กระทู้นี้สำหรับคนที่ว่างนะคะเพราะน่าจะร่ายยาว~~
จริงๆอยากระบายค่ะ...
เราคบกับแฟนมา ตั้งแต่ม.6 (2018) เราใช้เวลาคุยกับเค้า
8-9 เดือน จริงๆ ก็เจอหน้าและทำกิจกรรมด้วยกันบ่อย เพราะอยู่ห้องเดียวกัน ช่วงนั้นเราอกหักเรามีแฟนเป็นรุ่นพี่ที่เขาไปคุยกับคนใหม่ ซึ่งแฟนคนปัจจุบันเขาก็โดนแฟนทิ้ง เราไม่รู้อะไรดลใจให้เขามาจีบเราเราก็คุยๆช่วงแรก ยอมรับไม่คิดอะไร ด้วยความที่เจอกันตลอดและยังเป็นวัยรุ่น เราก็คิดว่าเออ เขาก็ดูโอเค ดูจริงใจดี เลยตกลงคบกันช่วงนั้นเรียนจบพอดี ก็เลือกเรียนมหาลัยที่เดียวกัน เขาเรียนครุศาสตร์ เราเรียนมนุษยศาสตร์ ช่วง 1-2 ปีแรกอะไรมันก็ดีไปหมด ถึงจะมีทะเลาะบ้างแค่มันไปต่อได้ มันมองเห็นอนาคตร่วมกันคนนี้แหละน่าจะคือคนที่ใช่... มาช่วงจะปี 2 เราก็ตัดสินใจเช่าอยู่หอเดียวกัน พ่อแม่เรารู้ทั้งสองฝ่าย แต่ด้วยความที่โรงเรียนเดิมมันเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก นร. น้อยกว่า 200 คน
ช่วงขึ้นมหาลัยแฟนเราเริ่มอยากทำความรู้จักๆกัยหลายๆคน เขาดูตื่นเต้นไปกับทุกๆอย่าง ไอเราก็คิดว่าอืมคงธรรมดา เพราะเราก็พึ่งจะออกจากกรอบ ช่วงนั้นเขาเริ่มทำความรู้จักไปหมด จากเพื่อนในห้อง สู่สายรหัส รวมไปถึงทุกคนในสาขา ตั้งแต่ ปี1 ยันปี5 ยอมรับว่าช่วงนั้นเราก็เริ่มมีทะเลาะบ้างตามประสา แล้วช่วงนั้นเราเอาแต่ใจ ค่อนข้างจะงี่เง่าเลยก็ว่าได้ออารมณ์แบบว่าเธอต้องอยู่ในสายตาเรา เราห้ามนุ่นนี่ เราคิดว่าคงเพราะจุดนี้แหละถึงอาจทำให้แฟนเราเปลี่ยนไป
แรกๆทะเลาะกันมันก็เคลียร์ได้นะเพราะอยู่ด้วยกัน แต่ก็มีทะเลาะกันเรื่อยๆ พอนานวันเข้าจากที่เขาไม่เที่ยวก็เที่ยวกลางคืนตลอดถ้ามีโอกาส ด้วยความที่เราเป็นคนขี้โมโหเราก็จะเช็คทุกช่องทางเพื่อติดตามแฟน เลยทำให้แฟนเราอึดอัด แต่เราก็ประคับประคองกันมาได้จนปี 3 เราเพิ่มความรักด้วยการไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ทำกิจกรรมหลายอย่างด้วยกัน ส่วนทะเลาะมันก็มีปกติ...
จนปี 3 พ่อแม่เราทั้งสองก็ให้หมั้นกัน (จริงๆเรื่องนี้เรามีปัญหากับครอบครัวเรารู้สึกว่าเป็นการเร่งรีบเกินไป แต่เราขัดคำสั่งไม่ได้) เรากับแฟนก็ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน ยอมรับเลยว่า 3 ปีกว่าที่คบกันมามันมีทั้งทุกข์และสุขเยอะมาก ถึงจะเป็นความรักวัยเรียน เราผ่านทุกเทศกาลผ่านอะไรด้วยกันมามากจริงๆ แล้วช่วงที่กล่าวมานี้ แฟนเราไม่เคยนอกใจเลยแม้จะแสดงอาการเฟรนด์ลี่ออกมาบ้างประปราย เราคิดว่า
คงเป็นเพราะนิสัยแหละ แต่ช่วงนั้นเรายังงี่เง่าอยู่ มีจู้จี้บ้างบ่นบ้าง ช่วงที่อยู่ด้วยกันเราพบว่าเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีระเบียบ
งานทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานบ้านเราทำให้ได้หมด เเต่ขอแค่อย่าทำห้องรกไปกว่าเดิม เราก็ได้แต่คิดว่าเพราะเขาเป็นผู้ชาย เพราะมุมดีของเขาคือการพาเราไปทุกที่ๆอยากไป
เราเลยตัดข้อนี้ออกไปได้....
