วัตถุประสงค์ของกระตู้นี้ สำหรับผู้ที่สนใจเดินทางไปดำน้ำลึก พักบนเกาะ Fuvahmulah ที่มัลดีฟส์
ภาพที่ใช้ประกอบไม่ได้ตกเเต่งให้เกินจริง เเต่ในทางตรงกันข้ามของจริงจะสวยกว่า เพราะผู้เขียนถ่ายเเบบไม่ตั้งใจ 5555555
และเรืองราวที่เล่าเป็นความจริง เน้นเเบบของจริง ไม่เวอร์ค่ะ
เดินทางจากกรุงเทพ ไปมาเล่ คงไม่ต้องอธิบาย เพราะไม่มีอะไรมาก
เเนะนำว่าเวลาเดินทางให้หลีกเลี่ยงวันเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ เพราะครั้งแรกมี่เจ้าของกระทู้ไปมัลดีฟส์เกือบตกเครื่องขากลับ เพราะคนเยอะมาก เจ้าของกระทู้ต้องทำหน้าหนาแซงคิว
ฝ่าผู้คน โดยมีเสียงคนยุโรปพูดภาษาอังกฤษด่าตามเป็นระยะๆ แต่คนอเมริกันที่ต่อคิวข้างหน้าเจ้าของกระทู้แค่บ่นว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว ทำไมปล่อยให้ระบบจัดการสนามบินเป็นอย่างนี้ เมื่อมาถึง gate เจ้าของกระทู้เลยถามเจ้าหน้าที่ที่นั่น ได้คำตอบว่า เป็นปกติใน วันหยุด เธอเตรียมเวลามา ห้าชั่วโมงเลยนะ 555555
ใครที่ไปคงคุ้นเคยกับเสียงที่ประกาศในสนามบินว่า ถ้าเจ้าหน้าที่เจอกระเป๋าทิ้งไว้ไม่มีเจ้าของ เค้าจะเข้ามาจัดการ และถ้าจะเข้าห้องน้ำที่นั่นก่อนเช็คอิน ให้เอากระเป๋าเข้าไปในห้องน้ำได้ ยกเว้นรถเข็นห้ามเข้า
เรื่องซืมการ์ดแบบ 20 GB ราคา USD 40 ลองซื้อใช้ดูเมื่อครั้งไปเกาะ มาฟูชิ สัญญาณดี ไม่มีปัญหา เเต่ครั้งนี้ลองเปลี่ยนไปใช้ sim 2 fly สัญญาณดีไม่มีปัญหาเหมือนกัน เจ้าของกระทู้อยากรู้เลยเลือกใช้ทั้งสองเเบบ
เมื่อถึงสนามบินมาเล่ เจ้าของกระทู้ก็เข็นรถเตรียมไปต่อเครื่องสายการบิน Maldivian ที่เจ้าของกระทู้ให้ มิสเตอร์ มูเจ ซึ่งเป็นเจ้าของที่เจ้าของกระทู้จะไปพักจองให้ ในราคา USD 313 โดยน้ำหนักกระเป๋าอยู่ที่ 20 กิโล ถ้าเกิน USD 3.9 ต่อกิโล ตอนเช็คอินกระเป๋าเจ้าของกระทู้เกิน ดูเจ้าหน้าที่ไม่เห็นมองน้ำหนักเลย เจ้าของกระทู้เลยคิดเอาเองว่าคงเกินไม่มากมั้ง 55555 (จริงๆก้อเกินไม่ถึงโล เเต่เค้าทำงานชิลลลลล ไม่ค่อยเช็คอะไรจริงๆ)
บรรยากาศเมื่อเครื่องลงถึงประมาน 16.30 น (ออกจากมาเล่ เวลา 15.05) บรรยากาศรอบๆก็ ทุ่งนา ตามรูป สนามบินก็เล็กมาก จนเจ้าของกระทู้ไม่ได้ถ่ายรูป เพราะไม่รู้จะถ่ายอะไร 555555
