คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 29
ขออนุญาตแนะนำในฐานะผู้ประกอบการ และอาจารย์ด้านการตลาด จากความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่โกรธหรือดราม่านะคะ
บางท่านแนะนำร้านกาแฟ ถามว่าดีมั้ย ก็ดีแค่ช่วงหนึ่งแต่ไม่ยั่งยืนค่ะ เป็นแค่กระแส เพราะคนเราชอบสิ่งแปลกใหม่ แต่ไม่นานค่ะ ไม่เหมือนสิ่งที่เราจำเป็นต้องกิน ต้องใช้ ยิ่งถ้าเราเป็นร้านเล็ก ๆ อยู่ได้ไม่นาน ไม่รวย ไม่เหมือนแบรนด์ดัง ๆ หรือธุรกิจที่มีแฟรนไชส์ เพราะเค้ามีทุน และมีทีมงานคอยวิเคราะห์ตลาดตลอด
ส่วนตัวถ้าเป็นดิฉันมองว่าถ้าเปิดอู่ มีข้อจำกัดเรื่องบริเวณที่จอดรถค่ะ และอยู่ในซอยหมู่บ้าน ก็ไม่เหมาะอยู่แล้วที่จะทำอู่เพราะรบกวนบ้านข้างเคียงและคนในซอยถ้าจะต้องมีรถรอคิวจอดเข้าซ่อม หรือจอดทำยังไม่เสร็จ (ส่วนตัวไม่ชอบพวกจอดรถริมทาง ริมถนน ทำให้สัญจรไม่สะดวกอยู่แล้วค่ะ) เพราะเรามองว่าเห็นแก่ตัว ถนนมีสำหรับรถวิ่ง ไม่ใช่รถจอด หรือบางครั้งบางคนบอกทางสาธารณะ แน่นอนว่าต้องใช้ร่วมกัน ไม่ใช่คนหนึ่งคนใดจอดแช่ทิ้งไว้ ส่วนอาคารพาณิชย์เดี๋ยวนี้ก็ต้องเว้นระยะอย่างด้านหน้า หรือระยะร่น ไม่แน่ใจว่า 5-7 เมตรหรือเปล่า เคยสร้างนานแล้วไม่แน่ใจกฎหมายตอนนี้ (ลองศึกษาหาข้อมูลอีกครั้งนะคะ) ก็เหลือพื้นที่จริงไม่เยอะ ทำธุรกิจต้องไม่ให้เดือดร้อนคนทั่วไปสะดวกเราลำบากคนอื่นอันนี้ไม่ดีค่ะ ที่สำคัญเก็บเงินยากค่ะ สำหรับงานประกัน ถ้าให้จ่ายสดลูกค้าส่วนใหญ่ก็คงไม่มีกำลังจ่าย และถ้าเป็นประเภท อู่ซ่อมรถประเภท service ทั่วไป ช่วงล่าง เบรค ยางรถยนต์ ส่วนใหญ่เค้าก็จะไปร้านเช่น B-Quik, ออโต้ไทร์, Cockpit, FIT Auto, ไทร์พลัส เป็นต้น พวกนี้มีสถานที่ดีมาก จอดรถได้เยอะ ปลอดภัย บริการดีเทียบเท่าศูนย์รถยี่ห้อต่าง ๆ ค่ะ ส่วนใหญ่มีมาตราฐาน มีโปรโมชั่นยาง ต่าง ๆ เพราะอาศัยว่ามีหลายสาขา แฟรนไชส์ Due กันตลอด ร้านเล็ก ๆ สู้ไม่ค่อยได้หรอกค่ะจะได้ลูกค้าขาจร หรือคนรู้จัก (อาจจะเก็บเงินไม่ได้ด้วย) ซึ่งลงทุนสูงเหมือนกัน และค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างแค่ฮ้อยยกรถ ALTRA LIFT หรือลิฟท์ยกรถ อย่างน้อยก็ต้องมี สัก 2 เครื่องก็เต็มพื้นที่สำหรับอาคารพาณิชย์แล้วค่ะ ถ้ามีตัวเดียวก็ไม่เพียงพอเวลาทำงานจริง ยังไม่รวมยาง อะไหล่ต่าง ๆ ถ้าไม่สินค้าโชว์บางทีลูกค้าก็ไม่มั่นใจว่าจะเลี้ยวเข้าไปดีมั้ย จะแพงมั้ย ดูมีของน้อย ๆ เป็นต้น
