ใครเคยโดนทำร้ายมาทั้งกายและใจ แต่ยังเห็นคนที่ทำไม่ดีกับเรายังมีชีวิตที่ดี มีความสุขมากกว่าเราบ้างไหมครับ ? สมมติเวรกรรมมีจริงแล้วเขาได้รับผลกรรมตอนก่อนใกล้ตาย 1 วัน มันสมควรแล้วหรอกับสิ่งที่เขาทำร้ายเรามาเป็น 10 กว่าปี บางคนโดนทำร้ายให้ชีวิตพังต้องทนทุกข์กับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็น 10-20 ปี แต่คนทำได้รับผลกรรมแค่ไม่กี่วันหรือไม่กี่ปี เคยได้ยินว่ากฎแห่งกรรมยุติธรรมเสมอ แต่บางครั้งเจอแบบนี้มันยุติธรรมตรงไหน ถ้ายุติธรรมเราเจออะไรมา เขาก็ต้องเจอแบบเดียวกันได้รับผลกรรมที่เท่ากันสิ ไม่ใช่หรอ ?
.
บางคนถึงขั้นเสียชีวิตไปแล้วแต่คนที่ทำยังนอนชิว ๆ ใช้ชีวิตสบายจนแก่เฒ่าตายไปตามธรรมชาติ งานศพก็มีคนเทิดทูน จัดงานให้อลังการ แต่กับคนที่โดนแม้แต่เงินซื้อโลงศพให้ตัวเองยังไม่มี เนี้ยหรอยุติธรรม ?
.
แล้วสมมติถ้าเวรกรรมมีจริง ๆ พวกนักวิทยาศาสตร์ก็ต้องตกนรกแล้วจริงไหม เพราะเขาได้เอาสิ่งมีชีวิตมาทำการทดลอง ไม่ว่าจะเป็น หนู กระต่าย แบคทีเรียต่าง ๆ เป็นแสนๆ ล้านๆ ชีวิตมาทำเพื่อวิจัยในการสร้างยาต่าง ๆ หรือ แม้กระทั่งเจ้าของฟาร์มสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย เขาทำธุรกิจพวกนี้ไม่ยิ่งบาปหนาเลยหรอ แต่ทุกวันนี้เขาได้รับผลกรรมอะไรหรอ ก็ไม่เห็นรวยเอารวยเอา มีกินมีใช้ ใช้ชีวิตสุขสบายทั้งตระกูลอยู่
.
เคยได้ยินนะว่าต่อให้ทำบุญมากมายขนาดไหนก็มาลบกับบาปที่ก่อไม่ได้ หรือว่าจริง ๆ แล้วการที่พูดเรื่องเวรกรรมนี้เพื่อที่จะทำให้ชนชั้นกลางไม่กล้าที่จะเติบโตไปเป็นชนชั้นคนรวย
.
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ คนที่รวยจริง ๆ แทบทุกคนผิดศีลหมด แต่อาจจะใช้คำที่มันสวยหรูเพื่อทำให้มันดูเหมือนไม่ผิด เช่น การโกหกเพื่อหวังเอากำไร ก็เปลี่ยนไปเป็นบอกว่ามันคือการใช้เทคนิคการปิดการขายแทน การใช้คำที่เลี่ยงบาลีหรือพูดกำกวมไม่ชัดเจน มันก็แทบจะไม่ต่างจากการพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว เคยเห็นเจ้าของธุรกิจคนไหนที่บอกตรง ๆ กับคู่ค้าหรือลูกค้าไหมว่า สินค้านี้ต้นทุนเท่าไร แล้วที่เรามาขายเท่าไร เราได้กำไรเท่าไร ไม่มีหรอกจริงไหมครับ นี้ก็ผิดศีลข้อที่ 4 (ศีลข้อที่ 4 มุสาวาทาเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการพูดปดงดเท็จ พูดจาโกหก พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย)
.
หรืออย่างการไปประชุมกันระดับผู้บริหารระดับสูง ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาไปสถานที่บันเทิงแบบไหนก็น่าจะรู้กันนะครับ ก็มีทั้งการดื่มสุรา การเรียกสาวมาเอ็นเตอร์เทน บางคนมีลูกมีเมียหมดแล้วแต่ก็ยังต้องทำแบบนี้ ซึ่งบางคนหนักเลยถึงขั้นไปต่อมีอะไรกันกับสาวเอ็นเตอร์เทน ผมว่าใครๆก็น่าจะรู้นะว่ามันมีแบบนี้จริง ๆ (ผิดศีลข้อ 3 และ 5) แต่กับยังรวยเอารวยเอา มีเงินใช้จ่ายไม่ขาด
.
