โดนแจ้งข้อหาฉ้อโกง

กระทู้คำถาม
รบกวนปรึกษาค่ะ 
พ่อได้ให้คนเช่าที่ปลูกขิงในราคา6500บาทถ้วน(เงินสด) ไม่มีสัญญาเช่าเป็นลายลักษ์อักษร ตกลงปากเปล่า  ที่ดินของพ่อไม่มีเอกสารสิทธิ์  เป็นที่ทำกินมานานนับ10ปีเป็นพื้นที่บนดอยค่ะ  ต่อมาทางผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งยังลูกบ้านว่า ปีนี้ห้ามปลูกห้ามเผ่า หากมีการฝ่าฝืน จะมีโทษ พ่อได้แจ้งทางคนเช่า คนเช่าแจ้งว่า ไม่เป็นไร ทำนิดหน่อยเอง หากเกิดอะไรขึ้น ทางคนเช่าจะเป็นคน รับผิดชอบทุกอย่างพอคนเช่าปลูกขิงได้1เดือน  ลุงพี่ชายของพ่อได้บอกกับพ่อว่า  ให้ไปทำลายขิงของคนเช่าเสีย ถ้าจับคนปลูกไม่ได้ ป่าไม้จะมาจับเจ้าของที่  ด้วยความกลัวโดนจับ พ่อจึงได้เอารถไถ่ ไปไถ่ขิงเสียหายไปครึ่งหนึ่ง คนเช่ามาเจอพอดี จึงไปแจ้งความจับพ่อ และคนเช่าก็โดนตำตรวจจับให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้  คนเช่าเรียกค่าเสียหายหลักแสน ที่พ่อไถ่ขิงทิ้ง พ่อต่อรองตกลงจบกันที่60000บาท ที่โรงพักใกล้บ้านเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พ่อก็คิดว่าเรื่องจะจบ จู่ๆเมื่อวาน มีตำตรวจเอาหมายมาให้ที่บ้าน คนเช่าแจ้งจับพ่อข้อหาฉ้อโกงค่ะ หมายเรียกให้ไปพบพนักงานวันที่31/8/67ค่ะ  คนเช่าแจ้งความรอบ2เพราะคนเช่าโดนคดีบุกรุกป่าสงวน ตอนขึ้นศาลอาจจะทำให้เสียทรัพย์  แล้วจะมาเรียกกับพ่ออีกที คือกลับคำพูดที่ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นหลังจากปลูกขิงจะรับผิดชอบเองทั้งหมดค่ะ และยังให้การว่าเช่าที่พ่อ7000บาททั้งที่ความจริงเช่า6500บาท
1.อยากทราบว่า การกระทำของพ่อ เข้าข่ายฉ้อโกงไหมคะ
2.ถ้าเราไปตามหมายเรียก ตำตรวจจะสอบอะไรเราบ้างคะ เราต้องเอาหลักฐานอะไรไปบ้างคะแล้วเราควรให้การอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเรามากที่สุดตัวเอง 
3.เมื่อเราไปตามหมายเรียกครั้งที่1 ตำตรวจจะส่งฟ้องศาลเลยไหมคะ อยากทราบว่า ถ้าไปตามหมายเรียกแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร
4.ถ้าต้องขึ้นศาลจริงๆๆ ทางพ่อจำเป็นต้องมีทนายไหมค่ะ ถ้าเราไม่มีเงินจ้างทนาย แก้ต่างไม่ได้จะติดคุกไหมคะ  เท่าที่หาข้อมูลคดีฉ้อโกงเป็นคดีอาญา กลัวพ่อติดคุกค่ะ 
5.ตามหมายเรียก มีข้อความหนึ่งว่า **ได้ถามคนให้เช่าแล้วว่า ที่ให้เช่ามีเอกสารสิทธิ์หรือไม่**
ถามพ่อแล้ว คนเช่าไม่ได้ถามค่ะ ถามแค่ว่า
มีที่ให้เช่าไหม  แบบนี้เข้าข่ายแจ้งความเท็จไหม
พ่อสามารถแจ้งความกลับได้ไหมคะ
6.ในหมายเรียกแจ้งค่าเสียหายมา3แสนกว่าบาท