ถ้าทำร้านอาหารแนะนำร้านตามสั่ง อาหารทั่ว ๆ ไป มีอาหารเช้า กลางวัน (ราคาสำหรับคนทำงาน, นักเรียน, นักศึกษา) อาจจะมีกาแฟ เครื่องดื่มอยู่ในร้านด้วยค่ะ อันนี้อยู่ได้ค่ะ และแนวโน้มลูกค้ากลุ่มนี้ก็มีความต้องการมากขึ้นค่ะ ส่วนร้านกาแฟ หรือ คาแฟ่อยู่ได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เศรษฐกิจตอนนี้คนไม่มีกำลังซื้อค่ะ ขนาดร้านกาแฟดังยังปิดไปเยอะเลยค่ะ
แนะนำให้ค้าขายเกี่ยวกับการซื้อมาขายไป ไม่ต้องใช้พนักงานเยอะ เหมาะกับอาคารพาณิชย์ หรือ ทาวน์เฮ้าส์ ทาวนโฮม มากกว่าค่ะ เช่น ขายน้ำมันเครื่อง แบตเตอร์รี่ จะเปลี่ยนจะเทิร์น ก็ง่าย อาจจะมีบริการนอกสถานที่ด้วย เพราะร้านเหล่านี้ก็ยังมีความต้องการอยู่เพราะทุกคนต้องใช้รถยนต์อยู่ แม้ว่าจะมีรถไฟฟ้าแต่ก็ยังอีกนานกว่าประชาชนส่วนใหญ่จะใช้ด้วยปัญหาสถานีชาร์จไฟก็ยังไม่ครอบคลุม ความเชื่อมั่นก็ยังน้อยกว่ารถยนต์พวกสันดาปค่ะ ลงทุนไม่สูงมาก ไม่เน่าไม่เปื่อย ไปไม่รอดก็ขายคืนได้ค่ะ
แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยงลงทุนตอนนี้ เพราะเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ก็ปล่อยให้เช่าค่ะ กินค่าเช่าสบาย ๆ ได้แน่ ๆ เซ็นสัญญาสัก 2 ปี เป็นราย ๆ ไป ถ้าเกินกว่า 3 ปี อาจจะต้องไปกรมที่ดิน (ไม่แน่ใจลองหาข้อมูลอีกทีนะคะ) เพราะบางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนเก็บเงินไว้ดีกว่า หรือ มีรายได้จากค่าเช่า ก็ดีกว่าค่ะไม่เจ็บตัว
ยังไงก็ลองพิจารณาดูนะคะ หรืออ่านศึกษา ค้นคว้าข้อมูลเชิงลึก ลงพื้นที่ดูธุรกิจที่เราสนใจก่อนที่จะลงทุนนะคะ ขอเป็นกำลังให้เริ่มต้นไปได้ด้วยดีค่ะ
บางท่านแนะนำร้านกาแฟ ถามว่าดีมั้ย ก็ดีแค่ช่วงหนึ่งแต่ไม่ยั่งยืนค่ะ เป็นแค่กระแส เพราะคนเราชอบสิ่งแปลกใหม่ แต่ไม่นานค่ะ ไม่เหมือนสิ่งที่เราจำเป็นต้องกิน ต้องใช้ ยิ่งถ้าเราเป็นร้านเล็ก ๆ อยู่ได้ไม่นาน ไม่รวย ไม่เหมือนแบรนด์ดัง ๆ หรือธุรกิจที่มีแฟรนไชส์ เพราะเค้ามีทุน และมีทีมงานคอยวิเคราะห์ตลาดตลอด
