เคยสงสัยมั้ยทำไม….ความรักปรึกษาใครรอบตัวก็ไม่ได้รับคำตอบที่ตรงใจเลย…
• ทำไมอากง อาม่า มีวัฒนธรรมการดูตัว จับคู่ ? รักจังเลยกับ องค์กรและสถาบัน?
• ทำไมพ่อแม่ ชอบให้แต่งกับคนรวยๆ มีหน้าตาทางสังคม ?
• ทำไมเราๆอยากมีอิสระที่จะเลือกและเปลี่ยนคู่
ทั้งๆที่คนรุ่นก่อนอยู่กันยาวๆยันจากโลกนี้ไป ?
• ทำไมน้องๆ ลูกๆ ไม่ฟังเราเลยจะรักจะชอบใครไปหามาจากไหนทั้งๆที่ยังเรียนอยู่หรือพึ่งเรียนจบ?
• รุ่นหลานเหลนมันจะมีชีวิตคู่ไงนะ? เป็นห่วงจัง
• Sugar Daddy/Mommy มาจากไหน?
Gen Z ไปเลือกคบ Gen Y เกิดขึ้นได้ไง?
ทำไม Gen X รวยๆไปเลือกแต่งกับ Gen Y สวยๆหล่อๆ?
จากยุค การนัดดูตัว จนถึงยุค Sugar Daddy/Mommy
มาดูกัน….เกิดอะไรขึ้นกับความรักแต่ละยุค?
===================================
Traditionalist (2468-2488)
•
มุมมองความรัก: เจเนอเรชันนี้มองความรักว่าเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ความจงรักภักดี และการเสียสละ ประสบการณ์จากสงครามโลกครั้งที่สองทำให้พวกเขามีความมุ่งมั่นต่อครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ การแต่งงานมักถูกมองว่าเป็นคำมั่นสัญญาที่จะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต โดยให้ความสำคัญกับความจงรักภักดีและหน้าที่ต่อคู่สมรสและครอบครัว
•
ค่านิยมหลัก: การเสียสละ ความจงรักภักดี หน้าที่ และความมุ่งมั่น ความรักถูกมองว่าเป็นความไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งความต้องการส่วนตัวเป็นเรื่องรองจากความต้องการของครอบครัวและสังคม
Baby Boomers (2489-2507)
•
มุมมองความรัก: สำหรับเจเนอเรชันเบบี้บูมเมอร์ ความรักและความสัมพันธ์ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากค่านิยมครอบครัวหลังสงครามและความคาดหวังของสังคม การแต่งงานถูกมองว่าเป็นการรวมกันระหว่างครอบครัว ไม่ใช่แค่สองคนเท่านั้น เจเนอเรชันนี้ให้ความสำคัญกับความมั่นคงและความปลอดภัยในความสัมพันธ์ โดยมักให้ความสำคัญกับประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าความต้องการส่วนตัว
•
ค่านิยมหลัก: ความรับผิดชอบ ความมุ่งมั่น และหน้าที่ต่อครอบครัว ความรักมักถูกมองผ่านมุมมองของความรับผิดชอบและความจำเป็นในการรักษาความสมานฉันท์ในครอบครัว
Gen X (2508-2523)
•
มุมมองความรัก: เจเนอเรชัน X เติบโตมาในยุคที่การหย่าร้างกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ทำให้มีมุมมองที่เป็นจริงต่อความรัก เจเนอเรชันนี้มักให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงิน ความสำเร็จทางวิชาชีพ และปัจจัยในความสัมพันธ์ ความรักถูกมองว่าเป็นหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยในชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่จุดศูนย์กลาง
•
ค่านิยมหลัก: ความเป็นอิสระ ความเป็นจริง และความเหมาะสม ความสัมพันธ์ถูกพิจารณาในมุมของการสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายส่วนตัวและความรับผิดชอบต่อครอบครัว โดยมักพิจารณาถึงสถานะทางการเงินและสังคม
Gen Y (2524-2543)
•
