คือเห็นหลายคนผิดหวังกับพรชีวันกัน (เราเองก็ด้วย) แต่มีเรื่องนึงในดวงใจเทวพรหม ที่เรารู้สึกว่ามันควรไปได้ไกลกว่านี้มากๆ คือดุจอัปสรค่ะ ก่อนละครออน มีหลายคนที่คิดไปแล้วว่ามันต้องดราม่าหนักมากแน่ๆ เลยเทกันไป ซึ่งอยากจะบอกเลยค่ะว่าดราม่าสุดจริง แต่สิ่งที่ได้เพิ่มเข้ามาคือความฟีลกู๊ดตามสไตล์ค่ายนี้ค่ะ ความอบอุ่นแบบคุณชายธราธรก็ยังไม่ทิ้งไปไหน หรือบางคนเห็นแค่คำตินิดๆหน่อยๆ ก็เลือกที่จะไม่ดู หรือหนักที่สุด บางคนเห็นคอมเม้นต์อคติจากชาวพันทิปบางคน ก็พาลไม่ดูเรื่องนี้ไปเลย ถ้าคุณเป็นคนที่เคยคิดแบบนี้ เราอยากให้ลองมาเปิดใจกับละครเรื่องนี้อีกสักครั้งค่ะ มันมีอะไรดีๆเยอะไปหมดที่คุณควรค่าแก่การรับชม นอกจากจะเป็นเรื่องที่ปิดปมจุฑาเทพ-เทวพรหมแล้ว ยังเป็นเรื่องที่มีวิไลรัมภาที่เราตามหากันมาตลอด และเคมีพระนางที่ทำเอาคนดูเขินกันไปหมด
ดุจอัปสรต้องยอมรับอย่างนึงว่าเป็นละครดีที่โปรโมทไม่ดี และออนแอร์ในจังหวะที่ไม่ค่อยดีด้วย แต่มันมาได้ถึงขนาดนี้ เรตติ้งก็ไม่แย่ ยอดดูออนไลน์ก็สูง กระแสก็ดี นับว่าประสบความสำเร็จมากแล้วค่ะ มันดังขึ้นมาได้ส่วนใหญ่เพราะคุณภาพของตัวมันเอง เคมีพระนางที่ดึงดูดให้คนมาดู และพลังของแฟนคลับที่ช่วยกันโปรโมท เพราะงั้น นี่คือเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดดุจอัปสรค่ะ
1. เป็นเรื่องที่ปิดปมพันธะสัญญาระหว่างจุฑาเทพ-เทวพรหม
ปมนี้ถูกปูมาตั้งแต่สุภาพบุรุษจุฑาเทพ จนมาถึงดวงใจเทวพรหม ซึ่ง Last boss ของซีรี่ส์ชุดนี้ ต้องแน่นอนอยู่แล้วว่าคือวิไลรัมภา ซึ่งเป็นตัวละครที่ถูกปูมาตลอด ตั้งแต่ลออจันทร์ที่ส่งจดหมายมาตั้งแต่อีพีแรก ขวัญฤทัยที่ยังตามหาต่อ ใจพิสุทธิ์ก็เกือบเจอแล้ว แต่ผิดคน... มาเรื่องนี้ นี่แหละค่ะตัวจริง
หลายคนอาจจะคิดว่า รัมภาส่งลูกมาแก้แค้น แค่ให้ไปหักอกลูกของคุณชายรณพีร์ แค่นี้เองเหรอ เราอยากจะบอกตรงนี้เลยค่ะว่า แก่นแท้ของละครเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่การแก้แค้นค่ะ แต่อยู่ที่อาการทางจิตและปมในใจของรัมภาต่างหาก ถ้าคุณสังเกตดูดีๆ นางเอกไม่ได้ตั้งใจมาแก้แค้นขนาดนั้น หลักๆคือทำไปเพื่อให้แม่ไปหาหมอ และอีกจุดประสงค์คือ เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีตกันแน่... ละครทำให้วิไลรัมภาดูมีมิติกว่าในนิยายซะอีก คุณแอนสิเรียมก็รับช่วงต่อบทวิไลรัมภาจากเอสเธอร์ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก เชื่อได้เลยทันทีว่าคนเดียวกัน เล่นได้จิตถึงใจ แล้วบางคนอาจจะสงสัย ว่าทำไมนางเอกมาแก้แค้นลูกของรณพีร์ แต่ทำไมพระเอกของเรื่องนี้คือลูกของคุณชายธราธร คำตอบมันไม่ใช่แค่ว่านักเขียนต้องการให้เป็นแบบนั้นหรอกนะคะ เราอยากให้คุณลองดูไปเรื่อยๆ คุณจะพอดูออกเอง ว่าทำไมฟ้าถึงต้องคู่กับคุณเพชรไม่ใช่คุณภูมิ แล้วฟ้าก็แก้แค้นจุฑาเทพสำเร็จโดยที่เธอไม่รู้ตัวไปแล้วค่ะ... ละครทำให้คุณเพชรดูเหมาะกับฟ้ามากกว่าในนิยายซะอีก อย่างแรกคือ คุณเพชรคือคนที่ทำให้ฟ้ากล้าเถียงแม่ กล้าตั้งคำถามแม่ว่าเรื่องที่ถูกฝังหัวมาตลอดมันจริงหรือไม่จริง คุณเพชรคือคนที่ทำให้ฟ้าเข้าใจว่าคำว่ารักคืออะไร ความเจ็บปวดจากความรักมันเป็นยังไง แค่นี้มันก็มากเพียงพอแล้วค่ะ