ส่วนตัวถ้าเป็นดิฉันมองว่าถ้าเปิดอู่ มีข้อจำกัดเรื่องบริเวณที่จอดรถค่ะ และอยู่ในซอยหมู่บ้าน ก็ไม่เหมาะอยู่แล้วที่จะทำอู่เพราะรบกวนบ้านข้างเคียงและคนในซอยถ้าจะต้องมีรถรอคิวจอดเข้าซ่อม หรือจอดทำยังไม่เสร็จ (ส่วนตัวไม่ชอบพวกจอดรถริมทาง ริมถนน ทำให้สัญจรไม่สะดวกอยู่แล้วค่ะ) เพราะเรามองว่าเห็นแก่ตัว ถนนมีสำหรับรถวิ่ง ไม่ใช่รถจอด หรือบางครั้งบางคนบอกทางสาธารณะ แน่นอนว่าต้องใช้ร่วมกัน ไม่ใช่คนหนึ่งคนใดจอดแช่ทิ้งไว้ ส่วนอาคารพาณิชย์เดี๋ยวนี้ก็ต้องเว้นระยะอย่างด้านหน้า หรือระยะร่น ไม่แน่ใจว่า 5-7 เมตรหรือเปล่า เคยสร้างนานแล้วไม่แน่ใจกฎหมายตอนนี้ (ลองศึกษาหาข้อมูลอีกครั้งนะคะ) ก็เหลือพื้นที่จริงไม่เยอะ ทำธุรกิจต้องไม่ให้เดือดร้อนคนทั่วไปสะดวกเราลำบากคนอื่นอันนี้ไม่ดีค่ะ ที่สำคัญเก็บเงินยากค่ะ สำหรับงานประกัน ถ้าให้จ่ายสดลูกค้าส่วนใหญ่ก็คงไม่มีกำลังจ่าย และถ้าเป็นประเภท อู่ซ่อมรถประเภท service ทั่วไป ช่วงล่าง เบรค ยางรถยนต์ ส่วนใหญ่เค้าก็จะไปร้านเช่น B-Quik, ออโต้ไทร์, Cockpit, FIT Auto, ไทร์พลัส เป็นต้น พวกนี้มีสถานที่ดีมาก จอดรถได้เยอะ ปลอดภัย บริการดีเทียบเท่าศูนย์รถยี่ห้อต่าง ๆ ค่ะ ส่วนใหญ่มีมาตราฐาน มีโปรโมชั่นยาง ต่าง ๆ เพราะอาศัยว่ามีหลายสาขา แฟรนไชส์ Due กันตลอด ร้านเล็ก ๆ สู้ไม่ค่อยได้หรอกค่ะจะได้ลูกค้าขาจร หรือคนรู้จัก (อาจจะเก็บเงินไม่ได้ด้วย) ซึ่งลงทุนสูงเหมือนกัน และค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างแค่ฮ้อยยกรถ ALTRA LIFT หรือลิฟท์ยกรถ อย่างน้อยก็ต้องมี สัก 2 เครื่องก็เต็มพื้นที่สำหรับอาคารพาณิชย์แล้วค่ะ ถ้ามีตัวเดียวก็ไม่เพียงพอเวลาทำงานจริง ยังไม่รวมยาง อะไหล่ต่าง ๆ ถ้าไม่สินค้าโชว์บางทีลูกค้าก็ไม่มั่นใจว่าจะเลี้ยวเข้าไปดีมั้ย จะแพงมั้ย ดูมีของน้อย ๆ เป็นต้น