พ่อต้องจ่ายตามนั้นไหมคะ  รบกวนปรึกษาค่ะ
พ่อได้ให้คนเช่าที่ปลูกขิงในราคา7000บาทถ้วน(เงินสด) ไม่มีสัญญาเช่าเป็นลายลักษ์อักษร ตกลงปากเปล่า  ที่ดินของพ่อไม่มีเอกสารสิทธิ์  เป็นที่ทำกินมานานนับ10ปีเป็นพื้นที่บนดอยค่ะ  ต่อมาทางผู้ใหญ่บ้านได้แจ้งยังลูกบ้านว่า ปีนี้ห้ามปลูกห้ามเผ่า หากมีการฝ่าฝืน จะมีโทษ พ่อได้แจ้งทางคนเช่า คนเช่าแจ้งว่า ไม่เป็นไร ทำนิดหน่อยเอง หากเกิดอะไรขึ้น ทางคนเช่าจะเป็นคน รับผิดชอบทุกอย่างพอคนเช่าปลูกปลูกขิงได้1เดือน  ลุงพี่ชายของพ่อได้บอกกับพ่อว่า  ให้ไปทำลายขิงของคนเช่าเสีย ถ้าจับคนปลูกไม่ได้ ป่าไม้จะมาจับเจ้าของที่  ด้วยความกลัวโดนจับ พ่อจึงได้เอารถไถ่ ไปไถ่ขิงเสียหายไปครึ่งหนึ่ง คนเช่ามาเจอพอดี จึงไปแจ้งความจับพ่อ และคนเช่าก็โดนตำตรวจจับให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้  คนเช่าเรียกค่าเสียหายหลักแสน ที่พ่อไถ่ขิงทิ้ง พ่อต่อรองตกลงจบกันที่60000บาท ที่โรงพักใกล้บ้านเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พ่อก็คิดว่าเรื่องจะจบ จู่ๆเมื่อวาน มีตำตรวจเอาหมายมาให้ที่บ้าน คนเช่าแจ้งจับพ่อข้อหาฉ้อโกงค่ะ หมายเรียกให้ไปพบพนักงานวันที่31/8/67ค่ะ  เพิ่มเติม หมายเรียกนี้น่าจะมาจากการที่คนเช่าแจ้งความรอบ2เพราะคนเช่าโดนคดีบุกรุกป่าสงวน ตอนขึ้นศาลอาจจะทำให้เสียทรัพย์  แล้วจะมาเรียกกับพ่ออีกที คือกลับคำพูดที่ว่า ถ้าเกิดอะไรขึ้นหลังจากปลูกขิงจะรับผิดชอบเองทั้งหมดค่ะ
1.อยากทราบว่า การกระทำของพ่อ เข้าข่ายฉ้อโกงไหมคะ
2.ถ้าเราไปตามหมายเรียก ตำตรวจจะสอบอะไรเราบ้างคะ เราต้องเอาหลักฐานอะไรไปบ้างคะแล้วเราควรให้การอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อเรามากที่สุดตัวเอง
3.เมื่อเราไปตามหมายเรียกครั้งที่1 ตำตรวจจะส่งฟ้องศาลเลยไหมคะ อยากทราบว่า ถ้าไปตามหมายเรียกแล้ว หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร
4.ถ้าต้องขึ้นศาลจริงๆๆ ทางพ่อจำเป็นต้องมีทนายไหมค่ะ เท่าที่หาข้อมูลคดีฉ้อโกงเป็นคดีอาญา กลัวพ่อติดคุกค่ะ
5.ตามหมายเรียก มีข้อความหนึ่งว่า **ได้ถามคนให้เช่าแล้วว่า ที่ให้เช่ามีเอกสารสิทธิ์หรือไม่**
ถามพ่อแล้ว คนเช่าไม่ได้ถามค่ะ ถามแค่ว่า
มีที่ให้เช่าไหม  แบบนี้เข้าข่ายแจ้งความเท็จไหม
พ่อสามารถแจ้งความกลับได้ไหมคะ
6.ในหมายเรียกแจ้งค่าเสียหายมา3แสนกว่าบาท
พ่อต้องจ่ายตามนั้นไหมคะ  
ช่วยเมตตาชี้แนะหน่อยนะคะ สงสารพ่อมาก
เครียดกันทั้งครอบ
ครัวเลยค่ะ  ขอบคุณมากค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่