มุมมองความรัก: เจเนอเรชัน Y หรือมิลเลนเนียลส์ ประสบกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นปัจเจกชนและการแสวงหาความสุขส่วนตัว ความรักกลายเป็นเรื่องของการเติมเต็มส่วนตัวและความผูกพันทางอารมณ์ มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนบทบาทและความคาดหวังแบบดั้งเดิม เจเนอเรชันนี้เปิดกว้างต่อการหาความรักที่สอดคล้องกับเป้าหมายส่วนตัวและความสุข แม้จะหมายถึงการเปลี่ยนคู่ครองก็ตาม
•
ค่านิยมหลัก: ปัจเจกนิยม ความสุข และความยืดหยุ่น ความรักถูกมองว่าเป็นการเดินทางที่พัฒนาไปเรื่อยๆ โดยที่ความพึงพอใจส่วนตัวมีความสำคัญที่สุด แม้จะหมายถึงการสำรวจความสัมพันธ์หลายครั้งก็ตาม
Gen Z (2544-2552)
•
มุมมองความรัก: เจเนอเรชัน Z เติบโตมาในโลกที่เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีดิจิทัลและมุมมองที่หลากหลาย พวกเขาให้ความสำคัญกับความแท้จริงและไม่มักปฏิบัติตามมาตรฐานแบบเดิม ความสัมพันธ์ถูกมองด้วยความสงสัยสูงเนื่องจากพวกเขามักตรวจสอบข้อมูลและตั้งคำถามต่อความเชื่อที่ตั้งไว้ พวกเขามักให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระและอาจให้ความสำคัญกับการค้นหาตัวเองมากกว่าความผูกพันแบบโรแมนติกแบบดั้งเดิม
•
ค่านิยมหลัก: ความแท้จริง ความเป็นอิสระ และการเปิดกว้างทางความคิด ความรักถูกมองว่าเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ และความสัมพันธ์มักจะเป็นเรื่องรองจากการเติบโตและการแสดงออกส่วนตัว
Gen Alpha (2552 - ปัจจุบัน)
•
มุมมองความรัก: เจเนอเรชัน Alpha เติบโตมาในยุคที่มี AI และเทคโนโลยีขั้นสูง มุมมองต่อความรักอาจได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการโต้ตอบเสมือนจริงและจินตนาการที่ไม่จำกัด พวกเขามักให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์และความพึงพอใจในทันที โดยมีความสัมพันธ์ที่อาจจะเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ดิจิทัล
•
ค่านิยมหลัก: นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการปรับตัว ความรักอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ผสมผสานกับความเป็นจริงเสมือนและประสบการณ์ดิจิทัลมากขึ้น โดยที่ขอบเขตและความคาดหวังแบบดั้งเดิมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
================================
มาถึงตรงนี้ พอเห็นภาพไหม ทำไมคนรอบตัวคิดแบบนั้น
ทีนี้มาโฟกัสที่
Sugar Daddy/Mommy มายังไง?
• Gen Z ตามหาการเติบโตและเป้าหมายเป็นที่ตั้ง หาความมั่นคงที่ชัดเจนจะส่งเสริมพวกเขาได้เร็ว
• Gen Y เน้นความพึงพอใจส่วนตัวสำคัญที่สุด
- ฉันอาจเพรียบพร้อมแล้ว ฉันก็มีสิทธิ์เลือกอะไรสดใหม่ด้วยตัวฉันเอง
- ฉันอาจยังต้องอัพสถานะทางสังคมมากกว่า ฉันสะดวกแบบนี้ถ้าคู่ฉันจะอายุมากกว่าแต่ฉันสบายกายและใจ
• Gen X เน้นสถานะและหน้าตาทางสังคม การมีไม้ประดับงามๆก็เหมือนการเสริมบารมีและคู่ควร
พอเห็นภาพไหมที่มาของ Sugar Daddy/Mommy/Baby รึยัง? มันมาจากค่านิยมที่ยืดหยุ่นขึ้นและสอดรับของแต่ละ Gen
เพื่อนๆคิดเห็นยังไงกันบ้าง?
มาแชร์กันตรงต่างกันอย่างไรกับสิ่งที่เจอ?
วิวัฒนาการของความรัก: จากยุคดูตัว จนถึง Sugar Daddy
• ทำไมอากง อาม่า มีวัฒนธรรมการดูตัว จับคู่ ? รักจังเลยกับ องค์กรและสถาบัน?
