู่เหนือตัวเมีย
ที่มันกำลังติดพันอยู่
และปรบปีกกับใต้ท้องหลายครั้ง
มันจะบินขึ้นไปอีกครั้ง
และลอยแขวนอยู่ในสายลม
มันอาจจะทำซ้ำการเต้นรำนี้หลายครั้ง
เพื่อพยายามทำให้นกตัวเมียประทับใจ
ในตอนท้ายของการแสดง
ตัวผู้จะดำดิ่งผ่านตัวเมียลงไปในหญ้า
นกฮูกทั้งสองตัวอาจกลายเป็นคู่ผสมพันธุ์
นกฮูกผสมพันธุ์ใช้เวลาร่วมกันเป็นจำนวนมาก
พวกมันอาจถูใบหน้าที่ขนไปมาซึ่งกันและกัน
และแผ่นจานบนใบหน้าของกันและกัน
นักวิทยาศาสตร์คิดว่า
มันช่วยลดการต่อสู้/พฤติกรรมก้าวร้าวอื่น ๆ
นกฮูกหลายคู่เหยียดคอไปข้างหน้าหาคู่
และส่งเสียงขันคู ราวกับว่าเพลิดเพลินมาก
.
.
5. การยึดบ้าน - ทำรัง
.
.
นกฮูกเป็นนักล่าที่มีพรสวรรค์
แต่ไม่ใช่ผู้สร้างรังของตนเอง
นกฮูกจำนวนมากใช้ประโยชน์จาก
การทำงานหนักของสัตว์อื่น ๆ ในการสร้างรัง
แทนที่พวกมันจะสร้างรังตั้งแต่เริ่มต้น
นกฮูกบางตัว เช่น Great Horned Owls
จะใช้รังว่างบนต้นไม้หรือบนหน้าผา
ที่สร้างโดยเหยี่ยว กา นกกางเขน นกชนิดอื่น ๆ
แต่รังมักถูกสร้างขึ้นโดย
นกหัวขวาน woodpeckers
Elf Owls สร้างรังใน กระบองเพชรซากัวโร
ซึ่งนกหัวขวานได้สร้างรังสำเร็จรูปไว้
โดยทั่วไปแล้ว Barn Owls
จะทำรังตามจันทันในโรงนา ในอาคารว่าง ๆ
ไซโล หรือตามโพรงตามหน้าผา
Burrowing Owls ตามชื่อของมัน
พวกมันมักจะทำรังในอุโมงค์ใต้ดิน
ที่ถูกขุดโดยกระรอกดิน สุนัขแพรรี
แบดเจอร์ หรือสัตว์ขุดดินอื่น ๆ
แต่นักเค้าแมวบางตัวใช้เท้าและปาก
ของพวกมันขุดโพรงด้วยตัวเอง
นักวิทยาศาสตร์คิดว่า
นกฮูกตัวผู้ค้นหารังและร้องบอกอาณาเขต
แต่นกฮูกตัวเมียจะเลือกสถานที่ทำรังจริง
นกฮูกทั้งคู่จะปกป้องรังของพวกมัน
โดยบริเวณรังจะเป็นบ้านของ
ครอบครัวนกฮูกเป็นเวลาหลายเดือน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
6. การเลี้ยงดูครอบครัว - การบ่มเพาะ
.
.
หากอาหารในท้องถิ่นมีน้อยในปีที่เลือกคู่
นกฮูกอาจไม่ผสมพันธุ์ในปีนั้น
แต่หากมีอาหารเพียงพอ/มากพอ
ที่จะเลี้ยงครอบครัวที่กำลังเติบโต
นกฮูกตัวเมียจะวางไข่สีขาวทรงกลม 1-14 ฟอง
จำนวนดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับ
ปริมาณอาหารที่มีอยู่/หากินยาก/ง่ายด้วย
ตัวอย่างเช่น หากจำนวนหนูนาในท้องถิ่นมีสูง
นกฮูกหูสั้นตัวเมียอาจวางไข่ได้มากถึง 10 ฟอง
โดยปกติแล้วนกฮูกจะวางไข่ห่างกัน
หนึ่งถึงสี่วันเพื่อกกไข่ให้ไข่อุ่น
ถ่ายเทความร้อนจากร่างกายไปยังไข่มากขึ้น
นกจะกดผิวหนังเปลือยอันอบอุ่น
หรือแผ่ปีกกกไข่ไว้ใต้ปีก
นกจะนอนอยู่บนรังในตำแหน่งกกไข่
โดยให้ศีรษะต่ำและคว่ำท้องลง
เพื่อกกไข่ให้อบอุ่นอยู่ตลอดเวลา
(ในระหว่างแม่นกกกไข่
จะมีการพลิกไข่นกไปมา
เพื่อระบายความร้อนภายในไข่
ช่วยการจัดวาง/ขยับเขยื้อน
ลูกนกในเปลือกไข่ให้มีการเคลื่อนไหว
โรงเพาะฟักไข่ไก่ก็ทำเช่นกัน
ถ้าไม่ทำลูกไก่ออกมามักจะพิการ
ถ้าเด็กในท้องแม่คนเรา
ไม่พลิกตัวเลย อาการน่าเป็นห่วง)
ลูกนกฮูกจะฟักเป็นตัวหลังจาก
นกตัวเมียวางไข่เป็นเวลา 3 ถึง 5 สัปดาห์
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์
สาเหตุจากไข่จะวางวันต่างกัน
โดยทั่วไปตัวเมียจะเริ่มกกไข่ฟองแรก
แล้วไข่ฟองอื่น ๆ ออกมากกต่อ
ตามลำดับการวางไข่ที่มีวันต่างกัน
ซึ่งเรียกว่าการฟักไข่แบบ Asynchronous
(อสมวาร ไม่ประสานเวลา)
ซึ่งส่งผลให้ลูกนกในรังมีอายุแตกต่างกัน
ลูกนกตัวแรกมักจะมีอายุมากกว่า
ลูกนกตัวถัดไปราวหนึ่งวันถึงสองสัปดาห์
.