2. ดุจอัปสรเป็นละครที่หลายเสียงพูดตรงกันว่า บทดีมาก และปรับจากนิยายดีมาก เคารพบทประพันธ์
ต้องยอมรับเลยค่ะ ว่าคุณจ๋า ยศสินีและค่าย Maker Y ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องบทละคร ตั้งแต่เพลิงบุญ เขาวานให้หนูเป็นสายลับ หรือที่มาสเตอร์พีซที่สุดของค่ายนี้อย่างมาตาลดาที่กวาดรางวัลมาเพียบ รวมถึงละครแห่งปี เพราะงั้นเรื่องคุณภาพ ก็ไว้ใจค่ายนี้ได้อยู่แล้วค่ะ ตอนเราอ่านนิยายก็ยอมรับเลยว่าดุจอัปสรเป็นเรื่องที่ทำละครยากมาก เพราะถ้าทำไม่ถึง มันจะเป็นละครที่น้ำเน่าน่าเบื่อไปเลย แต่พอรู้ว่าเป็นคุณจ๋าทำ ก็ไว้ใจขึ้นมาทันที ซึ่งพอละครออกมาจริง มันดีกว่าที่คาดหวังไว้อีกค่ะ บทละครเขียนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม กลมกล่อม ในนิยายนางเอกคิดในใจเยอะมาก ซึ่งแน่นอนว่าละครมันไม่ใช่ตัวหนังสือ การจะสื่ออะไรแบบนี้ออกมามันยาก คนเขียนบทจึงใส่สิ่งที่เรียกว่าแสงมโนของนางเอกเข้ามา แล้วตีความเพิ่มว่า รัมภาเกลียดเพียงขวัญที่เป็นนักแสดง จึงห้ามลูกสาวไม่ให้ดูละคร ซึ่งฟ้าก็ดันชอบดูละคร แล้วเอาตัวรอดในสังคมและความกดดันจากครอบครัวด้วยการเล่นละคร ซึ่งทำตรงจุดนี้ออกมาได้ดี ไม่รู้สึกน่ารำคาญ แต่น่าค้นหาซะมากกว่า ทำให้เราสงสารนางเอกไปเลย ทีมงานถึงขั้นปรึกษาจิตแพทย์เพื่อเขียนบทและตีความวิไลรัมภากับดุจอัปสรออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งผลงานก็อย่างที่เราเห็นเลยค่ะ ว่ามันยอดเยี่ยม นอกจากนี้ บทละครยังปรับส่วนที่ในนิยายมันบ้งออกไป เช่น คำพูดของพระเอกที่ในนิยายบางฉากมันแรงมาก ถ้าละครทำแบบนี้ออกมา โดนด่าแน่ๆ ซึ่งเค้าก็ตัดออกหมด รวมถึงประเด็นเรื่องของชาลิสาที่โดนผู้ชายหลอก ที่ในนิยายคุณเพชรแก้ปัญหาด้วยการแต่งงานกับลิสาแล้วจบ เพื่อประชดนางเอกไปด้วยในตัว แต่ละคร ปรับเป็นให้ทุกคนปกป้องลิสาจากนักข่าว ด้วยการสื่อสารออกไปว่าลิสาไม่ผิด ลิสาเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ คนที่ทำต่างหากที่ต้องเป็นคนอับอาย เราชอบตรงจุดนี้มากจริงๆ คนเขียนบทตามทันสังคมสุดๆ ถึงเซตติ้งมันจะเป็นยุค 90 แต่ก็สามารถให้อะไรกับคนดูได้เช่นเดียวกัน และบทพูดต่างๆก็ฟังแล้วรู้สึกฮีลใจ เช่น คำพูดของอาพร คุณสุชาติ ที่ฟังแล้วรู้สึกดีชอบกล เช่น ฉากที่อาพรเฉลยเรื่องขนมจ่ามงกุฎ มันลึกซึ้งมากจริงๆค่ะ
และตัวละครเรื่องนี้มีมิติมาก ทุกคนมีความเป็นมนุษย์จริงๆ ต้องมีสักตัวละครแหละที่เราดูแล้วรู้สึกรีเลทกับตัวเอง และที่เราชอบเรื่องนี้มากจริงๆ คือพัฒนาการความสัมพันธ์พระนาง รู้สึกได้ว่าคุณเพชรคุณฟ้าเค้าเกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ อะไรจะเหมาะสมกันได้ปานนี้ คนนึงก็เป็นพี่คนโตที่ต้องแบกรับภาระมากมาย อีกคนก็ต้องแบกรับแม่ที่ป่วย เค้าทั้งสองคนจึงมีความเข้าใจกันและกัน