• ทำไมพ่อแม่ ชอบให้แต่งกับคนรวยๆ มีหน้าตาทางสังคม ?
• ทำไมเราๆอยากมีอิสระที่จะเลือกและเปลี่ยนคู่
ทั้งๆที่คนรุ่นก่อนอยู่กันยาวๆยันจากโลกนี้ไป ?
• ทำไมน้องๆ ลูกๆ ไม่ฟังเราเลยจะรักจะชอบใครไปหามาจากไหนทั้งๆที่ยังเรียนอยู่หรือพึ่งเรียนจบ?
• รุ่นหลานเหลนมันจะมีชีวิตคู่ไงนะ? เป็นห่วงจัง
• Sugar Daddy/Mommy มาจากไหน?
Gen Z ไปเลือกคบ Gen Y เกิดขึ้นได้ไง?
ทำไม Gen X รวยๆไปเลือกแต่งกับ Gen Y สวยๆหล่อๆ?
จากยุค การนัดดูตัว จนถึงยุค Sugar Daddy/Mommy
มาดูกัน….เกิดอะไรขึ้นกับความรักแต่ละยุค?
===================================
Traditionalist (2468-2488)
• มุมมองความรัก: เจเนอเรชันนี้มองความรักว่าเป็นเรื่องของความรับผิดชอบ ความจงรักภักดี และการเสียสละ ประสบการณ์จากสงครามโลกครั้งที่สองทำให้พวกเขามีความมุ่งมั่นต่อครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ การแต่งงานมักถูกมองว่าเป็นคำมั่นสัญญาที่จะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิต โดยให้ความสำคัญกับความจงรักภักดีและหน้าที่ต่อคู่สมรสและครอบครัว
• ค่านิยมหลัก: การเสียสละ ความจงรักภักดี หน้าที่ และความมุ่งมั่น ความรักถูกมองว่าเป็นความไม่เห็นแก่ตัว ซึ่งความต้องการส่วนตัวเป็นเรื่องรองจากความต้องการของครอบครัวและสังคม
Baby Boomers (2489-2507)
• มุมมองความรัก: สำหรับเจเนอเรชันเบบี้บูมเมอร์ ความรักและความสัมพันธ์ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากค่านิยมครอบครัวหลังสงครามและความคาดหวังของสังคม การแต่งงานถูกมองว่าเป็นการรวมกันระหว่างครอบครัว ไม่ใช่แค่สองคนเท่านั้น เจเนอเรชันนี้ให้ความสำคัญกับความมั่นคงและความปลอดภัยในความสัมพันธ์ โดยมักให้ความสำคัญกับประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าความต้องการส่วนตัว
• ค่านิยมหลัก: ความรับผิดชอบ ความมุ่งมั่น และหน้าที่ต่อครอบครัว ความรักมักถูกมองผ่านมุมมองของความรับผิดชอบและความจำเป็นในการรักษาความสมานฉันท์ในครอบครัว
Gen X (2508-2523)
• มุมมองความรัก: เจเนอเรชัน X เติบโตมาในยุคที่การหย่าร้างกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น ทำให้มีมุมมองที่เป็นจริงต่อความรัก เจเนอเรชันนี้มักให้ความสำคัญกับความมั่นคงทางการเงิน ความสำเร็จทางวิชาชีพ และปัจจัยในความสัมพันธ์ ความรักถูกมองว่าเป็นหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยในชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่จุดศูนย์กลาง
• ค่านิยมหลัก: ความเป็นอิสระ ความเป็นจริง และความเหมาะสม ความสัมพันธ์ถูกพิจารณาในมุมของการสร้างสมดุลระหว่างเป้าหมายส่วนตัวและความรับผิดชอบต่อครอบครัว โดยมักพิจารณาถึงสถานะทางการเงินและสังคม
Gen Y (2524-2543)
