ที่มาเขียนกระทู้ในวันนี้ ก็เพราะว่าอยากจะระบายความในใจในตอนเด็กๆ (เรื่องนี้มีความเซนซิทีฟ) ปัจจุบันผมอายุ14ย้อนไปเมื่อ8ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมอายุ6ขวบ พ่อแม่แยกทางกันเลย
ต้องมาอยู่กับแม่แล้วก็พ่อเลี้ยง แล้วก็ยายของพ่อเลี้ยง ตอนนั้นผมยังเด็กมาก เลยไม่รู้อะไรเป็นอะไร พ่อเลี้ยงของผมตอนนั้นดุมาก แล้วก็ยายด้วยครับ เป็นได้แค่ระบายของพวกเขา เราทั้งโดนด่าโดนใช้สาระพัด แต่ก็ต้องทนเพราะไม่มีที่ไปแล้ว(เพราะหนีไปไหนไม่ได้ต่างหาก) ตอนป.3ผมโดนครูทักว่าเทอเป็นโรคซึมเศร้ารึป่าว ที่ครูทักแบบนั้นก็เพราะว่าพ่อเลี้ยงและแม่เขียนใส่สมุดผลการเรียน ว่าผมเป็นคนเงียบๆชอบเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียว ตอนนั้นผมงงมากเพราะผมก็เป็นปกติของผมอยู่แล้ว ปกติผมเป็นคนสดใสร่าเริงเฮฮา แต่พอโตขึ้นกลับดูซึมๆไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา เพราะว่าผมโดนพ่อเลี้ยงและคนทางบ้านยายด่าใช้อะไรต่างๆนาๆ ผมเลยเป็นแบบนี้ จนกระทั่งตอนป.4 อาการก็เริ่มชัดขึ้น(โรคซึมเศร้า) ผมเริ่มร้องไห้เพราะโดนคำลบๆมากเกินไป เริ่มร้องไห้แบบไม่รู้สาเหตุ เวลาเป็นแบบนี้ผมรู้สึกหดหู่หนาวไปหมด ตอนอยู่ที่รร.ก็โดนคนทักว่าช่วงนี้ดูซึมๆเหม่อๆ แต่ผมก็ไม่ได้บอกใครเพราะว่า ผมเป็นคนที ไม่ชอบให้ใครมาช่วยเหลือผม แต่ผมเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นแบบไม่หวังอะไรจากเขา ช่วยเพราะเต็มใจนั้นแหละครับ ทุกๆวันที่กลับบ้านมาก็ต้องทำงานช่วยยายทำกับข้าวขาย ถึงจะไม่อยากทำแต่ก็ทำเวลาช่วยยาย เวลาทำอะไรผิดนิดหน่อยก็จะโดนด่าแบบเสียๆหายๆ ทั้งพ่อเลี้ยงและก็ยาย ผมทนมาเรื่อยๆและอาการก็หนักขินเรื่อยๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องอยู่กับการทรมาน มีครั้งนึงผมเคยคิดจะปิดชีพตัวเอง แต่ผมก็ต้องมาหยุดเพราะว่าผมคิดได้ว่ามันยังเร็วเกินไปที่ผมจะตุย ตอนป.6 ครูประจำชั้นของผม ก็สังเกตผมมานานแล้ว เลยมาคุยกับผมครูก็ถามว่าผมเป็นโรคซึมเศร้ารึป่าว ผมก็ตอบครูไปวาผมไม่ทราบเหมือนกันครับ ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาของผมไหลออกจากเบ้าตา แล้วผมก็รู้สึกเศร้าและหดหู่มากตอนนั้นมันทรมานมาก ครูบอกผมว่าไปหาหมอมั้ยให้หมอมั้ย แต่ผมกลับตอบกลับไปว่าไม่ไปครับ เพราะผมไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ถึงผมจะไม่ไหวแล้วก็เถอะ แต่ผมก็โชคดีที่มีเพื่อนกลุ่มนึงที่พวกเราเริ่มสนิทกันมาๆเรื่อย กลุ่มนั้นมีทั่งผช.และผญ. หลังจากที่คุยกับครูเสร็จเพื่อนกลุ่มนั้นก็้เข้ามาปลอบผมด้วยความเป็นห่วง ตอนนั้นผมไม่อยากมีเพื่อนเลยก็ตาม แต่ก็อาการโรคซึมเศร้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกลุ่มผมจบป.6 ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต บางคนก็อยู่รร เก่า บางคนก็อยู่ย้ายไปรร.ใหม่ หนึ่งในนั้นก็มีผม ผมมีปมในใจมาตลอดก็คือ เวลาดูหนังแล้วพ่อแม่เลิกกันหย่าร้างกัน น้ำตาของผมมักจะไหลออกมาแบบผมไม่รู้ตัวเลย กระทู้ในวันนี้คือความในใจของผม และอีกอย่างก่อนที่ผมจะไป อยากฝากพ่อแม่ทุกๆบ้าน ว่าผมอยากให้พ่อๆแม่ๆว่า เวลาทำงานมาเหนื่อยๆหรือว่าเจออะไรมาอย่ามาลงที่คนเป็นเด็ก เพราะมันจะทำให้เด็กคนนึงเสียสุขภาพจิต เด็กนะครับไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ บางทีเหตุผลสำคัญกว่าอารมณ์ชั่วลูบนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะครับ ใครแล้วสับสนผมต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย🙏🙏