เราชอบการพัฒนาความสัมพันธ์ของคู่นี้ที่สุดเลยค่ะ เริ่มจากความประทับใจ รักแรกพบ แต่อยู่มาวันนึง ก็ต้องมาเป็นเจ้านายลูกน้องกัน จีบกัน แต่ก็มีปัจจัยภายนอกเข้ามาทดสอบหัวใจว่าจะรักกันได้มั่นคงขนาดไหน มีช่วงที่ไม่เข้าใจกัน ไม่พูดกัน แต่สุดท้ายก็จูนเข้าหากันได้ พร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากัน เปิดรับอีกฝ่ายเข้ามาในชีวิต จนสุดท้ายก็ได้ลงเอยกัน เขาว่ากันว่า โลกนี้ไม่มีใครที่ดีที่สุดหรอกค่ะ อยู่ที่ว่าเราจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครสักคนได้รึเปล่า ซึ่งคุณเพชรคุณฟ้าก็แสดงให้เห็นแล้วจริงๆ เช่น ในวันที่คุณเพชรไม่เข้าใจว่าทำไมฟ้าต้องสนใจคำนินทาจนทะเลาะกัน สุดท้ายเขาก็ทำความเข้าใจเธอได้ในที่สุด ซึ่งมีอีกหลายเหตุการณ์เลยค่ะที่เรารู้สึกว่าสองคนนี้พยายามปรับตัวเข้าหากันตลอด ชีวิตจริงคนรักกันก็ต้องแบบนี้แหละค่ะ ไม่มีอะไรที่เพอร์เฟ็คไปซะหมด ต้องปรับตัวเท่านั่นถึงจะไปกันรอด ยิ่งดูคุณจะยิ่งเข้าใจว่า ดุจอัปสรโชคดีมากที่มีคุณอศิรเข้ามาในชีวิต
3. ฉากโรแมนติกทำถึงสุดๆ เคมีพีคมิ้นท์ดีมาก
ความโรแมนติก แน่นอนค่ะ ว่าดุจอัปสรทำถึง รู้สึกเขินตั้งแต่ฉากแรกเลยที่เค้าจ้องตากัน อีพีแรกๆมีคนบ่นว่าทำไมคู่นี้รุกกันแรงมาก รักกันเร็วมาก พอดูจนจบแล้วจะเข้าใจเองค่ะ ว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้น... อีพีแรกๆที่คุณภูมิยังไม่เข้ามาในความสัมพันธ์ เรารู้สึกชอบความชัดเจนของคุณเพชร พอคุณภูมิเข้ามาแล้ว เราก็ยังเข้าใจบริบทอยู่ดีว่าทำไมคุณเพชรต้องยอมถอย สุดท้ายมันก็เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละค่ะ เค้ารักผู้หญิงที่ชื่อดุจอัปสรจริงๆ
ถ้าให้พูดถึงฉากโรแมนติกของดุจอัปสร จะหาว่าอวยก็ได้ค่ะ เราเขินเรื่องนี้ที่สุดแล้ว ชอบตั้งแต่ฉากเปิดเรื่อง และฉากแนะนำตัวที่เป็นไวรัลไปทั่วยันศิลปินเกาหลี "ดุจอัปสรค่ะ" "อศิรครับ อศิร จุฑาเทพ" แล้วยิ่งดูเราจะยิ่งเขินกับเคมีของคู่นี้ เคยเห็นคอมเม้นท์นึงบอกว่า เคมีของพีคมิ้นท์เหมือนเจ้าหญิงเจ้าชาย เราเองก็รู้สึกแบบนั้นค่ะ มีหลายฉากมากที่เราชอบ โดยเฉพาะบทพูดของคุณเพชรในหลายๆซีน ที่เรารู้สึกอยากมีคุณเพชรเป็นของตัวเองเลย เค้าเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากคนนึง แล้วเคมีพีคมิ้นท์คือสุดจริงๆค่ะ แค่ยืนข้างกัน จ้องตากัน เราก็รู้สึกใจเต้นแรงได้ เคมีแบบนี้หายากนะคะ พอได้มาเล่นฉากโรแมนติกด้วยกัน ยิ่งอยากตะโกนออกมาดังๆเลยค่ะว่า "เหมาะสม!!!" นี่คือสี่ฉากที่เราคิดว่าเคมีแรงมากค่ะ ทั้งที่นี่แค่อีพีแรกๆ ลองดูค่ะ
ยิ่งดูคุณจะยิ่งตกหลุมรักพระนางคู่นี้ ตกหลุมรักเคมีของพีคมิ้นท์ แล้วทั้งสองคนก็แสดงออกมาได้สมบทบาท ไม่มีใครแบกใคร ทุกอย่างมันถึงได้ออกมาลงตัว ขอบคุณพี่จ๋าเลยค่ะที่แคสต์คู่นี้มา เค้าสองคนเหมาะสมกับบทอศิรและดุจอัปสรมาก นอกจากนั้นก็ฉากเลิฟซีน ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่พระนางจูบกันแบบ อู้ววว เขินมากกกก จูบดูดวิญญาณ 🤭
3. ภาพสวยมาก!!!
