ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์หาบ้านให้น้องแมว เพื่อเป็นประโยชน์กับคนทั่วไปไม่มากก็น้อย มิได้มีเจตนาทำร้ายใครกับการเขียนกระทู้นี้ทั้งสิ้น
เรื่องก็เกิดมาสักระยะคิดว่าจิตใจสงบ และมั่นใจว่าจะสู้เมื่อมีเขาทั้งสองมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
เดิมทีก็ให้อาหารแมวแถวบ้านตามประสา ให้ไปให้มากลายเป็นผูกพันและเข้าใจว่าแมวก็มีความรู้สึกเหมือนกันกับเราๆ
แมวแถวบ้านคลอดลูก เพื่อนบอกว่าการหาบ้านให้คือเปลี่ยนชีวิตเขา มีคลินิกเขาช่วยหาบ้านเราก็ไม่คิดอะไรมาก คิดแบบโลกสวยว่าเสียเงินหมื่นเดียวเดี๋ยวแมวก็มีชีวิตใหม่ ก็ตกลงไปฝากคลีนิคนั้น ตอนก่อนนำไปฝากแมวเราร่าเริงซนวิ่งเล่น
ช่วงที่ไปเยี่ยมหลังฝากเพิ่งเห็นว่าในคลินิกนำน้องใส่กรงเเคบๆอยู่แบบนั้นไม่มีให้ออกมาวิ่งเล่น เรากลับมาบ้านเริ่มรู้สึกคิดว่าตัวเองทำผิดหรือเปล่า
วันรุ่งขึ้นคลีนิคบอกว่าน้องอาเจียน ถ่ายเหลว ตัวนึง ผ่านไปอีกวันบอกว่าอีกตัวจาม
เดิมทีจะมีคนมารับไปตัวนึง กลายเป็นหวัดเลยต้องรักษาต่อ
ค่าฝากต่อวันค่ารักษาเริ่มบานปลายกว่าที่เราโลกสวยแต่แรก แต่อะไรไม่เท่ากับการที่เราทนสภาพการเจ็บป่วยที่มาแจ้งว่าเป็นนู่นนี่เพิ่มขึ้นทุกวัน ณ.ตอนนี้เราคิดว่าตัวเองคิดผิดที่เอาแมวไปทรมาน จึงตัดสินใจไปรับกลับ
วันที่ไปรับกลับช่างต่างกับวันพาไป เรามองว่าที่นี่คือแม่พระของแมว แต่วันที่รับกลับกลับเจอความมึนตึงของคนที่ทุกคนเรียกว่าแม่พระของแมว เราบอกว่าจนทบอกว่าแมวท้องเสียถ่ายเหลว ท่านบอกว่า"ก็วันนี้หายแล้ว" ให้ยาแมวที่ป่วยก่อนกลับ "แมวฉี่ราดด้วยความกลัว" อีกตัวก็เป็นหวัด ท่านบอกว่าไม่เห็นมีจนทแจ้ง แปลว่าท่านใส่ใจดูแลมากแค่ไหนจึงไม่รู้อะไรเลย บอกเราว่าถ้าเอากลับคือไม่ได้อยู่ในมือหมอแล้วนะไม่มีใครช่วย เรามองหน้าคนที่เรียกว่าแม่พระของแมวเงียบๆไม่พูดอะไร มองให้เห็นว่าให้รู้ไปว่าไม่มีท่านแล้วลูกแมวจะตาย
เราเอากลับมาบ้าน หาหมอแถวบ้าน เราทำอะไรไม่เป็นเพราะไม่มีประสบการณ์และไม่กล้าเสี่ยงกับลูกแมว เราพาเขาไปหาหมอทุกวันๆละสองรอบเพื่อป้อนยา ตกดึกก็ตื่นมาคอยดูว่าหนาวไหมเพราะฝนตกหนักทุกวัน เราเหนื่อยมากแต่คิดอย่างเดียวว่าถ้าเขาทั้งสองตายเราคงจะรู้สึกผิดมาก
ตอนนี้น้องทั้งสองหายแล้ว ซนมากดังเดิม
ที่เล่ามาในวันนี้คงไม่สรุปอะไรจากข้อความข้างต้น แต่คิดว่าคนที่เข้ามาอ่านจะเข้าใจได้ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อเหมือนกับเรา
