เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 เป็นมอเตอร์ไซค์ชนกับมอเตอร์ไซค์ (ปัจจุบันยังไม่จบ กำลังต่อสุ้คดีในชั้นศาล)
สถานที่เกิดเหตุคือ ถนนพระรามที่ 6 บริเวณตรงข้ามปั๊มบางจาก
ลักษณะถนนที่เกิดเหตุมีทั้งหมด6ช่องจราจร แบ่งเป็น ฝั่งละ3เลน ไม่มีเกาะกลางเป็นเส้นปะสีเหลืองแบ่งฝั่งจราจร
ผมขับรถมาในช่องจราจรที่1จากซ้ายมือ ข้างหน้าไม่มีรถหรือแยกในระยะ1กม.
คู่กรณีออกมาจากปั๊มน้ำมันบางจากฝั่งตรงข้าม โดยมาจอดที่เกาะกลาง เพื่อรอรถจากช่องจราจรที่3ในฝั่งเดียวกับที่ผมขับมาผ่านไปก่อน เมื่อรถจากช่องจราจรที่3ผ่านคู่กรณีไป คู่กรณีขับรถหันหัว45องศา เพื่อชิดซ้ายสุดในช่องจาจรที่1 (เค้าบอกตำรวจในวันที่นัดไกล่เกลี่ยที่สน.ว่าต้องการจอดรถที่ริมทางเท้า)
ผมมีการส่งเสียงสัญญาณเตือน (แต่ไม่ใช่แตรเนื่องจากตกใจ เป็นการใช้วิธีกำครัชและเร่งเครื่องยนตร์เพื่อให้เกิดเสียงดัง ความเร็วรถไม่ได้เพิ่มขึ้นจากการเร่งเครื่อง) แต่คู่กรณีไม่ได้มีการชะลอหรือเบี่ยงหลบกลับเข้าไปที่ช่องจราจรที่2(ยังมุ่งหน้าเพื่อจะชิดซ้ายในช่ิงจราจรที่1) ในวันที่นัดไกล่เกลี่ยคุ่กรณีบอกว่า ได้ยินเสียงรถผม แต่เนื่องจากอยู่ใต้สะพานลอยและใส่หมวกกันน็อคจึงไม่รู้ว่าเสียงมาจากไหน เลยมองทางขวาของตัวเองก่อน
ก่อนถึงจุดที่ชนกัน ผมได้เบรค(จนระบบABSทำงาน) และเบี่ยงหลบจนชิดทางเท้าแล้ว
จังหวะที่ชน แฮนด์รถผมชนกับข้อศอกข้างซ้ายของคู่กรณี จึงทำให้ทั้งผมและคู่กรณีเสียหลักล้มทั้งคู่
วงสีแดงคือคุ่กรณี วงสีน้ำเงินคือผม
แต่ร้อยเวรที่ดูแลคดี ชี้ว่าผมเป็นฝ่ายผิด(โดยไม่ให้คำตอบในข้อสงสัยของผมแม้แต่ข้อเดียว) ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสและทระพย์สินเสียหาย เนื่องจากผมขับขึ้นไปชนคุ่กรณีจากด้านหลัง
สิ่งที่ผมสงสัยคือ
1.คู่กรณีผมไม่ได้มีความประมาทหรอครับ
2.ทุกๆท่านคิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ
ปล.ปัจจุบันยังไม่จบคดี กำลังต่อสู้ในชั้นศาลครับ
ผมขับรถ yamaha bolt-r คู่กรณีขับรถ honda click
อยากทราบความคิดเห็นจากพี่ๆหลายๆท่านกับ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครับ
สถานที่เกิดเหตุคือ ถนนพระรามที่ 6 บริเวณตรงข้ามปั๊มบางจาก
ลักษณะถนนที่เกิดเหตุมีทั้งหมด6ช่องจราจร แบ่งเป็น ฝั่งละ3เลน ไม่มีเกาะกลางเป็นเส้นปะสีเหลืองแบ่งฝั่งจราจร
ผมขับรถมาในช่องจราจรที่1จากซ้ายมือ ข้างหน้าไม่มีรถหรือแยกในระยะ1กม.
คู่กรณีออกมาจากปั๊มน้ำมันบางจากฝั่งตรงข้าม โดยมาจอดที่เกาะกลาง เพื่อรอรถจากช่องจราจรที่3ในฝั่งเดียวกับที่ผมขับมาผ่านไปก่อน เมื่อรถจากช่องจราจรที่3ผ่านคู่กรณีไป คู่กรณีขับรถหันหัว45องศา เพื่อชิดซ้ายสุดในช่องจาจรที่1 (เค้าบอกตำรวจในวันที่นัดไกล่เกลี่ยที่สน.ว่าต้องการจอดรถที่ริมทางเท้า)
ผมมีการส่งเสียงสัญญาณเตือน (แต่ไม่ใช่แตรเนื่องจากตกใจ เป็นการใช้วิธีกำครัชและเร่งเครื่องยนตร์เพื่อให้เกิดเสียงดัง ความเร็วรถไม่ได้เพิ่มขึ้นจากการเร่งเครื่อง) แต่คู่กรณีไม่ได้มีการชะลอหรือเบี่ยงหลบกลับเข้าไปที่ช่องจราจรที่2(ยังมุ่งหน้าเพื่อจะชิดซ้ายในช่ิงจราจรที่1) ในวันที่นัดไกล่เกลี่ยคุ่กรณีบอกว่า ได้ยินเสียงรถผม แต่เนื่องจากอยู่ใต้สะพานลอยและใส่หมวกกันน็อคจึงไม่รู้ว่าเสียงมาจากไหน เลยมองทางขวาของตัวเองก่อน
ก่อนถึงจุดที่ชนกัน ผมได้เบรค(จนระบบABSทำงาน) และเบี่ยงหลบจนชิดทางเท้าแล้ว
จังหวะที่ชน แฮนด์รถผมชนกับข้อศอกข้างซ้ายของคู่กรณี จึงทำให้ทั้งผมและคู่กรณีเสียหลักล้มทั้งคู่
วงสีแดงคือคุ่กรณี วงสีน้ำเงินคือผม
แต่ร้อยเวรที่ดูแลคดี ชี้ว่าผมเป็นฝ่ายผิด(โดยไม่ให้คำตอบในข้อสงสัยของผมแม้แต่ข้อเดียว) ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสและทระพย์สินเสียหาย เนื่องจากผมขับขึ้นไปชนคุ่กรณีจากด้านหลัง
สิ่งที่ผมสงสัยคือ
1.คู่กรณีผมไม่ได้มีความประมาทหรอครับ
2.ทุกๆท่านคิดเห็นกันอย่างไรบ้างครับ
ปล.ปัจจุบันยังไม่จบคดี กำลังต่อสู้ในชั้นศาลครับ
ผมขับรถ yamaha bolt-r คู่กรณีขับรถ honda click