เรื่องนี้เราชมไปหลายรอบแล้วค่ะ เรื่องงานภาพต้องให้เค้าจริงๆ ทั้งเทคนิคการถ่ายภาพ การจัดแสง มุมกล้อง การเกรดสีภาพ มันดีทั้งหมด เหมือนได้ดูภาพยนต์เรื่องนึงเลย เทคนิคภาพของค่ายนี้ชื่นชมตั้งแต่เพลิงบุญแล้วค่ะ พอมาเรื่องนี้ยิ่งสุด ถ้าใครมี Netflix และทีวี 4K ก็ลองเปิดเรื่องนี้ดูค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง สมมติไม่สนใจเนื้อเรื่องเลย แค่นั่งดูภาพสวยๆพร้อมฟังเพลงเพราะๆประกอบฉาก ดูองค์ประกอบศิลป์ในแต่ละฉากที่เค้าหยอดๆเข้ามา ก็เพลินมากแล้วค่ะ ฉากที่เราเอามาให้ดูข้างบนก็คงได้เห็นกันแล้ว มีอีกฉากนึงที่เรารู้สึกว่างานภาพสวยมากจริงๆ คือฉากนี้ค่ะ...
การจัดแสงเริ่ดสุดๆ แล้วเค้าเลือกโลเคชั่นถ่ายทำได้ดี ทั้งฉากบ้านของนางเอกที่ดูอบอุ่น น่าค้นหา พอเป็นฉากในออฟฟิศ ก็ดูเข้ากับยุค 90 ที่ดูไม่ทันสมัยมากเกินไป แต่ก็ไม่ดูเก่ามากจนเกินไป การใช้มุมกล้องเล่าความรู้สึกของตัวละครก็ทำออกมาได้ดีมาก หลายๆฉากใช้มุมกล้องช่วยทำให้คนดูเข้าใจตัวละครได้มากขึ้น อย่างเช่นฉากนี้ ที่ฟ้าเข้ามาในบ้านของคุณชายรณพีร์ มุมกล้องก็แสดงให้เราเห็นถึงความสับสน ความอึดอัดของนางเอกจนทำให้เราคนดูรู้สึกอึดอัดตาม
นอกจากนั้น ยังเป็นเรื่องคอสตูมของตัวละครค่ะ กล้าพูดได้เลยว่าดุจอัปสรทำคอสตูมออกมาให้ทุกตัวละครดูดี แม้แต่ตัวละครรองก็สามารถทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมาได้ ไม่ต้องดรอปออร่าของตัวละครอื่นเพื่อให้พระนางดูเด่นขึ้นเหมือนบางเรื่อง คนที่จัดการเรื่องคอสตูมของดุจอัปสร คือคุณเก๋ คนที่เคยทำเรื่องคุณชายปวรรุจค่ะ ก็อย่างที่เห็นว่าเรื่องคอสตูมต้องให้เค้าเลย ดุจอัปสรดูสวยทุกซีน เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคมาก การแต่งหน้าตัวละครก็ด้วย ดูสวยหล่อกันหมด
ความจริงยังมีอีกหลายเหตุผลเลยค่ะที่เราอยากให้คุณเปิดใจดูดุจอัปสร เช่น นักแสดงที่เรากล้าพูดได้เลยว่าเล่นดีทุกคน การดำเนินเรื่องก็ไต่ระดับความพีคขึ้นเรื่อยๆจนมาระเบิดที่ตอนจบ ฉากปะทะกันของรัมภาและย่าอ่อนที่บอกเลยค่ะว่าสุด ความดีงามของเรื่องนี้กระทู้เดียวก็คงเล่าไม่หมด กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่ออวยอย่างเดียวนะคะ จุดประสงค์หลักของกระทู้นี้คืออยากให้คนที่ไม่เคยดูได้ลองเปิดใจ เราเห็นหลายคนแล้วค่ะที่ตอนละครออกอากาศไม่ได้ดูสด แต่พอเห็นกระแสปากต่อปากก็ไปตามดูแล้วปรากฎว่าชอบมาก เราอยากเห็นอะไรแบบนี้อีกเยอะๆค่ะ ที่เราพิมพ์มาทั้งหมด คุณจะไม่เชื่อเราเลยก็ได้ แต่อยากให้ลองเปิดใจดูจริงๆค่ะ ส่วนใครที่ดูแล้วชอบ แล้วอยากจะบอกอะไรให้คนที่ยังไม่ได้ดูเพิ่มเติม ก็คอมเม้นท์ได้เลยนะคะ อยากอ่านมากค่ะ เราเชื่อว่าในนี้มีคนอีกมากมายเลยค่ะที่ประทับใจดุจอัปสร มาแชร์กันค่ะ