ถ้าทำร้านอาหารแนะนำร้านตามสั่ง อาหารทั่ว ๆ ไป มีอาหารเช้า กลางวัน (ราคาสำหรับคนทำงาน, นักเรียน, นักศึกษา) อาจจะมีกาแฟ เครื่องดื่มอยู่ในร้านด้วยค่ะ อันนี้อยู่ได้ค่ะ และแนวโน้มลูกค้ากลุ่มนี้ก็มีความต้องการมากขึ้นค่ะ ส่วนร้านกาแฟ หรือ คาแฟ่อยู่ได้แค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เศรษฐกิจตอนนี้คนไม่มีกำลังซื้อค่ะ ขนาดร้านกาแฟดังยังปิดไปเยอะเลยค่ะ
แนะนำให้ค้าขายเกี่ยวกับการซื้อมาขายไป ไม่ต้องใช้พนักงานเยอะ เหมาะกับอาคารพาณิชย์ หรือ ทาวน์เฮ้าส์ ทาวนโฮม มากกว่าค่ะ เช่น ขายน้ำมันเครื่อง แบตเตอร์รี่ จะเปลี่ยนจะเทิร์น ก็ง่าย อาจจะมีบริการนอกสถานที่ด้วย เพราะร้านเหล่านี้ก็ยังมีความต้องการอยู่เพราะทุกคนต้องใช้รถยนต์อยู่ แม้ว่าจะมีรถไฟฟ้าแต่ก็ยังอีกนานกว่าประชาชนส่วนใหญ่จะใช้ด้วยปัญหาสถานีชาร์จไฟก็ยังไม่ครอบคลุม ความเชื่อมั่นก็ยังน้อยกว่ารถยนต์พวกสันดาปค่ะ ลงทุนไม่สูงมาก ไม่เน่าไม่เปื่อย ไปไม่รอดก็ขายคืนได้ค่ะ
แต่ถ้าไม่อยากเสี่ยงลงทุนตอนนี้ เพราะเนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ก็ปล่อยให้เช่าค่ะ กินค่าเช่าสบาย ๆ ได้แน่ ๆ เซ็นสัญญาสัก 2 ปี เป็นราย ๆ ไป ถ้าเกินกว่า 3 ปี อาจจะต้องไปกรมที่ดิน (ไม่แน่ใจลองหาข้อมูลอีกทีนะคะ) เพราะบางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนเก็บเงินไว้ดีกว่า หรือ มีรายได้จากค่าเช่า ก็ดีกว่าค่ะไม่เจ็บตัว
ยังไงก็ลองพิจารณาดูนะคะ หรืออ่านศึกษา ค้นคว้าข้อมูลเชิงลึก ลงพื้นที่ดูธุรกิจที่เราสนใจก่อนที่จะลงทุนนะคะ ขอเป็นกำลังให้เริ่มต้นไปได้ด้วยดีค่ะ
แสดงความคิดเห็น
อู่ซ่อมรถ กับ ร้านอาหาร อย่างไหนมีโอกาสอยู่รอดได้มากกว่ากันครับ
ส่วนตัวเคยเรียน หลักสูตรทั้งช่างซ่อมรถยนต์และหลักสูตรระบบไฟฟ้ารถยนต์ หลักสูตร 200 ชั่วโมง ของ กทม.
และเรียนคอร์สทำอาหาร หลักสูตรระยะสั้น 3 เดือน ของวิทยาลัยสอนทำอาหารจาก ตปท. ที่มาเปิดในไทย กับหลักสูตรอาหาร 200 ชม. ของ กทม
คือตอนแรก ตั้งใจจะเปิดร้านอาหาร + คาเฟ่ แต่เห็นร้านอาหารช่วงนี้แย่มาก ปิดกันเยอะมาก วัตถุดิบก็ขึ้นเอามากๆ เลยมีความเอนเอียงเรื่องเปิดอู่ซ่อมรถประเภท service ทั่วไป ช่วงล่าง เบรค ยางรถยนต์
เลยอยากจะขอความเห็นสมาชิกหน่อยว่าถ้าทำจริงๆ อันไหนพอจะ ก๊อกๆ แก๊ก พอเอาตัวรอดได้บ้างครับ
ขอบคุณครับ