"ในวัย60+ เพื่อนแม่ของเราเริ่มรู้สึกเสียดายที่ไม่มีลูกค่ะ ทั้งๆที่ตอนสาวๆ อายุ 30-40 แฮปปี้มากๆกับการไม่มีลูกและไม่คิดจะมีเด็ดขาดค่ะ"
แกแต่งงานตอนอายุ 32 ค่ะ มีสามีและตกลงกันว่าจะไม่มีลูกเด็ดขาด มีความสุขกันสองคนพอแล้ว มีลูกเป็นภาระ มีลูกแล้วชีวิตไม่อิสระ .. แต่เมื่อวันนึงความตายมาเยือนคู่ชีวิตที่เหลือคนเดียวในชีวิต (พ่อกับแม่เค้าเสียไปแล้วค่ะ ไม่มีพี่น้อง ญาติผู้ใหญ่ก็ทยอยเสียชีวิตไปหมด)
แกมานั่งร้องไห้ที่บ้านแม่ ที่เป็นเพื่อนสนิทแกตั้งแต่เด็ก
- บ้านหลังใหญ่โต มีความหมายอะไรเมื่ออยู่คนเดียว?
- เงินทองมากมาย ทรัพย์สมบัติที่มี มีไปเพื่ออะไร มีเงินไปเที่ยว.. ไปกับใคร?
แกเลยนึกย้อนเสียดายเวลา ว่าน่าจะมีลูกตั้งแต่ในวัยที่พร้อมจะมีได้ อย่างน้อยมีคนคนนึงช่วยอยู่เคียงข้าง ปลอบประโลมจิตใจที่อ้างว้าง ได้มีผลผลิตเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งที่เกิดจากตัวแกและสามี แม้ว่าในวันนึงแกจะตายจากโลกนี้ไปแล้ว
ทุกครั้งในวันสงกรานต์ วันปีใหม่ วันเทศกาลต่างๆ ครอบครัวของเราที่มีลูกหลานเยอะแยะทั้งตระกูล จะพาคุณแม่ไปเที่ยว ทำกิจกรรม รดน้ำดำหัว คุณแม่ยิ้มมีความสุขได้ แม้ในวันนี้จะไม่มีคุณพ่อแล้ว แต่ลูกหลานแวะเวียนมาหาไม่ขาด แต่เพื่อนของแม่คนนี้เค้ารู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีใครจริงๆค่ะ เป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่สามีเสียไป หลังๆที่แกมาบ้านก็มานั่งมองคุณแม่ที่ห้อมล้อมไปด้วยบรรลูกหลานที่คอยเอาใจใส่ ด้วยความรัก ความอบอุ่น
เลยอยากถามทุกคนว่า ในตอนนี้คุณมีความสุขดีที่ไม่มีลูก มีความอิสระ ในวัย 30-50 ปี
แต่คุณมีการวางแผนชีวิตยังไงบ้างคะ ถ้าสักอายุ 60-70 ปี วันนึงคนที่คุณรัก คู่ชีวิตทยอยเสียชีวิตไป จนคุณต้องอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้
สุขภาพกายเวลาป่วยถ้ามีเงินพอก็จ้างพยาบาลดูแลรายวันได้ แต่สุขภาพจิตที่ใช้เงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถลบความโดดเดี่ยวอ้างว้างในเบื้องลึกจิตใจได้
คุณจะทำยังไง? อยากเห็นมุมมองชีวิตจากคนหลายช่วงอายุค่ะ
ป.ล ส่วนตัวเราเองปีนี้อายุ 32 ค่ะ แต่งงานแล้วยังไม่ได้มีความคิดมีลูก และยังไม่รู้เลยว่าอนาคตอยากมีไหม แค่มีความสุขกับปัจจุบัน แต่ได้ไปฝากไข่ไว้ เพราะอนาคตอีก4-5 ปี ก็ไม่แน่นอน ในใจกลัวเป็นแบบป้าคนนี้ค่ะ กลัวสามีขิตไปก่อนแล้วเหงา แต่โชคดีที่มีพี่น้อง
วัย 60 พึ่งอยากมีลูก ในวันที่ความตายมาเยือนคนรักที่เหลือคนเดียวในชีวิต
แกแต่งงานตอนอายุ 32 ค่ะ มีสามีและตกลงกันว่าจะไม่มีลูกเด็ดขาด มีความสุขกันสองคนพอแล้ว มีลูกเป็นภาระ มีลูกแล้วชีวิตไม่อิสระ .. แต่เมื่อวันนึงความตายมาเยือนคู่ชีวิตที่เหลือคนเดียวในชีวิต (พ่อกับแม่เค้าเสียไปแล้วค่ะ ไม่มีพี่น้อง ญาติผู้ใหญ่ก็ทยอยเสียชีวิตไปหมด)
แกมานั่งร้องไห้ที่บ้านแม่ ที่เป็นเพื่อนสนิทแกตั้งแต่เด็ก
- บ้านหลังใหญ่โต มีความหมายอะไรเมื่ออยู่คนเดียว?