ผ่านไปจนจะจบปี 3 แฟนเราต้องไปสังเกตการณ์ที่โรงเรียน
2 สัปดาห์ น่าจะเป็นช่วงที่ห่างกันแรกๆ เพราะตัวติดกันตลอด และเรากลับพบบางอย่าง.... คือปกติเราจะห้ามแฟนหลายอย่างมาก จะทำอะไรต้องขออนุญาตเราก่อน และเมื่อก่อนเขาให้เช็คเฟสเราไว้ใจเขามาก ตรงนี้ก็คงทำให้เขาอึดอัด จำได้ว่าตอนห่างกันเริ่มมีทะเลาะกัน คุยกันน้อยลง
หลังๆเวลาทะเลาะแฟนเราจะตัดสาย ปิดเครื่องหนีเราตลอด เคยหนีเรามากสุด 5 วัน ช่วงแรกที่คบเขาไม่เป็นแบบนี้ เขาจะง้อและปรับความเข้าใจ ช่วงที่เขาไม่อยู่เราเช็คเฟสก็พบว่ามีการคุยกับเพื่อนที่ไปสอนด้วยกันในเชิงจีบเรื่องนี้ก็ทำให้เราทะเลาะกันหนักอีก เราก็บอกว่าให้คุยแค่งาน ถ้าอย่าอื่นไม่ต้องติดต่อกัน พอเรื่องนี้เกิดเราก็ไม่เคยสบายใจ เพราะไปนึกถึงช่วงที่เขาทักไปคุยกับคนทั้งสาขา..
จนเขาได้กลับมาเรารู้สึกว่ารอบนี้เขาไม่เหมือนคนเดิมเลย
ช่วงแรกที่คบ จะโพสต์ถึงเราตลอด เฟสก็ขึ้นสถานะ มีอะไรก็แท็ก ถึงขั้นเอาสตอรี่เราไปตั้งเป็นคอลเลคชั่น เราเริ่มสังเกตว่าพอเขามีสังคมมากขึ้น เขาก็ไม่เคยโพสต์หรือเอ่ยถึงเราอีกเลยในโซเชียลอ้างว่า ก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว เรายิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่... แล้วพอทะเลาะกันทีไรเขาจะลบสถานะออก จนเราไม่ให้เขาขึ้นแล้วเพราะขึ้นทีไรก็จะหาเรื่องลบ ความสัมพันธ์ก็สั่นคลอน
ตอนทะเลาะกันถ้าอยู่ห่างกันไม่ว่าเขาจะผิดหรือถูก เขาจะไม่รับฟังกลับโมโหใส่เราแทนเพื่อให้เรื่องจบ ตามด้วยปิดเครื่องหรือบล็อกเฟส
ถ้าทะเลาะตอนอยู่ด้วยกันหลังๆมาเขาเริ่มโมโหร้าย จะไม่สนใจเลยว่าเราผิดหรือเขาผิดจะโมโหและทำร้ายร่างกายเรา
ช่วงนั้นเราคิดจะเลิกนะ แต่เลิกไม่ได้เพราะอยู่ด้วยกัน เราก็ได้แต่คิดว่า เพราะที่งี่เง่ามันเลยทำให้เขากลายเป็นคนแบบนี้ แล้วพอเขาหายโกรธเขาก็จะมาทำดีกับเราเราก็จะลืมเรื่องที่ทะเลาะกันไป และเรายังอยากให้เขาเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นเราจึงยังอยู่ตรงนั้น แม้จะรู้ว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้...
หลังจากเหตุการณ์จีบเพื่อน มันมีอีกหลายเหตุการณ์เช่น ไปเข้าค่ายก็ไปจีบเด็กที่เข้าค่าย หรือตอนไปฝึกสอนปี 4 ก็ไปกับเพื่อนคนเดิม ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เลิกเรียนก็ไปดื่มกันไม่เว้นวัน หนักสุดคือตอนที่เราแอบดูเฟสเขา เขาจีบเด็กนักเรียน แล้วหลายคนมาก จริงๆมันคงเชิงหยอกล้อแหละ แต่เราช็อคไม่คิดว่าเขาจะเป็นถึงขนาดนี้ ยิ่งบางแชทมีการพิมพ์บอกกันว่า โอ๋ๆก็เลยโกรธครูเลย ครูขอโทษ ครูจะไม่ด่าแล้วคาบหน้า... พอเราเห็นเราตัดสินใจว่าคงไม่ให้โอกาสละ ( อีกตอนก่อนหน้าเรื่องนี้ 3 เดือนเขาขอไปเคานดาวน์ที่บ้านกับเพื่อน หนักสุดคือไปจีบเพื่อนที่กลับจากกรุงเทพ เราจับได้ก็ตามถึงบ้านเพื่อจะเคลียร์ สุดท้ายก็เลือกเขา เราเสียใจมากที่เขานอกใจ เขาใช้เวลาอยู่ด้วย 3-4วันเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ด้วยความที่เราโง่และรักเขามากก็เป็นฝ่ายอ้อนวอนไม่ให้เขาทิ้งไป เขาจึงเลิกคุยกับเพื่อนคนนั้น)
ชัดเจนว่าเขาบริหารเสน่ห์ไปทั่ว ตอนนั้นเราคิดเรื่องเขาเยอะมาก แต่เราก็ใช้โอกาสที่เราไปฝึกงานห่างกับเขา คิดว่าน่าจะตัดได้ละ จนเราไม่คุยกัน 2 เดือนกว่า สุดท้ายก็มีเหตุให้ทักหากันเรื่องครอบครัว จากนั้นก็กลับมาคุยกันยาว สุดท้ายก็คบกันเหมือนเดิม ตอนนั้นเราพยายามลืมทุกอย่างที่เขาเคยทำ เพราะอยากเริ่มใหม่ เราเปลี่ยนทุกอย่างเราไม่ห้ามอะไรเขาอีกเลย อยากทำอะไรทำ ขอแค่ไม่นอกใจเราก็พอ
ช่วงนั้นเขาก็ทำดีหลายอย่างก็คิดว่าความสัมพันธ์คงดีขึ้นละ
แต่เขาเริ่มหวงพื้นที่ส่วนตัว ไม่โพสต์อะไรถึงเรา ลบสถานะ
ไม่ให้เช็คอะไรอีก ตอนนั้นเราโอเคเรารู้สึกว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จนช่วงเรียนจบ เราก็หางานเขาก็อ่านหนังสือสอบเพื่อบรรจุ จนในที่สุดเขาก็สอบบรรจุผ่านทุกรอบ และได้บรรจุ ในจังหวัดบ้านเกิด ส่วนเราได้งานที่สนามบินแห่งหนึ่ง ในช่วงเรียนจบเราห่างกันเยอะขึ้น แต่คุยกันตลอด มีทะเลาะกันแต่ก็ประคับประคองมาได้....