ภาพบรรยากาศตอนไปขึ้นเครื่อง ก็อย่างในภาพส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่บนเกาะ เพราะจะไปเกาะนี้เร็วสุดก็ขึ้นเตรื่องจากเมเล่ตอน 15.05 ถึงปลายทาง 16.30
พอเอากระเป๋าออกมา มิสเตอร์มูเจ (ที่เป็นเจ้าของที่พัก) ก็ให้มิสเตอร์มูฮัมหมัดมารับเจ้าของกระทู้ที่สนามบินไปที่พัก เค้าชูป้ายข้างล่างตอนมารับ ไม่ต้องกลัวหลงไม่เจอ เพราะเล็กมากถึงมากที่สุด เอากระเป๋าเข้าที่พัก ก็พาเจ้าของกระทู้เว้นมอไชค์ ชมเกาะ กับร้านดำน้ำ
ให้ชมที่พักที่มีเจ้าของกระทู้พักอยู่คนเดียวในบ้าน ราคา 1500 บาทต่อคืนโดยมีมิสเตอร์มูฮัมหมัดมาทอดไข่ให้กินตอนเช้าโดยเจ้าของกระทู้สอนให้เค้า เหยาะเเม็กกี้ลงไปในไข่ (พกมาจากไทย)
ทุกเช้า เจ้าของกระทู้ก็จะมานั่งรอที่โต๊ะทานข้าว มิสเตอร์มูฮัมมัสมาเจียวไข่ให้กินตรงเตาดูจากรูปข้างบน มีเครื่องกรองน้ำ หน้าที่เจ้าของกระทู้คือต้องเติมน้ำจากเครื่องกรองน้ำไปใส่ไว้ในตู้เย็นเพื่อไว้ดื่มเอง เจ้าของกระทู้ถามว่าน้ำกรองกินได้มั้ย ต้องไปซื้อน้ำขวดกินมั้ย เค้าบอกกินได้ เจ้าของกระทู้เลยลองกินหลายวันก็ไม่จู๊ดๆ เค้าก็ลุ้นอยากให้เจ้าของกระทู้ทำข้าวกินเอง เเต่เจ้าของกระทู้ขี้เกียจ ขอรอกินดีกว่า เสร็จแล้วก็ไปส่งร้านดำน้ำ จริงๆก็เดินไปก็ได้ แต่เจ้าของกระทู้ขี้เกียจ อยากนั่งมอไซค์
ที่ตากผ้า มีเครื่องซักผ้า มีผงซักฟอก น่าจะของคนมาพักก่อนทิ้งไว้ ขยันก็เอาผ้ามาตาก มีเตารีดให้ด้วย ไม่เคยใช้ แต่ที่ตากผ้ากว้างเอาอูปกรณ์มาตากวันสุดท้ายสบายๆ เเห้งสนิท
ห้องนั่งเล่น เจ้าของกระทู้เอา chair ไปตั้งตีลังกาแล้วเปิดเเอร์ อืมแอร์เย็นเหมือนในห้องนอง มี Nexflix มี wifi ใช้คนเดียวก็เเรงอยู่ แต่ไม่เคยไปนั่งดูทีวี
ถ้าใครสนใจอยากดูห้องนอน สามารถดูได้ตาม booking.com หรือ agoda.com ของจริงเหมือนในรูปค่ะ
ก่อนรีวิวตารางดำน้ำ ราคา เเละร้านดำน้ำ ขออนุญาตพาเที่ยวชมบรรยากาศบนเกาะก่อนค่ะ
เกาะนี้มีความกว้างประมานกีโลกว่าเเละความยาวประมานสี่กิโลกว่า จริงๆก็คือ Atoll ดีๆนี่เอง
เริ่มแแรกเลยมีวัดไทยชื่อ Havihtha ไปตั้งบนเกาะ แต่ภายหลังถูกลื้อถอน ปัจจุบันเหลือแต่ป้ายที่เห็นข้างล่าง เเละเปลี่ยนเป็นมุสลิมทั้งเกาะ
มัสยิดเเห่งเเรกบนเกาะ ปัจจุบันอนุรักษ์ไว้ ไม่ได้ใช้งานจริง