• มุมมองความรัก: เจเนอเรชัน Y หรือมิลเลนเนียลส์ ประสบกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่การเป็นปัจเจกชนและการแสวงหาความสุขส่วนตัว ความรักกลายเป็นเรื่องของการเติมเต็มส่วนตัวและความผูกพันทางอารมณ์ มีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการปรับเปลี่ยนบทบาทและความคาดหวังแบบดั้งเดิม เจเนอเรชันนี้เปิดกว้างต่อการหาความรักที่สอดคล้องกับเป้าหมายส่วนตัวและความสุข แม้จะหมายถึงการเปลี่ยนคู่ครองก็ตาม
• ค่านิยมหลัก: ปัจเจกนิยม ความสุข และความยืดหยุ่น ความรักถูกมองว่าเป็นการเดินทางที่พัฒนาไปเรื่อยๆ โดยที่ความพึงพอใจส่วนตัวมีความสำคัญที่สุด แม้จะหมายถึงการสำรวจความสัมพันธ์หลายครั้งก็ตาม
Gen Z (2544-2552)
• มุมมองความรัก: เจเนอเรชัน Z เติบโตมาในโลกที่เชื่อมต่อกับเทคโนโลยีดิจิทัลและมุมมองที่หลากหลาย พวกเขาให้ความสำคัญกับความแท้จริงและไม่มักปฏิบัติตามมาตรฐานแบบเดิม ความสัมพันธ์ถูกมองด้วยความสงสัยสูงเนื่องจากพวกเขามักตรวจสอบข้อมูลและตั้งคำถามต่อความเชื่อที่ตั้งไว้ พวกเขามักให้ความสำคัญกับความเป็นอิสระและอาจให้ความสำคัญกับการค้นหาตัวเองมากกว่าความผูกพันแบบโรแมนติกแบบดั้งเดิม
• ค่านิยมหลัก: ความแท้จริง ความเป็นอิสระ และการเปิดกว้างทางความคิด ความรักถูกมองว่าเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ และความสัมพันธ์มักจะเป็นเรื่องรองจากการเติบโตและการแสดงออกส่วนตัว
Gen Alpha (2552 - ปัจจุบัน)
• มุมมองความรัก: เจเนอเรชัน Alpha เติบโตมาในยุคที่มี AI และเทคโนโลยีขั้นสูง มุมมองต่อความรักอาจได้รับอิทธิพลอย่างมากจากการโต้ตอบเสมือนจริงและจินตนาการที่ไม่จำกัด พวกเขามักให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์และความพึงพอใจในทันที โดยมีความสัมพันธ์ที่อาจจะเปลี่ยนไปตามประสบการณ์ดิจิทัล
• ค่านิยมหลัก: นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และความสามารถในการปรับตัว ความรักอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ผสมผสานกับความเป็นจริงเสมือนและประสบการณ์ดิจิทัลมากขึ้น โดยที่ขอบเขตและความคาดหวังแบบดั้งเดิมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
================================
มาถึงตรงนี้ พอเห็นภาพไหม ทำไมคนรอบตัวคิดแบบนั้น
ทีนี้มาโฟกัสที่ Sugar Daddy/Mommy มายังไง?
• Gen Z ตามหาการเติบโตและเป้าหมายเป็นที่ตั้ง หาความมั่นคงที่ชัดเจนจะส่งเสริมพวกเขาได้เร็ว
• Gen Y เน้นความพึงพอใจส่วนตัวสำคัญที่สุด
- ฉันอาจเพรียบพร้อมแล้ว ฉันก็มีสิทธิ์เลือกอะไรสดใหม่ด้วยตัวฉันเอง
- ฉันอาจยังต้องอัพสถานะทางสังคมมากกว่า ฉันสะดวกแบบนี้ถ้าคู่ฉันจะอายุมากกว่าแต่ฉันสบายกายและใจ
• Gen X เน้นสถานะและหน้าตาทางสังคม การมีไม้ประดับงามๆก็เหมือนการเสริมบารมีและคู่ควร
พอเห็นภาพไหมที่มาของ Sugar Daddy/Mommy/Baby รึยัง? มันมาจากค่านิยมที่ยืดหยุ่นขึ้นและสอดรับของแต่ละ Gen
เพื่อนๆคิดเห็นยังไงกันบ้าง?
มาแชร์กันตรงต่างกันอย่างไรกับสิ่งที่เจอ?