เรายอมทุกอย่างเขาเที่ยวกลางคืนบ่อย ไปกับเพื่อนบ่อย มีสังคมเยอะขึ้น จนมันเห็นได้ชัดว่ามันมีอะไรน่าตะหงิดอีกครั้ง เราเริ่มกลับมากังวล อะไรไม่รู้ดลใจให้เราไปส่องเฟสแฟน หารายชื่อเพื่อน เราไปเห็นคนนึงมาฝึกสอนที่โรงเรียนแฟน เราก็เอาไปถามสรุปทะเลาะกันอีก ด้วยความที่เราขี้ระแวงกลัวแฟนจะเป็นแบบเดิม ก็เอาเรื่องนี้มาทะเลาะกันเพราะแฟนไม่เคยบอกว่าต้องทำงานกับคนนี้ จนมันต้องระแวงกันทุกวัน ทั้งเรื่องพี่ที่ทำงานเพราะแฟนเราไปกับพี่เขาทุกวันหลังเลิกเรียน (พี่เขาโสด) เลยชวนแฟนเราไปกินข้าว ไปคาเฟ่ ไปสังสรรค์บ่อยๆ เราก็โมโหอีกเพราะแฟนแทบจะไม่มีเวลาให้เราเลย ( ที่โมโหเพราะไปกับพี่เขาจะถ่ายรูปถ่ายสตอรี่ให้ตลอด แต่คบกับเรามาไม่เคยถ่ายรูปให้เราเลย รูปคู่ไม่มีด้วยซ้ำ เราก็น้อยใจไปใหญ่) ความสัมพันธ์ก็ตึงเครียดไปอีก ทะเลาะกันหนักในแต่ละวันบางวันเราทำงานเราก็ไม่มีสติ คิดแต่ว่าแฟนจะทำอะไร แฟนจะมีเวลาให้เราไหม ไม่มีอะไรที่ทำให้เราเชื่อใจได้เลย แต่เราทั้งสองก็หาทางเชื่อมความสัมพันธ์ด้วยการมาหากันในวันหยุดบ้าง...
จนตอนเราไปหาแฟน เราแอบเช็คโทรศัพท์ตอนแฟนหลับ
ก็พบว่า แฟนเราจีบน้องคนที่มาฝึกสอนจริงๆ และจีบกันมาตลอด 2 เดือนที่บรรจุ เราจุกมากรอบนี้ ทุกอย่างมันหายวับไปหมดไม่มีอะไรเหลือ เราไม่รู้ว่าตอนอยู่ด้วยกันมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ในแชทเขาคุยกันบ่อยกว่าเรา ไม่ถามคำตอบคำ
แถมบางวันมีการชวนกันไปหาตอนเย็นๆ บางวันเลิกเรียนชวนกันอออกกำลังกายที่รร. หนักสุดน้องเขาแชทมาว่าจะเอาเสื้อไปให้เปลี่ยนที่ห้องพัก มีคนอยู่ด้วยไหม...
แค่อ่านแค่นี้สติกับใจเราก็หลุดไปละ ยังมีแชทเพื่อนที่เป็นครูก็ส่งรูปน้องคนนี้มาในแชทแล้วบอกว่ารีบมาน้องเขาคิดถึงมาก แล้วก็ส่งข้อความมาอีกว่าอย่าให้แฟนเธอเห็น...
เราเห็นละเราพูดไม่ออกเลย เราคิดผิดไปจริงๆที่ยังยื้อความสัมพันธ์ไว้ ต่อให้จะยื้อจะเปลี่ยนแค่ไหนแฟนเราคงไม่มีทางจะกลับมาเป็นคนเดิม....
