ตรรกะที่บอกว่าเวลาขอวีซ่าอเมริกาหากบอกว่ามีคนรู้จักหรือไปพักบ้านญาติผู้ขอมักจะถูกปฏิเสธ ผมว่ามันอยู่กับสถานะผู้ขอมากกว่า หากผู้ขอมีอาชีพทำเป็นเป็นหลักเป็นแหล่ง มีหน้าที่การงานมั่นคง หากบอกว่าไปพักอยู่กับญาติ หากญาติเป็นคนที่อยู่อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ไม่ได้ทำร้านอาหาร ร้านนวด แบบนี้ก็น่าจะได้อยู่ และไม่ได้ไปอยู่นาน เพราะอะไร ก็คือเพื่อนผมเคยขอ เพื่อนผมมีอาชีพเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย ตอนขอระบุว่าไปพักอยู๋กับญาติ ญาติทำอาชีพพนักงานบริษัท อยู่อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ยังได้มาตั้ง 10 ปี และอีกกรณีหนึ่ง ลุงผมก็เคยขอ ลุงผมเป็นข้าราชการบำนาญ บอกว่าจะไปอยู่กับลูกชายแก ลูกชายเป็นโปรแกรมเมอร์ทำงานบริษัทคอมพิวเตอร์เเห่งหนึ่ง อยู่อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ก็ยังได้มาตั้ง 10 ปี ผมว่าตรรกะที่ว่าไปอยู่กับญาติแล้วมักจะถูกปฏิเสธวีซ่าม้นใช้ไม่ได้
พวกที่ไม่ได้มักจะเป็นพวกที่มีอาชีพไม่มั่นคง ไปอยู่กับญาติ ญาติทำร้านอาหาร ร้านนวด แบบนี้มักจะไม่ได้ ตัวอย่างก็มี เช่น ลูกพี่ลูกน้องผมคนนึง ขอไปหาแฟน(ยังไม่ได้จดทะเบียน) ลูกพี่ลูกน้องผมคนนี้ทำอาชีพ ขายเฟอร์นิเจอร์ แฟนทำงานร้านอาหารที่โน่น เพิ่งเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก สรุปว่าไม่ผ่าน
ส่วนที่ว่าห้ามบอกว่ามีรู้จักผมว่าบอกได้ อยู่ที่ว่าคนที่เรารู้จักเป็นใคร หากกงศุลพิจารณาเเล้วเห็นว่าคนที่เรารู้จักนี้ อาจจะช่วยให้เราหลบหนีเข้าเมือง วีซ่าก็ไม่ผ่านครับ
เพื่อนๆว่าตรรกะที่ผมว่ามาจริงมั้ยครับ
ผมว่าตรรกะนี้ในการขอวีซ่าอเมริกามันไม่จริงเสมอไป
พวกที่ไม่ได้มักจะเป็นพวกที่มีอาชีพไม่มั่นคง ไปอยู่กับญาติ ญาติทำร้านอาหาร ร้านนวด แบบนี้มักจะไม่ได้ ตัวอย่างก็มี เช่น ลูกพี่ลูกน้องผมคนนึง ขอไปหาแฟน(ยังไม่ได้จดทะเบียน) ลูกพี่ลูกน้องผมคนนี้ทำอาชีพ ขายเฟอร์นิเจอร์ แฟนทำงานร้านอาหารที่โน่น เพิ่งเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก สรุปว่าไม่ผ่าน
ส่วนที่ว่าห้ามบอกว่ามีรู้จักผมว่าบอกได้ อยู่ที่ว่าคนที่เรารู้จักเป็นใคร หากกงศุลพิจารณาเเล้วเห็นว่าคนที่เรารู้จักนี้ อาจจะช่วยให้เราหลบหนีเข้าเมือง วีซ่าก็ไม่ผ่านครับ
เพื่อนๆว่าตรรกะที่ผมว่ามาจริงมั้ยครับ