บ่อน้ำนี้ เค้าให้เจ้าของกระทู้ลองชิมน้ำที่ตักจากบ่อตรงละมุมของบ่อ โดยเค้าบอกว่ารสชาติน้ำจะไม่เหมือนกัน ที่เห็นเหมือนมีอะไรพาดอยู่คือกระบวยน้ำที่ใช้ตักน้ำขึ้นจากบ่อ ไปถึงหน้างานเเล้ว เจ้าของกระทู้ก็ต้องชิม พร้อมตอบกลับไปว่าไม่เหมือนจริงๆ ใครมีโอกาสสนใจไปชิมช่วยบอกเจ้าของกระทู้อีกทีว่าด้วยว่า รสชาติมันต่างกันจริงๆไหม
พาไปชมบรรยากาศร้านขายของบนเกาะที่เค้าเครมว่า จริงๆมีประชากรบนเกาะนี้ หมื่นสี่ เเต่อยู่จริงๆ เก้าพันคน แต่ที่เจ้าของกระทู้เห็น พันคนถึงไหม เเฮ่ๆ
หมู่บ้านเอื้ออาทรในสไตร์มัลดีฟส์
ร้านค้าที่ดูทันสมัย เเละได้รับวัฒนธรรมจากต่างประเทศที่เห็นคือร้านจากญี่ปุ่นMiniso ของข้างในร้านจะประมานนี้ค่ะ
ร้านขายของฝากร้านเดียวบนเกาะ (รูปข้างล่าง) ที่เห็นผู้ชายซ้ายมือในรูปคือ มิสเตอร์มูเจ เจ้าของที่พักที่เจ้าของกระทู้ไปพักด้วย ได้เสื้อยืดรูปฉลาม และฟันฉลามเสือจากมิสเตอร์มูเจมาค่ะ ที่เห็นกำลังยืนคุยโทรศัพท์คือบอกให้มาเปิดร้านค่ะ คนที่นี่เค้าจะชิลลลลลลลลลกันค่ะ
ร้านต่างๆภายในเกาะค่ะ
เดินออกจากที่พักไปก็เจอทะเลตามรูปค่ะ คนที่นี่เค้าจะมานั่งริมทะเลวันศุกร์ เสาร์ เเละเอาสเบียงมาด้วยเด็กๆจะว่ายน้ำเล่นทะเล มิสเตอร์มูเจบอกไว้ค่ะ
เเชร์ประสบการณ์ดำน้ำลึกเเบบไปคนเดียวบนเกาะมัลดีฟส์
ภาพที่ใช้ประกอบไม่ได้ตกเเต่งให้เกินจริง เเต่ในทางตรงกันข้ามของจริงจะสวยกว่า เพราะผู้เขียนถ่ายเเบบไม่ตั้งใจ 5555555
และเรืองราวที่เล่าเป็นความจริง เน้นเเบบของจริง ไม่เวอร์ค่ะ
เดินทางจากกรุงเทพ ไปมาเล่ คงไม่ต้องอธิบาย เพราะไม่มีอะไรมาก
เเนะนำว่าเวลาเดินทางให้หลีกเลี่ยงวันเสาร์ อาทิตย์ จันทร์ เพราะครั้งแรกมี่เจ้าของกระทู้ไปมัลดีฟส์เกือบตกเครื่องขากลับ เพราะคนเยอะมาก เจ้าของกระทู้ต้องทำหน้าหนาแซงคิว ฝ่าผู้คน โดยมีเสียงคนยุโรปพูดภาษาอังกฤษด่าตามเป็นระยะๆ แต่คนอเมริกันที่ต่อคิวข้างหน้าเจ้าของกระทู้แค่บ่นว่าเป็นเมืองท่องเที่ยว ทำไมปล่อยให้ระบบจัดการสนามบินเป็นอย่างนี้ เมื่อมาถึง gate เจ้าของกระทู้เลยถามเจ้าหน้าที่ที่นั่น ได้คำตอบว่า เป็นปกติใน วันหยุด เธอเตรียมเวลามา ห้าชั่วโมงเลยนะ 555555
ใครที่ไปคงคุ้นเคยกับเสียงที่ประกาศในสนามบินว่า ถ้าเจ้าหน้าที่เจอกระเป๋าทิ้งไว้ไม่มีเจ้าของ เค้าจะเข้ามาจัดการ และถ้าจะเข้าห้องน้ำที่นั่นก่อนเช็คอิน ให้เอากระเป๋าเข้าไปในห้องน้ำได้ ยกเว้นรถเข็นห้ามเข้า