เราจำได้ว่าหลังวันนั้น เราไปทำงานเลิก 4 ทุ่มเรานอนร้องไห้จนตี 4 ข้าวไม่กิน ไม่อยากทำอะไร เป็นแบบนี้ซ้ำๆ 1 สัปดาห์
เราไม่เป็นอันที่จะทำงาน เราเริ่มกลับมาจับผิด งี่เง่าใส่แฟนอีก จนต้องทะเลาะกันทุกวัน เพราะน้องคนนั้นยังต้องฝึกงานเราลำบากใจมาก จนเราข้องใจทักไปถามน้องเขา เรื่องมันก็บานปลาย จนต้องมานั่งเคลียร์กัน แล้วทั้งสองก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรจริงๆแล้วมันแค่ความสัมพันธ์พี่น้อง....
เราสบายใจที่ได้เคลียร์แต่ก็เต็มไปด้วยความกังวล หวาดระแรง แล้วตอนนี้แฟนเราไม่เคยสำนึกผิด ไม่เคยขอโทษ ไม่เคยง้อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นจะโมโหกลบเกลื่อนตลอดถ้าเถียงไม่ได้จะทำร้ายร่างกายอย่างเดียว เราก็โง่เองที่ไม่ออกมาสักที ไหนจะไม่มีเวลาให้เรา ไม่เคยเเกรงใจเราเลยหลังๆ เขาทำตัวแย่กับเราคนเดียว กับคนรอบข้างเขาใส่ใจเขาให้เกียรติทุกคน เขาจะอารมณ์เสียแค่กับเราเท่านั้น เราเอาแต่คิดเสียดายเวลาที่สร้างมา เราแค่คิดว่าลำบากมาด้วยกันแค่อยากมีเขาในอาคต แค่นี้ทนได้ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมา
หลังเหตุการณ์นั้นเราพลาดอย่างมาก เราไม่เป็นอีนทำงานจนมีเหตุให้ลาออก โทษใครไม่ได้มันเป็นเพราะความไร้เดียงสา และความคิดน้อยของเราเอง 😭😭 สุดท้ายเราต้องตกอยู่ในสภาวะว่างงานมานั่งหางานใหม่ บุคคลที่น่าสงสารที่สุดคือครอบครัวเรา เราไม่เคยนึกถึงพวกเขาเลยเอาแต่นึกถึงคนอื่นผลเลยออกมาเป็นแบบนี้
ตอนนี้แฟนเราบรรจุได้เกือบปี 1 แล้วแน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสแฟนเราจะบริหารเสน่ห์ตลอด (ไปกีฬางานวันครูก็มีกะเทยมาจีบแฟนเรายังคุยกันมาเรื่อยๆเมื่อมีโอกาส ไหนจะตอนไปเข้าค่ายลูกเสือเขาก็บอกเพื่อนว่าเขาอยากจีบคนในกลุ่ม แถมยังบอกทุกคนว่าโสดอีก*เราแอบดูแชทและคงจะไม่เสียมารยาทดูอีกแล้ว) ทุกอย่างเกี่ยวกับเราเขาปิดบังทุกคนหมด มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยจนใจเรามันชินชา ตอนนี้เรายังคบเขาอยู่
ไม่รู้เลยจะทำยังไงต่อไป เราแค่ยึดติดภาพตอนเขามาจีบเรามีแต่หวังว่าสักวันเขาจะกลับไปเปลี่ยนแบบนั้น แต่ตัวตนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้อาจเป็นตัวตนของเขาจริงๆก็ได้ เราเลิกกันนับครั้งไม่ถ้วนแต่เราก็ยื้อมาตลอด เพราะเราอยากมีเขาในอนาคต และเราไม่พร้อมที่จะเห็นเขาไปได้ดีกับคนอื่น เรายังเห็นแก่ตัวอยู่ แต่ตอนนี้เขาบอกเราตรงๆว่าเขาหมดรักและไม่อยากมีเราแล้ว เราแค่ยังไม่ยอมรับความจริง สุดท้ายเราก็คงต้องเป็นฝ่ายยอมรับความจริงให้ได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ และมันจบลงแล้ว... เราได้แต่รอวันที่เราจะยืนได้ด้วยตัวเองและวันที่เรารักตัวเองมากกว่าที่รักเขา ขอบคุณทุกๆคนที่เสียเวลามาอ่านนะคะ ถึงมันจะเป็นความรักเด็กน้อยแต่มันก็ทำให้เรามีความสุขที่สุด ณ ช่วงหนึ่ง
เขียนเกือบครบ 10,000 คำ ทุกคนอาจจะรำคานหรือเบื่อกระทู้นี้ คิดซะว่ามันคือพล็อตละคร หรือนิยายก็ได้ค่ะ เราแค่อยากมาบันทึกความทรงจำช่วงนึงเอาไว้ ก่อนที่จะไม่มีมันไปอีกตลอดกาล คงจะเป็นครั้งสุดท้ายๆแล้วจริงๆ ขอให้เธอโชคดี....
มหากาพย์โดนนอกใจ กลับตัวก็ไม่ได้กลับใจก็ไม่ทัน
จริงๆอยากระบายค่ะ...