แต่กลับกันเราจะเห็นคนส่วนใหญ่ที่ยังมีฐานะจน (อันนี้ไม่ได้ดูถูกใครนะครับ) คนกวาดถนน แม่บ้าน รปภ. นิสัยดีมาก ๆ บางคนไม่ดื่มไม่เที่ยวอะไรเลย แต่ยังกลับมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงชีพตนเองเลย ขยันทำงานทุกวันตั้งแต่ตี 4 ตี 5 บางคนเลิกงานก็เที่ยงคืนกว่าละ ทำแต่งานไม่ได้เที่ยวไม่ได้ทำตัวผิดศีลอะไรเลย กลับจนเอาจนเอา
.
แล้วแบบนี้เวรกรรมมันมีจริงหรือเปล่า ? ทำไมผู้คนที่ทำผิดศีลมีชีวิตที่สุขสบายมากมายบนโลกนี้แต่คนที่ปฏิบัติตัวดีกับต้องทุกข์ทนได้แต่อดทนต่อโลกใบนี้ละครับ
.
แล้วถ้าสมมติมีคนบอกว่าก็ชาติหน้าคนที่ผิดศีลก็จะไม่ได้มีชีวิตที่ดีแล้วไงละ แต่คนที่ทำดีชาตินี้ไปชาติหน้าก็จะมีชีวิตที่ดีเองนั้นแหละ
.
มีอะไรพิสูจน์ได้ไหมว่าชาติหน้ามีจริง ถ้าเกิดไม่มีชาติหน้าเท่ากับว่าเราทำเสียเปล่าเลยนะ
.
นอกประเด็นนิดหนึ่งนะครับ ผมมีความสงสัยว่าถ้าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง ทำไมประชากรถึงไม่สมดุลละ ทำไมทุกวันนี้ประชากรมีแต่ลดลงเรื่อย ๆ สังเกตได้จากประชากรในประเทศไทยเลยมีอัตราการเกิดน้อยลง จนจะเป็นสังคมผู้สูงอายุแทนแล้ว (แทบทั้งโลกเป็นแบบนี้) แล้วสิ่งมีชีวิตอย่างพวกไก่ หมู หรือ ปลา ถ้ามันเวียนว่ายตายเกิดทำไมโรงงานถึงสามารถเร่งการผลิตออกมาให้ได้เยอะ ๆ ทั้งที่ตามความเชื่อในการเวียนว่ายตายเกิดจะต้องเป็นตามสมการนี้สิครับ คือ คนเกิดมา 1 คน แล้วคนตายไป 1 คนก็ต้องเท่ากับ 0 แต่ทุกวันนี้ประชากรโลกติดลบนะครับ แล้วที่เหลือมันหายไปไหน ?
.
กลับเข้าเรื่องต่อครับ สรุปเวรกรรมนี้จะเกิดขึ้นกับคนที่ฐานะยากจนมากกว่าคนที่ฐานะร่ำรวยใช่ไหมครับ เพราะต่อให้คนรวยจะทำผิดศีลมากมายแค่ไหน (ยิ่งศีลข้อ 5 นี้น่าจะหนักสุดเลยเท่าที่ผมสัมผัสมา) ชีวิตพวกเขาก็ยังอยู่ดีมีสุข แต่กลับกันคนฐานะจนต่อให้ทำบุญทำดีแค่ไหนก็ไม่สามารถมีกินมีใช้ได้เลยหรอครับ ? ไม่ต้องบอกว่าให้ขยันนะครับคนจนขยันกว่าคนรวย 10 เท่า แค่เขาไม่ได้ใช้การทำผิดที่เรียกว่าเทคนิคต่าง ๆ นั้น (ซึ่งก็คือการเอาเปรียบนั้นแหละ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่มากก็น้อย)
.
มีใครกล้าปฏิเสธไหมครับว่าคนที่รวยจริง ๆจะไม่พูดเท็จเลย พูดแต่ความจริงโกหกไม่ได้เลยสักนิด ลูกค้าถามอะไรมาตอบตรงชัดเจนเลย ต้นทุนมาบวกกำไรเท่านั้นนี้บอกชัดเจนเลยจนมาเป็นราคาที่ลูกค้าจะต้องจ่ายจริง บอกแบบนี้ทุกครั้งที่ลูกค้าถามรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ ชี้แจ้งชัดเจน ผมว่าบนโลกนี้ไม่มีหรอก
.