ความในใจตอนวัยเด็ก
ต้องมาอยู่กับแม่แล้วก็พ่อเลี้ยง แล้วก็ยายของพ่อเลี้ยง ตอนนั้นผมยังเด็กมาก เลยไม่รู้อะไรเป็นอะไร พ่อเลี้ยงของผมตอนนั้นดุมาก แล้วก็ยายด้วยครับ เป็นได้แค่ระบายของพวกเขา เราทั้งโดนด่าโดนใช้สาระพัด แต่ก็ต้องทนเพราะไม่มีที่ไปแล้ว(เพราะหนีไปไหนไม่ได้ต่างหาก) ตอนป.3ผมโดนครูทักว่าเทอเป็นโรคซึมเศร้ารึป่าว ที่ครูทักแบบนั้นก็เพราะว่าพ่อเลี้ยงและแม่เขียนใส่สมุดผลการเรียน ว่าผมเป็นคนเงียบๆชอบเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียว ตอนนั้นผมงงมากเพราะผมก็เป็นปกติของผมอยู่แล้ว ปกติผมเป็นคนสดใสร่าเริงเฮฮา แต่พอโตขึ้นกลับดูซึมๆไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา เพราะว่าผมโดนพ่อเลี้ยงและคนทางบ้านยายด่าใช้อะไรต่างๆนาๆ ผมเลยเป็นแบบนี้ จนกระทั่งตอนป.4 อาการก็เริ่มชัดขึ้น(โรคซึมเศร้า) ผมเริ่มร้องไห้เพราะโดนคำลบๆมากเกินไป เริ่มร้องไห้แบบไม่รู้สาเหตุ เวลาเป็นแบบนี้ผมรู้สึกหดหู่หนาวไปหมด ตอนอยู่ที่รร.ก็โดนคนทักว่าช่วงนี้ดูซึมๆเหม่อๆ แต่ผมก็ไม่ได้บอกใครเพราะว่า ผมเป็นคนที ไม่ชอบให้ใครมาช่วยเหลือผม แต่ผมเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นแบบไม่หวังอะไรจากเขา ช่วยเพราะเต็มใจนั้นแหละครับ ทุกๆวันที่กลับบ้านมาก็ต้องทำงานช่วยยายทำกับข้าวขาย ถึงจะไม่อยากทำแต่ก็ทำเวลาช่วยยาย เวลาทำอะไรผิดนิดหน่อยก็จะโดนด่าแบบเสียๆหายๆ ทั้งพ่อเลี้ยงและก็ยาย ผมทนมาเรื่อยๆและอาการก็หนักขินเรื่อยๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ต้องอยู่กับการทรมาน มีครั้งนึงผมเคยคิดจะปิดชีพตัวเอง แต่ผมก็ต้องมาหยุดเพราะว่าผมคิดได้ว่ามันยังเร็วเกินไปที่ผมจะตุย ตอนป.6 ครูประจำชั้นของผม ก็สังเกตผมมานานแล้ว เลยมาคุยกับผมครูก็ถามว่าผมเป็นโรคซึมเศร้ารึป่าว ผมก็ตอบครูไปวาผมไม่ทราบเหมือนกันครับ ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำตาของผมไหลออกจากเบ้าตา แล้วผมก็รู้สึกเศร้าและหดหู่มากตอนนั้นมันทรมานมาก ครูบอกผมว่าไปหาหมอมั้ยให้หมอมั้ย แต่ผมกลับตอบกลับไปว่าไม่ไปครับ เพราะผมไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ถึงผมจะไม่ไหวแล้วก็เถอะ แต่ผมก็โชคดีที่มีเพื่อนกลุ่มนึงที่พวกเราเริ่มสนิทกันมาๆเรื่อย กลุ่มนั้นมีทั่งผช.และผญ. หลังจากที่คุยกับครูเสร็จเพื่อนกลุ่มนั้นก็้เข้ามาปลอบผมด้วยความเป็นห่วง ตอนนั้นผมไม่อยากมีเพื่อนเลยก็ตาม แต่ก็อาการโรคซึมเศร้าก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนกลุ่มผมจบป.6 ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต บางคนก็อยู่รร เก่า บางคนก็อยู่ย้ายไปรร.ใหม่ หนึ่งในนั้นก็มีผม ผมมีปมในใจมาตลอดก็คือ เวลาดูหนังแล้วพ่อแม่เลิกกันหย่าร้างกัน น้ำตาของผมมักจะไหลออกมาแบบผมไม่รู้ตัวเลย กระทู้ในวันนี้คือความในใจของผม และอีกอย่างก่อนที่ผมจะไป อยากฝากพ่อแม่ทุกๆบ้าน ว่าผมอยากให้พ่อๆแม่ๆว่า เวลาทำงานมาเหนื่อยๆหรือว่าเจออะไรมาอย่ามาลงที่คนเป็นเด็ก เพราะมันจะทำให้เด็กคนนึงเสียสุขภาพจิต เด็กนะครับไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ บางทีเหตุผลสำคัญกว่าอารมณ์ชั่วลูบนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้นะครับ ใครแล้วสับสนผมต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย🙏🙏