เราคบกับแฟนมา ตั้งแต่ม.6 (2018) เราใช้เวลาคุยกับเค้า
8-9 เดือน จริงๆ ก็เจอหน้าและทำกิจกรรมด้วยกันบ่อย เพราะอยู่ห้องเดียวกัน ช่วงนั้นเราอกหักเรามีแฟนเป็นรุ่นพี่ที่เขาไปคุยกับคนใหม่ ซึ่งแฟนคนปัจจุบันเขาก็โดนแฟนทิ้ง เราไม่รู้อะไรดลใจให้เขามาจีบเราเราก็คุยๆช่วงแรก ยอมรับไม่คิดอะไร ด้วยความที่เจอกันตลอดและยังเป็นวัยรุ่น เราก็คิดว่าเออ เขาก็ดูโอเค ดูจริงใจดี เลยตกลงคบกันช่วงนั้นเรียนจบพอดี ก็เลือกเรียนมหาลัยที่เดียวกัน เขาเรียนครุศาสตร์ เราเรียนมนุษยศาสตร์ ช่วง 1-2 ปีแรกอะไรมันก็ดีไปหมด ถึงจะมีทะเลาะบ้างแค่มันไปต่อได้ มันมองเห็นอนาคตร่วมกันคนนี้แหละน่าจะคือคนที่ใช่... มาช่วงจะปี 2 เราก็ตัดสินใจเช่าอยู่หอเดียวกัน พ่อแม่เรารู้ทั้งสองฝ่าย แต่ด้วยความที่โรงเรียนเดิมมันเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก นร. น้อยกว่า 200 คน
ช่วงขึ้นมหาลัยแฟนเราเริ่มอยากทำความรู้จักๆกัยหลายๆคน เขาดูตื่นเต้นไปกับทุกๆอย่าง ไอเราก็คิดว่าอืมคงธรรมดา เพราะเราก็พึ่งจะออกจากกรอบ ช่วงนั้นเขาเริ่มทำความรู้จักไปหมด จากเพื่อนในห้อง สู่สายรหัส รวมไปถึงทุกคนในสาขา ตั้งแต่ ปี1 ยันปี5 ยอมรับว่าช่วงนั้นเราก็เริ่มมีทะเลาะบ้างตามประสา แล้วช่วงนั้นเราเอาแต่ใจ ค่อนข้างจะงี่เง่าเลยก็ว่าได้ออารมณ์แบบว่าเธอต้องอยู่ในสายตาเรา เราห้ามนุ่นนี่ เราคิดว่าคงเพราะจุดนี้แหละถึงอาจทำให้แฟนเราเปลี่ยนไป
แรกๆทะเลาะกันมันก็เคลียร์ได้นะเพราะอยู่ด้วยกัน แต่ก็มีทะเลาะกันเรื่อยๆ พอนานวันเข้าจากที่เขาไม่เที่ยวก็เที่ยวกลางคืนตลอดถ้ามีโอกาส ด้วยความที่เราเป็นคนขี้โมโหเราก็จะเช็คทุกช่องทางเพื่อติดตามแฟน เลยทำให้แฟนเราอึดอัด แต่เราก็ประคับประคองกันมาได้จนปี 3 เราเพิ่มความรักด้วยการไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด ทำกิจกรรมหลายอย่างด้วยกัน ส่วนทะเลาะมันก็มีปกติ...
จนปี 3 พ่อแม่เราทั้งสองก็ให้หมั้นกัน (จริงๆเรื่องนี้เรามีปัญหากับครอบครัวเรารู้สึกว่าเป็นการเร่งรีบเกินไป แต่เราขัดคำสั่งไม่ได้) เรากับแฟนก็ย้ายมาอยู่ห้องเดียวกัน ยอมรับเลยว่า 3 ปีกว่าที่คบกันมามันมีทั้งทุกข์และสุขเยอะมาก ถึงจะเป็นความรักวัยเรียน เราผ่านทุกเทศกาลผ่านอะไรด้วยกันมามากจริงๆ แล้วช่วงที่กล่าวมานี้ แฟนเราไม่เคยนอกใจเลยแม้จะแสดงอาการเฟรนด์ลี่ออกมาบ้างประปราย เราคิดว่า
คงเป็นเพราะนิสัยแหละ แต่ช่วงนั้นเรายังงี่เง่าอยู่ มีจู้จี้บ้างบ่นบ้าง ช่วงที่อยู่ด้วยกันเราพบว่าเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยมีระเบียบ
งานทุกอย่างที่เกี่ยวกับงานบ้านเราทำให้ได้หมด เเต่ขอแค่อย่าทำห้องรกไปกว่าเดิม เราก็ได้แต่คิดว่าเพราะเขาเป็นผู้ชาย เพราะมุมดีของเขาคือการพาเราไปทุกที่ๆอยากไป
เราเลยตัดข้อนี้ออกไปได้....