ตกลงเวรกรรมมีจริงใช่ไหม แล้วจะมาในรูปแบบไหน ขอคนที่ช่วยอธิบายให้มันเข้าใจได้ชัดเจน ไม่ใช่แบบเดี๋ยวก็เกิดขึ้นเอง เดี๋ยวก็รอดูในอนาคตก็จะได้รับผลกรรมเองไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า คำตอบแบบนี้ไม่เอานะครับ
ทำไมเวรกรรมถึงทำงานช้าจัง ?
.
บางคนถึงขั้นเสียชีวิตไปแล้วแต่คนที่ทำยังนอนชิว ๆ ใช้ชีวิตสบายจนแก่เฒ่าตายไปตามธรรมชาติ งานศพก็มีคนเทิดทูน จัดงานให้อลังการ แต่กับคนที่โดนแม้แต่เงินซื้อโลงศพให้ตัวเองยังไม่มี เนี้ยหรอยุติธรรม ?
.
แล้วสมมติถ้าเวรกรรมมีจริง ๆ พวกนักวิทยาศาสตร์ก็ต้องตกนรกแล้วจริงไหม เพราะเขาได้เอาสิ่งมีชีวิตมาทำการทดลอง ไม่ว่าจะเป็น หนู กระต่าย แบคทีเรียต่าง ๆ เป็นแสนๆ ล้านๆ ชีวิตมาทำเพื่อวิจัยในการสร้างยาต่าง ๆ หรือ แม้กระทั่งเจ้าของฟาร์มสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในไทย เขาทำธุรกิจพวกนี้ไม่ยิ่งบาปหนาเลยหรอ แต่ทุกวันนี้เขาได้รับผลกรรมอะไรหรอ ก็ไม่เห็นรวยเอารวยเอา มีกินมีใช้ ใช้ชีวิตสุขสบายทั้งตระกูลอยู่
.
เคยได้ยินนะว่าต่อให้ทำบุญมากมายขนาดไหนก็มาลบกับบาปที่ก่อไม่ได้ หรือว่าจริง ๆ แล้วการที่พูดเรื่องเวรกรรมนี้เพื่อที่จะทำให้ชนชั้นกลางไม่กล้าที่จะเติบโตไปเป็นชนชั้นคนรวย
.
ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ คนที่รวยจริง ๆ แทบทุกคนผิดศีลหมด แต่อาจจะใช้คำที่มันสวยหรูเพื่อทำให้มันดูเหมือนไม่ผิด เช่น การโกหกเพื่อหวังเอากำไร ก็เปลี่ยนไปเป็นบอกว่ามันคือการใช้เทคนิคการปิดการขายแทน การใช้คำที่เลี่ยงบาลีหรือพูดกำกวมไม่ชัดเจน มันก็แทบจะไม่ต่างจากการพูดความจริงแค่ครึ่งเดียว เคยเห็นเจ้าของธุรกิจคนไหนที่บอกตรง ๆ กับคู่ค้าหรือลูกค้าไหมว่า สินค้านี้ต้นทุนเท่าไร แล้วที่เรามาขายเท่าไร เราได้กำไรเท่าไร ไม่มีหรอกจริงไหมครับ นี้ก็ผิดศีลข้อที่ 4 (ศีลข้อที่ 4 มุสาวาทาเวรมณี หมายถึง การละเว้นจากการพูดปดงดเท็จ พูดจาโกหก พูดไม่อยู่กับร่องกับรอย)
.
หรืออย่างการไปประชุมกันระดับผู้บริหารระดับสูง ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขาไปสถานที่บันเทิงแบบไหนก็น่าจะรู้กันนะครับ ก็มีทั้งการดื่มสุรา การเรียกสาวมาเอ็นเตอร์เทน บางคนมีลูกมีเมียหมดแล้วแต่ก็ยังต้องทำแบบนี้ ซึ่งบางคนหนักเลยถึงขั้นไปต่อมีอะไรกันกับสาวเอ็นเตอร์เทน ผมว่าใครๆก็น่าจะรู้นะว่ามันมีแบบนี้จริง ๆ (ผิดศีลข้อ 3 และ 5) แต่กับยังรวยเอารวยเอา มีเงินใช้จ่ายไม่ขาด
.
แต่กลับกันเราจะเห็นคนส่วนใหญ่ที่ยังมีฐานะจน (อันนี้ไม่ได้ดูถูกใครนะครับ) คนกวาดถนน แม่บ้าน รปภ. นิสัยดีมาก ๆ บางคนไม่ดื่มไม่เที่ยวอะไรเลย แต่ยังกลับมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงชีพตนเองเลย ขยันทำงานทุกวันตั้งแต่ตี 4 ตี 5 บางคนเลิกงานก็เที่ยงคืนกว่าละ ทำแต่งานไม่ได้เที่ยวไม่ได้ทำตัวผิดศีลอะไรเลย กลับจนเอาจนเอา
.