ไหนๆดวงใจเทวพรหมก็เดินทางมาถึงตอนจบแล้ว อยากให้คนที่ไม่เคยดูดุจอัปสร มาลองเปิดใจกับเรื่องนี้ดูค่ะ
ดุจอัปสรต้องยอมรับอย่างนึงว่าเป็นละครดีที่โปรโมทไม่ดี และออนแอร์ในจังหวะที่ไม่ค่อยดีด้วย แต่มันมาได้ถึงขนาดนี้ เรตติ้งก็ไม่แย่ ยอดดูออนไลน์ก็สูง กระแสก็ดี นับว่าประสบความสำเร็จมากแล้วค่ะ มันดังขึ้นมาได้ส่วนใหญ่เพราะคุณภาพของตัวมันเอง เคมีพระนางที่ดึงดูดให้คนมาดู และพลังของแฟนคลับที่ช่วยกันโปรโมท เพราะงั้น นี่คือเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาดดุจอัปสรค่ะ
1. เป็นเรื่องที่ปิดปมพันธะสัญญาระหว่างจุฑาเทพ-เทวพรหม
ปมนี้ถูกปูมาตั้งแต่สุภาพบุรุษจุฑาเทพ จนมาถึงดวงใจเทวพรหม ซึ่ง Last boss ของซีรี่ส์ชุดนี้ ต้องแน่นอนอยู่แล้วว่าคือวิไลรัมภา ซึ่งเป็นตัวละครที่ถูกปูมาตลอด ตั้งแต่ลออจันทร์ที่ส่งจดหมายมาตั้งแต่อีพีแรก ขวัญฤทัยที่ยังตามหาต่อ ใจพิสุทธิ์ก็เกือบเจอแล้ว แต่ผิดคน... มาเรื่องนี้ นี่แหละค่ะตัวจริง
หลายคนอาจจะคิดว่า รัมภาส่งลูกมาแก้แค้น แค่ให้ไปหักอกลูกของคุณชายรณพีร์ แค่นี้เองเหรอ เราอยากจะบอกตรงนี้เลยค่ะว่า แก่นแท้ของละครเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่การแก้แค้นค่ะ แต่อยู่ที่อาการทางจิตและปมในใจของรัมภาต่างหาก ถ้าคุณสังเกตดูดีๆ นางเอกไม่ได้ตั้งใจมาแก้แค้นขนาดนั้น หลักๆคือทำไปเพื่อให้แม่ไปหาหมอ และอีกจุดประสงค์คือ เธออยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอดีตกันแน่... ละครทำให้วิไลรัมภาดูมีมิติกว่าในนิยายซะอีก คุณแอนสิเรียมก็รับช่วงต่อบทวิไลรัมภาจากเอสเธอร์ไว้ได้อย่างยอดเยี่ยมมาก เชื่อได้เลยทันทีว่าคนเดียวกัน เล่นได้จิตถึงใจ แล้วบางคนอาจจะสงสัย ว่าทำไมนางเอกมาแก้แค้นลูกของรณพีร์ แต่ทำไมพระเอกของเรื่องนี้คือลูกของคุณชายธราธร คำตอบมันไม่ใช่แค่ว่านักเขียนต้องการให้เป็นแบบนั้นหรอกนะคะ เราอยากให้คุณลองดูไปเรื่อยๆ คุณจะพอดูออกเอง ว่าทำไมฟ้าถึงต้องคู่กับคุณเพชรไม่ใช่คุณภูมิ แล้วฟ้าก็แก้แค้นจุฑาเทพสำเร็จโดยที่เธอไม่รู้ตัวไปแล้วค่ะ... ละครทำให้คุณเพชรดูเหมาะกับฟ้ามากกว่าในนิยายซะอีก อย่างแรกคือ คุณเพชรคือคนที่ทำให้ฟ้ากล้าเถียงแม่ กล้าตั้งคำถามแม่ว่าเรื่องที่ถูกฝังหัวมาตลอดมันจริงหรือไม่จริง คุณเพชรคือคนที่ทำให้ฟ้าเข้าใจว่าคำว่ารักคืออะไร ความเจ็บปวดจากความรักมันเป็นยังไง แค่นี้มันก็มากเพียงพอแล้วค่ะ
2. ดุจอัปสรเป็นละครที่หลายเสียงพูดตรงกันว่า บทดีมาก และปรับจากนิยายดีมาก เคารพบทประพันธ์