ผ่านไปจนจะจบปี 3 แฟนเราต้องไปสังเกตการณ์ที่โรงเรียน
2 สัปดาห์ น่าจะเป็นช่วงที่ห่างกันแรกๆ เพราะตัวติดกันตลอด และเรากลับพบบางอย่าง.... คือปกติเราจะห้ามแฟนหลายอย่างมาก จะทำอะไรต้องขออนุญาตเราก่อน และเมื่อก่อนเขาให้เช็คเฟสเราไว้ใจเขามาก ตรงนี้ก็คงทำให้เขาอึดอัด จำได้ว่าตอนห่างกันเริ่มมีทะเลาะกัน คุยกันน้อยลง
หลังๆเวลาทะเลาะแฟนเราจะตัดสาย ปิดเครื่องหนีเราตลอด เคยหนีเรามากสุด 5 วัน ช่วงแรกที่คบเขาไม่เป็นแบบนี้ เขาจะง้อและปรับความเข้าใจ ช่วงที่เขาไม่อยู่เราเช็คเฟสก็พบว่ามีการคุยกับเพื่อนที่ไปสอนด้วยกันในเชิงจีบเรื่องนี้ก็ทำให้เราทะเลาะกันหนักอีก เราก็บอกว่าให้คุยแค่งาน ถ้าอย่าอื่นไม่ต้องติดต่อกัน พอเรื่องนี้เกิดเราก็ไม่เคยสบายใจ เพราะไปนึกถึงช่วงที่เขาทักไปคุยกับคนทั้งสาขา..
จนเขาได้กลับมาเรารู้สึกว่ารอบนี้เขาไม่เหมือนคนเดิมเลย
ช่วงแรกที่คบ จะโพสต์ถึงเราตลอด เฟสก็ขึ้นสถานะ มีอะไรก็แท็ก ถึงขั้นเอาสตอรี่เราไปตั้งเป็นคอลเลคชั่น เราเริ่มสังเกตว่าพอเขามีสังคมมากขึ้น เขาก็ไม่เคยโพสต์หรือเอ่ยถึงเราอีกเลยในโซเชียลอ้างว่า ก็อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว เรายิ่งไม่สบายใจเข้าไปใหญ่... แล้วพอทะเลาะกันทีไรเขาจะลบสถานะออก จนเราไม่ให้เขาขึ้นแล้วเพราะขึ้นทีไรก็จะหาเรื่องลบ ความสัมพันธ์ก็สั่นคลอน
ตอนทะเลาะกันถ้าอยู่ห่างกันไม่ว่าเขาจะผิดหรือถูก เขาจะไม่รับฟังกลับโมโหใส่เราแทนเพื่อให้เรื่องจบ ตามด้วยปิดเครื่องหรือบล็อกเฟส
ถ้าทะเลาะตอนอยู่ด้วยกันหลังๆมาเขาเริ่มโมโหร้าย จะไม่สนใจเลยว่าเราผิดหรือเขาผิดจะโมโหและทำร้ายร่างกายเรา
ช่วงนั้นเราคิดจะเลิกนะ แต่เลิกไม่ได้เพราะอยู่ด้วยกัน เราก็ได้แต่คิดว่า เพราะที่งี่เง่ามันเลยทำให้เขากลายเป็นคนแบบนี้ แล้วพอเขาหายโกรธเขาก็จะมาทำดีกับเราเราก็จะลืมเรื่องที่ทะเลาะกันไป และเรายังอยากให้เขาเปลี่ยนตัวเองให้ดีขึ้นเราจึงยังอยู่ตรงนั้น แม้จะรู้ว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้...
หลังจากเหตุการณ์จีบเพื่อน มันมีอีกหลายเหตุการณ์เช่น ไปเข้าค่ายก็ไปจีบเด็กที่เข้าค่าย หรือตอนไปฝึกสอนปี 4 ก็ไปกับเพื่อนคนเดิม ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เลิกเรียนก็ไปดื่มกันไม่เว้นวัน หนักสุดคือตอนที่เราแอบดูเฟสเขา เขาจีบเด็กนักเรียน แล้วหลายคนมาก จริงๆมันคงเชิงหยอกล้อแหละ แต่เราช็อคไม่คิดว่าเขาจะเป็นถึงขนาดนี้ ยิ่งบางแชทมีการพิมพ์บอกกันว่า โอ๋ๆก็เลยโกรธครูเลย ครูขอโทษ ครูจะไม่ด่าแล้วคาบหน้า... พอเราเห็นเราตัดสินใจว่าคงไม่ให้โอกาสละ ( อีกตอนก่อนหน้าเรื่องนี้ 3 เดือนเขาขอไปเคานดาวน์ที่บ้านกับเพื่อน หนักสุดคือไปจีบเพื่อนที่กลับจากกรุงเทพ เราจับได้ก็ตามถึงบ้านเพื่อจะเคลียร์ สุดท้ายก็เลือกเขา เราเสียใจมากที่เขานอกใจ เขาใช้เวลาอยู่ด้วย 3-4วันเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ด้วยความที่เราโง่และรักเขามากก็เป็นฝ่ายอ้อนวอนไม่ให้เขาทิ้งไป เขาจึงเลิกคุยกับเพื่อนคนนั้น)
ชัดเจนว่าเขาบริหารเสน่ห์ไปทั่ว ตอนนั้นเราคิดเรื่องเขาเยอะมาก แต่เราก็ใช้โอกาสที่เราไปฝึกงานห่างกับเขา คิดว่าน่าจะตัดได้ละ จนเราไม่คุยกัน 2 เดือนกว่า สุดท้ายก็มีเหตุให้ทักหากันเรื่องครอบครัว จากนั้นก็กลับมาคุยกันยาว สุดท้ายก็คบกันเหมือนเดิม ตอนนั้นเราพยายามลืมทุกอย่างที่เขาเคยทำ เพราะอยากเริ่มใหม่ เราเปลี่ยนทุกอย่างเราไม่ห้ามอะไรเขาอีกเลย อยากทำอะไรทำ ขอแค่ไม่นอกใจเราก็พอ
ช่วงนั้นเขาก็ทำดีหลายอย่างก็คิดว่าความสัมพันธ์คงดีขึ้นละ
แต่เขาเริ่มหวงพื้นที่ส่วนตัว ไม่โพสต์อะไรถึงเรา ลบสถานะ
ไม่ให้เช็คอะไรอีก ตอนนั้นเราโอเคเรารู้สึกว่าเรามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น จนช่วงเรียนจบ เราก็หางานเขาก็อ่านหนังสือสอบเพื่อบรรจุ จนในที่สุดเขาก็สอบบรรจุผ่านทุกรอบ และได้บรรจุ ในจังหวัดบ้านเกิด ส่วนเราได้งานที่สนามบินแห่งหนึ่ง ในช่วงเรียนจบเราห่างกันเยอะขึ้น แต่คุยกันตลอด มีทะเลาะกันแต่ก็ประคับประคองมาได้....
