ขอเกริ่นก่อนว่าเราเป็นคนที่รักครอบครัวมากๆเวลาพอแม่อยากให้ทำอะไรก็ไม่ค่อยกล้าขัดเป็นเด็กหัวดีจบเกียรตินิยมเรียนมาตั้งแต่เด็กๆต่างจากพี่ๆ. กลายเป็นว่าพ่อแม่ตั้งความคาดหวังกับเราไว้สูงมากมาตลอดจนทำให้เราเป็นซึมเศร้ามาหนึ่งรอบใช้เวลารักษาครั้งแรกมา 3 ปีโดยที่ไม่ได้บอกใครในครอบครัวเพราะไม่อยากให้ใครมาคิดมากกับเรา.
เราขอเข้าเรื่องเลยนะคะพอเรียนจบมาเรามีธุรกิจและสิ่งที่เราตั้งใจทำมากๆเพราะมันเป็นความฝันของเราตั้งแต่เด็กแต่พ่อแม่อยากให้ทำงานที่หนึ่งชึ่งเราก็ค้านมาตลอดเพราะเราไม่ชอบสายงานจนเค้าไปฝากเราทำงานที่นั้นกับผู้ใหญ่และบังคับว่ายังไงก็ต้องทำ.
ที่นี้เราก็ทนมาเรื่อยๆแต่ยิ่งทำก็ยิ่งไม่ชอบและไม่ใช่ทางไม่มีวันไหนเลยที่กลับบ้านมาแล้วไม่ร้องไห้กับมันทนมาตลอดจนกลับไปหา จิตแพทย์จึงได้คำตอบมาว่าเรากับมาเป็นซึมเศร้าคร้งที่ 2 นะและอาจจะได้กินยานานกว่าเดิมเพราะกลับมาเป็นรอบที่ 2 ทางคุณหมอแนะนำให้คุยกับพ่อแม่. เราเลยตัดสินใจบอกไปตรงๆว่าเราเป็นซึมเศร้ารอบที่2 นะและจะลาออกเพราะเราเครียดจิตใจไม่ไหวแล้ว, เค้าทำเหมือนจะเข้าใจและอนุญาตให้เราออกนะคะแต่ก็แอบพูดให้เราอดทนๆอยู่ต่อตลอดเวลาและเคยหลุดพูดมาครั้งหนึ่งว่าอดทนอยู่ต่อและกินยารักษาไปด้วยก็ได้.
จนวันหนึ่งเราตัดสินใจลาออกเองเพราะด้วยเรารู้ว่าสุขภาพจิตเราไม่โอเคมากๆฟิลนั่งอยู่ก็นำ้ตาไหล, ไม่กินข้าวทั้งวันแล้วมีอาการแพนิคร่วมด้วย. จนกระทั่งพ่อแม่รู้ว่าเราลาออกเค้าก็ไม่ได้ว่าเราตรงๆแต่คุยกันหน้าห้องเราให้เราได้ยินว่าเสียใจเนอะลูกทำแบบนี้มีแต่คนอยากอยู่ในที่ๆเราทำงาน มันยิ่งทำให้เราคิดมากๆกว่าเดิมว่าเราเลวและเลือกผิดพลาดขนาดนั้นเลยหรอที่ไม่ทำสิ่งที่พ่อแม่ฝันอยากให้เป็น
เราผิดมากไหมที่ขอเลือกทางเดินชีวิตตัวเอง
เราขอเข้าเรื่องเลยนะคะพอเรียนจบมาเรามีธุรกิจและสิ่งที่เราตั้งใจทำมากๆเพราะมันเป็นความฝันของเราตั้งแต่เด็กแต่พ่อแม่อยากให้ทำงานที่หนึ่งชึ่งเราก็ค้านมาตลอดเพราะเราไม่ชอบสายงานจนเค้าไปฝากเราทำงานที่นั้นกับผู้ใหญ่และบังคับว่ายังไงก็ต้องทำ.
ที่นี้เราก็ทนมาเรื่อยๆแต่ยิ่งทำก็ยิ่งไม่ชอบและไม่ใช่ทางไม่มีวันไหนเลยที่กลับบ้านมาแล้วไม่ร้องไห้กับมันทนมาตลอดจนกลับไปหา จิตแพทย์จึงได้คำตอบมาว่าเรากับมาเป็นซึมเศร้าคร้งที่ 2 นะและอาจจะได้กินยานานกว่าเดิมเพราะกลับมาเป็นรอบที่ 2 ทางคุณหมอแนะนำให้คุยกับพ่อแม่. เราเลยตัดสินใจบอกไปตรงๆว่าเราเป็นซึมเศร้ารอบที่2 นะและจะลาออกเพราะเราเครียดจิตใจไม่ไหวแล้ว, เค้าทำเหมือนจะเข้าใจและอนุญาตให้เราออกนะคะแต่ก็แอบพูดให้เราอดทนๆอยู่ต่อตลอดเวลาและเคยหลุดพูดมาครั้งหนึ่งว่าอดทนอยู่ต่อและกินยารักษาไปด้วยก็ได้.
จนวันหนึ่งเราตัดสินใจลาออกเองเพราะด้วยเรารู้ว่าสุขภาพจิตเราไม่โอเคมากๆฟิลนั่งอยู่ก็นำ้ตาไหล, ไม่กินข้าวทั้งวันแล้วมีอาการแพนิคร่วมด้วย. จนกระทั่งพ่อแม่รู้ว่าเราลาออกเค้าก็ไม่ได้ว่าเราตรงๆแต่คุยกันหน้าห้องเราให้เราได้ยินว่าเสียใจเนอะลูกทำแบบนี้มีแต่คนอยากอยู่ในที่ๆเราทำงาน มันยิ่งทำให้เราคิดมากๆกว่าเดิมว่าเราเลวและเลือกผิดพลาดขนาดนั้นเลยหรอที่ไม่ทำสิ่งที่พ่อแม่ฝันอยากให้เป็น