ต้องยอมรับเลยค่ะ ว่าคุณจ๋า ยศสินีและค่าย Maker Y ขึ้นชื่ออยู่แล้วเรื่องบทละคร ตั้งแต่เพลิงบุญ เขาวานให้หนูเป็นสายลับ หรือที่มาสเตอร์พีซที่สุดของค่ายนี้อย่างมาตาลดาที่กวาดรางวัลมาเพียบ รวมถึงละครแห่งปี เพราะงั้นเรื่องคุณภาพ ก็ไว้ใจค่ายนี้ได้อยู่แล้วค่ะ ตอนเราอ่านนิยายก็ยอมรับเลยว่าดุจอัปสรเป็นเรื่องที่ทำละครยากมาก เพราะถ้าทำไม่ถึง มันจะเป็นละครที่น้ำเน่าน่าเบื่อไปเลย แต่พอรู้ว่าเป็นคุณจ๋าทำ ก็ไว้ใจขึ้นมาทันที ซึ่งพอละครออกมาจริง มันดีกว่าที่คาดหวังไว้อีกค่ะ บทละครเขียนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม กลมกล่อม ในนิยายนางเอกคิดในใจเยอะมาก ซึ่งแน่นอนว่าละครมันไม่ใช่ตัวหนังสือ การจะสื่ออะไรแบบนี้ออกมามันยาก คนเขียนบทจึงใส่สิ่งที่เรียกว่าแสงมโนของนางเอกเข้ามา แล้วตีความเพิ่มว่า รัมภาเกลียดเพียงขวัญที่เป็นนักแสดง จึงห้ามลูกสาวไม่ให้ดูละคร ซึ่งฟ้าก็ดันชอบดูละคร แล้วเอาตัวรอดในสังคมและความกดดันจากครอบครัวด้วยการเล่นละคร ซึ่งทำตรงจุดนี้ออกมาได้ดี ไม่รู้สึกน่ารำคาญ แต่น่าค้นหาซะมากกว่า ทำให้เราสงสารนางเอกไปเลย ทีมงานถึงขั้นปรึกษาจิตแพทย์เพื่อเขียนบทและตีความวิไลรัมภากับดุจอัปสรออกมาได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งผลงานก็อย่างที่เราเห็นเลยค่ะ ว่ามันยอดเยี่ยม นอกจากนี้ บทละครยังปรับส่วนที่ในนิยายมันบ้งออกไป เช่น คำพูดของพระเอกที่ในนิยายบางฉากมันแรงมาก ถ้าละครทำแบบนี้ออกมา โดนด่าแน่ๆ ซึ่งเค้าก็ตัดออกหมด รวมถึงประเด็นเรื่องของชาลิสาที่โดนผู้ชายหลอก ที่ในนิยายคุณเพชรแก้ปัญหาด้วยการแต่งงานกับลิสาแล้วจบ เพื่อประชดนางเอกไปด้วยในตัว แต่ละคร ปรับเป็นให้ทุกคนปกป้องลิสาจากนักข่าว ด้วยการสื่อสารออกไปว่าลิสาไม่ผิด ลิสาเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ คนที่ทำต่างหากที่ต้องเป็นคนอับอาย เราชอบตรงจุดนี้มากจริงๆ คนเขียนบทตามทันสังคมสุดๆ ถึงเซตติ้งมันจะเป็นยุค 90 แต่ก็สามารถให้อะไรกับคนดูได้เช่นเดียวกัน และบทพูดต่างๆก็ฟังแล้วรู้สึกฮีลใจ เช่น คำพูดของอาพร คุณสุชาติ ที่ฟังแล้วรู้สึกดีชอบกล เช่น ฉากที่อาพรเฉลยเรื่องขนมจ่ามงกุฎ มันลึกซึ้งมากจริงๆค่ะ
และตัวละครเรื่องนี้มีมิติมาก ทุกคนมีความเป็นมนุษย์จริงๆ ต้องมีสักตัวละครแหละที่เราดูแล้วรู้สึกรีเลทกับตัวเอง และที่เราชอบเรื่องนี้มากจริงๆ คือพัฒนาการความสัมพันธ์พระนาง รู้สึกได้ว่าคุณเพชรคุณฟ้าเค้าเกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ อะไรจะเหมาะสมกันได้ปานนี้ คนนึงก็เป็นพี่คนโตที่ต้องแบกรับภาระมากมาย อีกคนก็ต้องแบกรับแม่ที่ป่วย เค้าทั้งสองคนจึงมีความเข้าใจกันและกัน เราชอบการพัฒนาความสัมพันธ์ของคู่นี้ที่สุดเลยค่ะ เริ่มจากความประทับใจ รักแรกพบ แต่อยู่มาวันนึง ก็ต้องมาเป็นเจ้านายลูกน้องกัน