เรื่องซืมการ์ดแบบ 20 GB ราคา USD 40 ลองซื้อใช้ดูเมื่อครั้งไปเกาะ มาฟูชิ สัญญาณดี ไม่มีปัญหา เเต่ครั้งนี้ลองเปลี่ยนไปใช้ sim 2 fly สัญญาณดีไม่มีปัญหาเหมือนกัน เจ้าของกระทู้อยากรู้เลยเลือกใช้ทั้งสองเเบบ
เมื่อถึงสนามบินมาเล่ เจ้าของกระทู้ก็เข็นรถเตรียมไปต่อเครื่องสายการบิน Maldivian ที่เจ้าของกระทู้ให้ มิสเตอร์ มูเจ ซึ่งเป็นเจ้าของที่เจ้าของกระทู้จะไปพักจองให้ ในราคา USD 313 โดยน้ำหนักกระเป๋าอยู่ที่ 20 กิโล ถ้าเกิน USD 3.9 ต่อกิโล ตอนเช็คอินกระเป๋าเจ้าของกระทู้เกิน ดูเจ้าหน้าที่ไม่เห็นมองน้ำหนักเลย เจ้าของกระทู้เลยคิดเอาเองว่าคงเกินไม่มากมั้ง 55555 (จริงๆก้อเกินไม่ถึงโล เเต่เค้าทำงานชิลลลลล ไม่ค่อยเช็คอะไรจริงๆ)
บรรยากาศเมื่อเครื่องลงถึงประมาน 16.30 น (ออกจากมาเล่ เวลา 15.05) บรรยากาศรอบๆก็ ทุ่งนา ตามรูป สนามบินก็เล็กมาก จนเจ้าของกระทู้ไม่ได้ถ่ายรูป เพราะไม่รู้จะถ่ายอะไร 555555
ภาพบรรยากาศตอนไปขึ้นเครื่อง ก็อย่างในภาพส่วนใหญ่เป็นคนพื้นที่บนเกาะ เพราะจะไปเกาะนี้เร็วสุดก็ขึ้นเตรื่องจากเมเล่ตอน 15.05 ถึงปลายทาง 16.30
พอเอากระเป๋าออกมา มิสเตอร์มูเจ (ที่เป็นเจ้าของที่พัก) ก็ให้มิสเตอร์มูฮัมหมัดมารับเจ้าของกระทู้ที่สนามบินไปที่พัก เค้าชูป้ายข้างล่างตอนมารับ ไม่ต้องกลัวหลงไม่เจอ เพราะเล็กมากถึงมากที่สุด เอากระเป๋าเข้าที่พัก ก็พาเจ้าของกระทู้เว้นมอไชค์ ชมเกาะ กับร้านดำน้ำ
ให้ชมที่พักที่มีเจ้าของกระทู้พักอยู่คนเดียวในบ้าน ราคา 1500 บาทต่อคืนโดยมีมิสเตอร์มูฮัมหมัดมาทอดไข่ให้กินตอนเช้าโดยเจ้าของกระทู้สอนให้เค้า เหยาะเเม็กกี้ลงไปในไข่ (พกมาจากไทย)
ทุกเช้า เจ้าของกระทู้ก็จะมานั่งรอที่โต๊ะทานข้าว มิสเตอร์มูฮัมมัสมาเจียวไข่ให้กินตรงเตาดูจากรูปข้างบน มีเครื่องกรองน้ำ หน้าที่เจ้าของกระทู้คือต้องเติมน้ำจากเครื่องกรองน้ำไปใส่ไว้ในตู้เย็นเพื่อไว้ดื่มเอง เจ้าของกระทู้ถามว่าน้ำกรองกินได้มั้ย ต้องไปซื้อน้ำขวดกินมั้ย เค้าบอกกินได้ เจ้าของกระทู้เลยลองกินหลายวันก็ไม่จู๊ดๆ เค้าก็ลุ้นอยากให้เจ้าของกระทู้ทำข้าวกินเอง เเต่เจ้าของกระทู้ขี้เกียจ ขอรอกินดีกว่า เสร็จแล้วก็ไปส่งร้านดำน้ำ จริงๆก็เดินไปก็ได้ แต่เจ้าของกระทู้ขี้เกียจ อยากนั่งมอไซค์