แล้วแบบนี้เวรกรรมมันมีจริงหรือเปล่า ? ทำไมผู้คนที่ทำผิดศีลมีชีวิตที่สุขสบายมากมายบนโลกนี้แต่คนที่ปฏิบัติตัวดีกับต้องทุกข์ทนได้แต่อดทนต่อโลกใบนี้ละครับ
.
แล้วถ้าสมมติมีคนบอกว่าก็ชาติหน้าคนที่ผิดศีลก็จะไม่ได้มีชีวิตที่ดีแล้วไงละ แต่คนที่ทำดีชาตินี้ไปชาติหน้าก็จะมีชีวิตที่ดีเองนั้นแหละ
.
มีอะไรพิสูจน์ได้ไหมว่าชาติหน้ามีจริง ถ้าเกิดไม่มีชาติหน้าเท่ากับว่าเราทำเสียเปล่าเลยนะ
.
นอกประเด็นนิดหนึ่งนะครับ ผมมีความสงสัยว่าถ้าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง ทำไมประชากรถึงไม่สมดุลละ ทำไมทุกวันนี้ประชากรมีแต่ลดลงเรื่อย ๆ สังเกตได้จากประชากรในประเทศไทยเลยมีอัตราการเกิดน้อยลง จนจะเป็นสังคมผู้สูงอายุแทนแล้ว (แทบทั้งโลกเป็นแบบนี้) แล้วสิ่งมีชีวิตอย่างพวกไก่ หมู หรือ ปลา ถ้ามันเวียนว่ายตายเกิดทำไมโรงงานถึงสามารถเร่งการผลิตออกมาให้ได้เยอะ ๆ ทั้งที่ตามความเชื่อในการเวียนว่ายตายเกิดจะต้องเป็นตามสมการนี้สิครับ คือ คนเกิดมา 1 คน แล้วคนตายไป 1 คนก็ต้องเท่ากับ 0 แต่ทุกวันนี้ประชากรโลกติดลบนะครับ แล้วที่เหลือมันหายไปไหน ?
.
กลับเข้าเรื่องต่อครับ สรุปเวรกรรมนี้จะเกิดขึ้นกับคนที่ฐานะยากจนมากกว่าคนที่ฐานะร่ำรวยใช่ไหมครับ เพราะต่อให้คนรวยจะทำผิดศีลมากมายแค่ไหน (ยิ่งศีลข้อ 5 นี้น่าจะหนักสุดเลยเท่าที่ผมสัมผัสมา) ชีวิตพวกเขาก็ยังอยู่ดีมีสุข แต่กลับกันคนฐานะจนต่อให้ทำบุญทำดีแค่ไหนก็ไม่สามารถมีกินมีใช้ได้เลยหรอครับ ? ไม่ต้องบอกว่าให้ขยันนะครับคนจนขยันกว่าคนรวย 10 เท่า แค่เขาไม่ได้ใช้การทำผิดที่เรียกว่าเทคนิคต่าง ๆ นั้น (ซึ่งก็คือการเอาเปรียบนั้นแหละ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่มากก็น้อย)
.
มีใครกล้าปฏิเสธไหมครับว่าคนที่รวยจริง ๆจะไม่พูดเท็จเลย พูดแต่ความจริงโกหกไม่ได้เลยสักนิด ลูกค้าถามอะไรมาตอบตรงชัดเจนเลย ต้นทุนมาบวกกำไรเท่านั้นนี้บอกชัดเจนเลยจนมาเป็นราคาที่ลูกค้าจะต้องจ่ายจริง บอกแบบนี้ทุกครั้งที่ลูกค้าถามรายละเอียดของสินค้าหรือบริการ ชี้แจ้งชัดเจน ผมว่าบนโลกนี้ไม่มีหรอก
.
ตกลงเวรกรรมมีจริงใช่ไหม แล้วจะมาในรูปแบบไหน ขอคนที่ช่วยอธิบายให้มันเข้าใจได้ชัดเจน ไม่ใช่แบบเดี๋ยวก็เกิดขึ้นเอง เดี๋ยวก็รอดูในอนาคตก็จะได้รับผลกรรมเองไม่ชาตินี้ก็ชาติหน้า คำตอบแบบนี้ไม่เอานะครับ