แมวหาบ้านแชร์ประสบการณ์
เรื่องก็เกิดมาสักระยะคิดว่าจิตใจสงบ และมั่นใจว่าจะสู้เมื่อมีเขาทั้งสองมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
เดิมทีก็ให้อาหารแมวแถวบ้านตามประสา ให้ไปให้มากลายเป็นผูกพันและเข้าใจว่าแมวก็มีความรู้สึกเหมือนกันกับเราๆ
แมวแถวบ้านคลอดลูก เพื่อนบอกว่าการหาบ้านให้คือเปลี่ยนชีวิตเขา มีคลินิกเขาช่วยหาบ้านเราก็ไม่คิดอะไรมาก คิดแบบโลกสวยว่าเสียเงินหมื่นเดียวเดี๋ยวแมวก็มีชีวิตใหม่ ก็ตกลงไปฝากคลีนิคนั้น ตอนก่อนนำไปฝากแมวเราร่าเริงซนวิ่งเล่น
ช่วงที่ไปเยี่ยมหลังฝากเพิ่งเห็นว่าในคลินิกนำน้องใส่กรงเเคบๆอยู่แบบนั้นไม่มีให้ออกมาวิ่งเล่น เรากลับมาบ้านเริ่มรู้สึกคิดว่าตัวเองทำผิดหรือเปล่า
วันรุ่งขึ้นคลีนิคบอกว่าน้องอาเจียน ถ่ายเหลว ตัวนึง ผ่านไปอีกวันบอกว่าอีกตัวจาม
เดิมทีจะมีคนมารับไปตัวนึง กลายเป็นหวัดเลยต้องรักษาต่อ
ค่าฝากต่อวันค่ารักษาเริ่มบานปลายกว่าที่เราโลกสวยแต่แรก แต่อะไรไม่เท่ากับการที่เราทนสภาพการเจ็บป่วยที่มาแจ้งว่าเป็นนู่นนี่เพิ่มขึ้นทุกวัน ณ.ตอนนี้เราคิดว่าตัวเองคิดผิดที่เอาแมวไปทรมาน จึงตัดสินใจไปรับกลับ
วันที่ไปรับกลับช่างต่างกับวันพาไป เรามองว่าที่นี่คือแม่พระของแมว แต่วันที่รับกลับกลับเจอความมึนตึงของคนที่ทุกคนเรียกว่าแม่พระของแมว เราบอกว่าจนทบอกว่าแมวท้องเสียถ่ายเหลว ท่านบอกว่า"ก็วันนี้หายแล้ว" ให้ยาแมวที่ป่วยก่อนกลับ "แมวฉี่ราดด้วยความกลัว" อีกตัวก็เป็นหวัด ท่านบอกว่าไม่เห็นมีจนทแจ้ง แปลว่าท่านใส่ใจดูแลมากแค่ไหนจึงไม่รู้อะไรเลย บอกเราว่าถ้าเอากลับคือไม่ได้อยู่ในมือหมอแล้วนะไม่มีใครช่วย เรามองหน้าคนที่เรียกว่าแม่พระของแมวเงียบๆไม่พูดอะไร มองให้เห็นว่าให้รู้ไปว่าไม่มีท่านแล้วลูกแมวจะตาย
เราเอากลับมาบ้าน หาหมอแถวบ้าน เราทำอะไรไม่เป็นเพราะไม่มีประสบการณ์และไม่กล้าเสี่ยงกับลูกแมว เราพาเขาไปหาหมอทุกวันๆละสองรอบเพื่อป้อนยา ตกดึกก็ตื่นมาคอยดูว่าหนาวไหมเพราะฝนตกหนักทุกวัน เราเหนื่อยมากแต่คิดอย่างเดียวว่าถ้าเขาทั้งสองตายเราคงจะรู้สึกผิดมาก
ตอนนี้น้องทั้งสองหายแล้ว ซนมากดังเดิม
ที่เล่ามาในวันนี้คงไม่สรุปอะไรจากข้อความข้างต้น แต่คิดว่าคนที่เข้ามาอ่านจะเข้าใจได้ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อเหมือนกับเรา