- เงินทองมากมาย ทรัพย์สมบัติที่มี มีไปเพื่ออะไร มีเงินไปเที่ยว.. ไปกับใคร?
แกเลยนึกย้อนเสียดายเวลา ว่าน่าจะมีลูกตั้งแต่ในวัยที่พร้อมจะมีได้ อย่างน้อยมีคนคนนึงช่วยอยู่เคียงข้าง ปลอบประโลมจิตใจที่อ้างว้าง ได้มีผลผลิตเป็นสิ่งมีชีวิตสิ่งหนึ่งที่เกิดจากตัวแกและสามี แม้ว่าในวันนึงแกจะตายจากโลกนี้ไปแล้ว
ทุกครั้งในวันสงกรานต์ วันปีใหม่ วันเทศกาลต่างๆ ครอบครัวของเราที่มีลูกหลานเยอะแยะทั้งตระกูล จะพาคุณแม่ไปเที่ยว ทำกิจกรรม รดน้ำดำหัว คุณแม่ยิ้มมีความสุขได้ แม้ในวันนี้จะไม่มีคุณพ่อแล้ว แต่ลูกหลานแวะเวียนมาหาไม่ขาด แต่เพื่อนของแม่คนนี้เค้ารู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีใครจริงๆค่ะ เป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่สามีเสียไป หลังๆที่แกมาบ้านก็มานั่งมองคุณแม่ที่ห้อมล้อมไปด้วยบรรลูกหลานที่คอยเอาใจใส่ ด้วยความรัก ความอบอุ่น
เลยอยากถามทุกคนว่า ในตอนนี้คุณมีความสุขดีที่ไม่มีลูก มีความอิสระ ในวัย 30-50 ปี
แต่คุณมีการวางแผนชีวิตยังไงบ้างคะ ถ้าสักอายุ 60-70 ปี วันนึงคนที่คุณรัก คู่ชีวิตทยอยเสียชีวิตไป จนคุณต้องอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้
สุขภาพกายเวลาป่วยถ้ามีเงินพอก็จ้างพยาบาลดูแลรายวันได้ แต่สุขภาพจิตที่ใช้เงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถลบความโดดเดี่ยวอ้างว้างในเบื้องลึกจิตใจได้
คุณจะทำยังไง? อยากเห็นมุมมองชีวิตจากคนหลายช่วงอายุค่ะ
ป.ล ส่วนตัวเราเองปีนี้อายุ 32 ค่ะ แต่งงานแล้วยังไม่ได้มีความคิดมีลูก และยังไม่รู้เลยว่าอนาคตอยากมีไหม แค่มีความสุขกับปัจจุบัน แต่ได้ไปฝากไข่ไว้ เพราะอนาคตอีก4-5 ปี ก็ไม่แน่นอน ในใจกลัวเป็นแบบป้าคนนี้ค่ะ กลัวสามีขิตไปก่อนแล้วเหงา แต่โชคดีที่มีพี่น้อง