เรายอมทุกอย่างเขาเที่ยวกลางคืนบ่อย ไปกับเพื่อนบ่อย มีสังคมเยอะขึ้น จนมันเห็นได้ชัดว่ามันมีอะไรน่าตะหงิดอีกครั้ง เราเริ่มกลับมากังวล อะไรไม่รู้ดลใจให้เราไปส่องเฟสแฟน หารายชื่อเพื่อน เราไปเห็นคนนึงมาฝึกสอนที่โรงเรียนแฟน เราก็เอาไปถามสรุปทะเลาะกันอีก ด้วยความที่เราขี้ระแวงกลัวแฟนจะเป็นแบบเดิม ก็เอาเรื่องนี้มาทะเลาะกันเพราะแฟนไม่เคยบอกว่าต้องทำงานกับคนนี้ จนมันต้องระแวงกันทุกวัน ทั้งเรื่องพี่ที่ทำงานเพราะแฟนเราไปกับพี่เขาทุกวันหลังเลิกเรียน (พี่เขาโสด) เลยชวนแฟนเราไปกินข้าว ไปคาเฟ่ ไปสังสรรค์บ่อยๆ เราก็โมโหอีกเพราะแฟนแทบจะไม่มีเวลาให้เราเลย ( ที่โมโหเพราะไปกับพี่เขาจะถ่ายรูปถ่ายสตอรี่ให้ตลอด แต่คบกับเรามาไม่เคยถ่ายรูปให้เราเลย รูปคู่ไม่มีด้วยซ้ำ เราก็น้อยใจไปใหญ่) ความสัมพันธ์ก็ตึงเครียดไปอีก ทะเลาะกันหนักในแต่ละวันบางวันเราทำงานเราก็ไม่มีสติ คิดแต่ว่าแฟนจะทำอะไร แฟนจะมีเวลาให้เราไหม ไม่มีอะไรที่ทำให้เราเชื่อใจได้เลย แต่เราทั้งสองก็หาทางเชื่อมความสัมพันธ์ด้วยการมาหากันในวันหยุดบ้าง...
จนตอนเราไปหาแฟน เราแอบเช็คโทรศัพท์ตอนแฟนหลับ
ก็พบว่า แฟนเราจีบน้องคนที่มาฝึกสอนจริงๆ และจีบกันมาตลอด 2 เดือนที่บรรจุ เราจุกมากรอบนี้ ทุกอย่างมันหายวับไปหมดไม่มีอะไรเหลือ เราไม่รู้ว่าตอนอยู่ด้วยกันมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ในแชทเขาคุยกันบ่อยกว่าเรา ไม่ถามคำตอบคำ
แถมบางวันมีการชวนกันไปหาตอนเย็นๆ บางวันเลิกเรียนชวนกันอออกกำลังกายที่รร. หนักสุดน้องเขาแชทมาว่าจะเอาเสื้อไปให้เปลี่ยนที่ห้องพัก มีคนอยู่ด้วยไหม...
แค่อ่านแค่นี้สติกับใจเราก็หลุดไปละ ยังมีแชทเพื่อนที่เป็นครูก็ส่งรูปน้องคนนี้มาในแชทแล้วบอกว่ารีบมาน้องเขาคิดถึงมาก แล้วก็ส่งข้อความมาอีกว่าอย่าให้แฟนเธอเห็น...
เราเห็นละเราพูดไม่ออกเลย เราคิดผิดไปจริงๆที่ยังยื้อความสัมพันธ์ไว้ ต่อให้จะยื้อจะเปลี่ยนแค่ไหนแฟนเราคงไม่มีทางจะกลับมาเป็นคนเดิม....