ที่ตากผ้า มีเครื่องซักผ้า มีผงซักฟอก น่าจะของคนมาพักก่อนทิ้งไว้ ขยันก็เอาผ้ามาตาก มีเตารีดให้ด้วย ไม่เคยใช้ แต่ที่ตากผ้ากว้างเอาอูปกรณ์มาตากวันสุดท้ายสบายๆ เเห้งสนิท
ห้องนั่งเล่น เจ้าของกระทู้เอา chair ไปตั้งตีลังกาแล้วเปิดเเอร์ อืมแอร์เย็นเหมือนในห้องนอง มี Nexflix มี wifi ใช้คนเดียวก็เเรงอยู่ แต่ไม่เคยไปนั่งดูทีวี
ถ้าใครสนใจอยากดูห้องนอน สามารถดูได้ตาม booking.com หรือ agoda.com ของจริงเหมือนในรูปค่ะ
ก่อนรีวิวตารางดำน้ำ ราคา เเละร้านดำน้ำ ขออนุญาตพาเที่ยวชมบรรยากาศบนเกาะก่อนค่ะ
เกาะนี้มีความกว้างประมานกีโลกว่าเเละความยาวประมานสี่กิโลกว่า จริงๆก็คือ Atoll ดีๆนี่เอง
เริ่มแแรกเลยมีวัดไทยชื่อ Havihtha ไปตั้งบนเกาะ แต่ภายหลังถูกลื้อถอน ปัจจุบันเหลือแต่ป้ายที่เห็นข้างล่าง เเละเปลี่ยนเป็นมุสลิมทั้งเกาะ
มัสยิดเเห่งเเรกบนเกาะ ปัจจุบันอนุรักษ์ไว้ ไม่ได้ใช้งานจริง
บ่อน้ำนี้ เค้าให้เจ้าของกระทู้ลองชิมน้ำที่ตักจากบ่อตรงละมุมของบ่อ โดยเค้าบอกว่ารสชาติน้ำจะไม่เหมือนกัน ที่เห็นเหมือนมีอะไรพาดอยู่คือกระบวยน้ำที่ใช้ตักน้ำขึ้นจากบ่อ ไปถึงหน้างานเเล้ว เจ้าของกระทู้ก็ต้องชิม พร้อมตอบกลับไปว่าไม่เหมือนจริงๆ ใครมีโอกาสสนใจไปชิมช่วยบอกเจ้าของกระทู้อีกทีว่าด้วยว่า รสชาติมันต่างกันจริงๆไหม
พาไปชมบรรยากาศร้านขายของบนเกาะที่เค้าเครมว่า จริงๆมีประชากรบนเกาะนี้ หมื่นสี่ เเต่อยู่จริงๆ เก้าพันคน แต่ที่เจ้าของกระทู้เห็น พันคนถึงไหม เเฮ่ๆ
หมู่บ้านเอื้ออาทรในสไตร์มัลดีฟส์
ร้านค้าที่ดูทันสมัย เเละได้รับวัฒนธรรมจากต่างประเทศที่เห็นคือร้านจากญี่ปุ่นMiniso ของข้างในร้านจะประมานนี้ค่ะ
ร้านขายของฝากร้านเดียวบนเกาะ (รูปข้างล่าง) ที่เห็นผู้ชายซ้ายมือในรูปคือ มิสเตอร์มูเจ เจ้าของที่พักที่เจ้าของกระทู้ไปพักด้วย ได้เสื้อยืดรูปฉลาม และฟันฉลามเสือจากมิสเตอร์มูเจมาค่ะ ที่เห็นกำลังยืนคุยโทรศัพท์คือบอกให้มาเปิดร้านค่ะ คนที่นี่เค้าจะชิลลลลลลลลลกันค่ะ
ร้านต่างๆภายในเกาะค่ะ
เดินออกจากที่พักไปก็เจอทะเลตามรูปค่ะ คนที่นี่เค้าจะมานั่งริมทะเลวันศุกร์ เสาร์ เเละเอาสเบียงมาด้วยเด็กๆจะว่ายน้ำเล่นทะเล มิสเตอร์มูเจบอกไว้ค่ะ