จีบกัน แต่ก็มีปัจจัยภายนอกเข้ามาทดสอบหัวใจว่าจะรักกันได้มั่นคงขนาดไหน มีช่วงที่ไม่เข้าใจกัน ไม่พูดกัน แต่สุดท้ายก็จูนเข้าหากันได้ พร้อมที่จะปรับตัวเข้าหากัน เปิดรับอีกฝ่ายเข้ามาในชีวิต จนสุดท้ายก็ได้ลงเอยกัน เขาว่ากันว่า โลกนี้ไม่มีใครที่ดีที่สุดหรอกค่ะ อยู่ที่ว่าเราจะเปลี่ยนตัวเองเพื่อใครสักคนได้รึเปล่า ซึ่งคุณเพชรคุณฟ้าก็แสดงให้เห็นแล้วจริงๆ เช่น ในวันที่คุณเพชรไม่เข้าใจว่าทำไมฟ้าต้องสนใจคำนินทาจนทะเลาะกัน สุดท้ายเขาก็ทำความเข้าใจเธอได้ในที่สุด ซึ่งมีอีกหลายเหตุการณ์เลยค่ะที่เรารู้สึกว่าสองคนนี้พยายามปรับตัวเข้าหากันตลอด ชีวิตจริงคนรักกันก็ต้องแบบนี้แหละค่ะ ไม่มีอะไรที่เพอร์เฟ็คไปซะหมด ต้องปรับตัวเท่านั่นถึงจะไปกันรอด ยิ่งดูคุณจะยิ่งเข้าใจว่า ดุจอัปสรโชคดีมากที่มีคุณอศิรเข้ามาในชีวิต
3. ฉากโรแมนติกทำถึงสุดๆ เคมีพีคมิ้นท์ดีมาก
ความโรแมนติก แน่นอนค่ะ ว่าดุจอัปสรทำถึง รู้สึกเขินตั้งแต่ฉากแรกเลยที่เค้าจ้องตากัน อีพีแรกๆมีคนบ่นว่าทำไมคู่นี้รุกกันแรงมาก รักกันเร็วมาก พอดูจนจบแล้วจะเข้าใจเองค่ะ ว่าทำไมเขาต้องทำแบบนั้น... อีพีแรกๆที่คุณภูมิยังไม่เข้ามาในความสัมพันธ์ เรารู้สึกชอบความชัดเจนของคุณเพชร พอคุณภูมิเข้ามาแล้ว เราก็ยังเข้าใจบริบทอยู่ดีว่าทำไมคุณเพชรต้องยอมถอย สุดท้ายมันก็เหตุผลเดียวเท่านั้นแหละค่ะ เค้ารักผู้หญิงที่ชื่อดุจอัปสรจริงๆ
ถ้าให้พูดถึงฉากโรแมนติกของดุจอัปสร จะหาว่าอวยก็ได้ค่ะ เราเขินเรื่องนี้ที่สุดแล้ว ชอบตั้งแต่ฉากเปิดเรื่อง และฉากแนะนำตัวที่เป็นไวรัลไปทั่วยันศิลปินเกาหลี "ดุจอัปสรค่ะ" "อศิรครับ อศิร จุฑาเทพ" แล้วยิ่งดูเราจะยิ่งเขินกับเคมีของคู่นี้ เคยเห็นคอมเม้นท์นึงบอกว่า เคมีของพีคมิ้นท์เหมือนเจ้าหญิงเจ้าชาย เราเองก็รู้สึกแบบนั้นค่ะ มีหลายฉากมากที่เราชอบ โดยเฉพาะบทพูดของคุณเพชรในหลายๆซีน ที่เรารู้สึกอยากมีคุณเพชรเป็นของตัวเองเลย เค้าเป็นผู้ชายที่อบอุ่นมากคนนึง แล้วเคมีพีคมิ้นท์คือสุดจริงๆค่ะ แค่ยืนข้างกัน จ้องตากัน เราก็รู้สึกใจเต้นแรงได้ เคมีแบบนี้หายากนะคะ พอได้มาเล่นฉากโรแมนติกด้วยกัน ยิ่งอยากตะโกนออกมาดังๆเลยค่ะว่า "เหมาะสม!!!" นี่คือสี่ฉากที่เราคิดว่าเคมีแรงมากค่ะ ทั้งที่นี่แค่อีพีแรกๆ ลองดูค่ะ
ยิ่งดูคุณจะยิ่งตกหลุมรักพระนางคู่นี้ ตกหลุมรักเคมีของพีคมิ้นท์ แล้วทั้งสองคนก็แสดงออกมาได้สมบทบาท ไม่มีใครแบกใคร ทุกอย่างมันถึงได้ออกมาลงตัว ขอบคุณพี่จ๋าเลยค่ะที่แคสต์คู่นี้มา เค้าสองคนเหมาะสมกับบทอศิรและดุจอัปสรมาก นอกจากนั้นก็ฉากเลิฟซีน ที่เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่พระนางจูบกันแบบ อู้ววว เขินมากกกก จูบดูดวิญญาณ 🤭
3. ภาพสวยมาก!!!