เราจำได้ว่าหลังวันนั้น เราไปทำงานเลิก 4 ทุ่มเรานอนร้องไห้จนตี 4 ข้าวไม่กิน ไม่อยากทำอะไร เป็นแบบนี้ซ้ำๆ 1 สัปดาห์
เราไม่เป็นอันที่จะทำงาน เราเริ่มกลับมาจับผิด งี่เง่าใส่แฟนอีก จนต้องทะเลาะกันทุกวัน เพราะน้องคนนั้นยังต้องฝึกงานเราลำบากใจมาก จนเราข้องใจทักไปถามน้องเขา เรื่องมันก็บานปลาย จนต้องมานั่งเคลียร์กัน แล้วทั้งสองก็บอกว่าไม่ได้คิดอะไรจริงๆแล้วมันแค่ความสัมพันธ์พี่น้อง....
เราสบายใจที่ได้เคลียร์แต่ก็เต็มไปด้วยความกังวล หวาดระแรง แล้วตอนนี้แฟนเราไม่เคยสำนึกผิด ไม่เคยขอโทษ ไม่เคยง้อ เกิดเรื่องอะไรขึ้นจะโมโหกลบเกลื่อนตลอดถ้าเถียงไม่ได้จะทำร้ายร่างกายอย่างเดียว เราก็โง่เองที่ไม่ออกมาสักที ไหนจะไม่มีเวลาให้เรา ไม่เคยเเกรงใจเราเลยหลังๆ เขาทำตัวแย่กับเราคนเดียว กับคนรอบข้างเขาใส่ใจเขาให้เกียรติทุกคน เขาจะอารมณ์เสียแค่กับเราเท่านั้น เราเอาแต่คิดเสียดายเวลาที่สร้างมา เราแค่คิดว่าลำบากมาด้วยกันแค่อยากมีเขาในอาคต แค่นี้ทนได้ ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่ามันไม่ได้อะไรขึ้นมา
หลังเหตุการณ์นั้นเราพลาดอย่างมาก เราไม่เป็นอีนทำงานจนมีเหตุให้ลาออก โทษใครไม่ได้มันเป็นเพราะความไร้เดียงสา และความคิดน้อยของเราเอง 😭😭 สุดท้ายเราต้องตกอยู่ในสภาวะว่างงานมานั่งหางานใหม่ บุคคลที่น่าสงสารที่สุดคือครอบครัวเรา เราไม่เคยนึกถึงพวกเขาเลยเอาแต่นึกถึงคนอื่นผลเลยออกมาเป็นแบบนี้
ตอนนี้แฟนเราบรรจุได้เกือบปี 1 แล้วแน่นอนว่าเมื่อมีโอกาสแฟนเราจะบริหารเสน่ห์ตลอด (ไปกีฬางานวันครูก็มีกะเทยมาจีบแฟนเรายังคุยกันมาเรื่อยๆเมื่อมีโอกาส ไหนจะตอนไปเข้าค่ายลูกเสือเขาก็บอกเพื่อนว่าเขาอยากจีบคนในกลุ่ม แถมยังบอกทุกคนว่าโสดอีก*เราแอบดูแชทและคงจะไม่เสียมารยาทดูอีกแล้ว) ทุกอย่างเกี่ยวกับเราเขาปิดบังทุกคนหมด มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นบ่อยจนใจเรามันชินชา ตอนนี้เรายังคบเขาอยู่
ไม่รู้เลยจะทำยังไงต่อไป เราแค่ยึดติดภาพตอนเขามาจีบเรามีแต่หวังว่าสักวันเขาจะกลับไปเปลี่ยนแบบนั้น แต่ตัวตนที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้อาจเป็นตัวตนของเขาจริงๆก็ได้ เราเลิกกันนับครั้งไม่ถ้วนแต่เราก็ยื้อมาตลอด เพราะเราอยากมีเขาในอนาคต และเราไม่พร้อมที่จะเห็นเขาไปได้ดีกับคนอื่น เรายังเห็นแก่ตัวอยู่ แต่ตอนนี้เขาบอกเราตรงๆว่าเขาหมดรักและไม่อยากมีเราแล้ว เราแค่ยังไม่ยอมรับความจริง สุดท้ายเราก็คงต้องเป็นฝ่ายยอมรับความจริงให้ได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ และมันจบลงแล้ว... เราได้แต่รอวันที่เราจะยืนได้ด้วยตัวเองและวันที่เรารักตัวเองมากกว่าที่รักเขา ขอบคุณทุกๆคนที่เสียเวลามาอ่านนะคะ ถึงมันจะเป็นความรักเด็กน้อยแต่มันก็ทำให้เรามีความสุขที่สุด ณ ช่วงหนึ่ง
เขียนเกือบครบ 10,000 คำ ทุกคนอาจจะรำคานหรือเบื่อกระทู้นี้ คิดซะว่ามันคือพล็อตละคร หรือนิยายก็ได้ค่ะ เราแค่อยากมาบันทึกความทรงจำช่วงนึงเอาไว้ ก่อนที่จะไม่มีมันไปอีกตลอดกาล คงจะเป็นครั้งสุดท้ายๆแล้วจริงๆ ขอให้เธอโชคดี....