เรื่องนี้เราชมไปหลายรอบแล้วค่ะ เรื่องงานภาพต้องให้เค้าจริงๆ ทั้งเทคนิคการถ่ายภาพ การจัดแสง มุมกล้อง การเกรดสีภาพ มันดีทั้งหมด เหมือนได้ดูภาพยนต์เรื่องนึงเลย เทคนิคภาพของค่ายนี้ชื่นชมตั้งแต่เพลิงบุญแล้วค่ะ พอมาเรื่องนี้ยิ่งสุด ถ้าใครมี Netflix และทีวี 4K ก็ลองเปิดเรื่องนี้ดูค่ะ รับรองว่าไม่ผิดหวัง สมมติไม่สนใจเนื้อเรื่องเลย แค่นั่งดูภาพสวยๆพร้อมฟังเพลงเพราะๆประกอบฉาก ดูองค์ประกอบศิลป์ในแต่ละฉากที่เค้าหยอดๆเข้ามา ก็เพลินมากแล้วค่ะ ฉากที่เราเอามาให้ดูข้างบนก็คงได้เห็นกันแล้ว มีอีกฉากนึงที่เรารู้สึกว่างานภาพสวยมากจริงๆ คือฉากนี้ค่ะ...
การจัดแสงเริ่ดสุดๆ แล้วเค้าเลือกโลเคชั่นถ่ายทำได้ดี ทั้งฉากบ้านของนางเอกที่ดูอบอุ่น น่าค้นหา พอเป็นฉากในออฟฟิศ ก็ดูเข้ากับยุค 90 ที่ดูไม่ทันสมัยมากเกินไป แต่ก็ไม่ดูเก่ามากจนเกินไป การใช้มุมกล้องเล่าความรู้สึกของตัวละครก็ทำออกมาได้ดีมาก หลายๆฉากใช้มุมกล้องช่วยทำให้คนดูเข้าใจตัวละครได้มากขึ้น อย่างเช่นฉากนี้ ที่ฟ้าเข้ามาในบ้านของคุณชายรณพีร์ มุมกล้องก็แสดงให้เราเห็นถึงความสับสน ความอึดอัดของนางเอกจนทำให้เราคนดูรู้สึกอึดอัดตาม
นอกจากนั้น ยังเป็นเรื่องคอสตูมของตัวละครค่ะ กล้าพูดได้เลยว่าดุจอัปสรทำคอสตูมออกมาให้ทุกตัวละครดูดี แม้แต่ตัวละครรองก็สามารถทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมาได้ ไม่ต้องดรอปออร่าของตัวละครอื่นเพื่อให้พระนางดูเด่นขึ้นเหมือนบางเรื่อง คนที่จัดการเรื่องคอสตูมของดุจอัปสร คือคุณเก๋ คนที่เคยทำเรื่องคุณชายปวรรุจค่ะ ก็อย่างที่เห็นว่าเรื่องคอสตูมต้องให้เค้าเลย ดุจอัปสรดูสวยทุกซีน เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคมาก การแต่งหน้าตัวละครก็ด้วย ดูสวยหล่อกันหมด
ความจริงยังมีอีกหลายเหตุผลเลยค่ะที่เราอยากให้คุณเปิดใจดูดุจอัปสร เช่น นักแสดงที่เรากล้าพูดได้เลยว่าเล่นดีทุกคน การดำเนินเรื่องก็ไต่ระดับความพีคขึ้นเรื่อยๆจนมาระเบิดที่ตอนจบ ฉากปะทะกันของรัมภาและย่าอ่อนที่บอกเลยค่ะว่าสุด ความดีงามของเรื่องนี้กระทู้เดียวก็คงเล่าไม่หมด กระทู้นี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่ออวยอย่างเดียวนะคะ จุดประสงค์หลักของกระทู้นี้คืออยากให้คนที่ไม่เคยดูได้ลองเปิดใจ เราเห็นหลายคนแล้วค่ะที่ตอนละครออกอากาศไม่ได้ดูสด แต่พอเห็นกระแสปากต่อปากก็ไปตามดูแล้วปรากฎว่าชอบมาก เราอยากเห็นอะไรแบบนี้อีกเยอะๆค่ะ ที่เราพิมพ์มาทั้งหมด คุณจะไม่เชื่อเราเลยก็ได้ แต่อยากให้ลองเปิดใจดูจริงๆค่ะ ส่วนใครที่ดูแล้วชอบ แล้วอยากจะบอกอะไรให้คนที่ยังไม่ได้ดูเพิ่มเติม ก็คอมเม้นท์ได้เลยนะคะ อยากอ่านมากค่ะ เราเชื่อว่าในนี้มีคนอีกมากมายเลยค่ะที่ประทับใจดุจอัปสร มาแชร์กันค่ะ