เพิ่งได้เห็นข่าวร้านไดโดม่อนสาขาสุดท้ายปิดตัวอย่างถาวร นึกถึงสมัยก่อน30 กว่าปีที่แล้ว เป็นหนึ่งในร้านที่พวกเด็กนักเรียนต้องนัดกินกันสังสรรค์กันมีความสุขมาก คิดอะไรไม่ออกเวลานัดเจอเพื่อนต้องไดนาม่อนเท่านั้นเพราะเป็นบุฟเฟ่ต์ ไม่ต้องมีปัญหาใครออกมากออกน้อยใครกินมากกินน้อย แถมราคาไม่แพง
แต่วันหนึ่งอยู่ๆไดโดม่อนก็เอาเนื้อวัวออกจากบุฟเฟ่ต์ เป็นอะไรที่ประหลาดใจมากหลังจากนั้น ไดโดม่อนลูกค้าหายเกือบหมด ร้านเงียบมาก แถมเตาปิ้งย่างกลายเป็นชาบู + ปิ้งย่างใช้ถ่าน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลูกค้าไม่ค่อยให้การตอบรับ จนสุดท้ายก็กลับมามีเนื้อวัวในเมนูอีกครั้ง แต่ปัญหาคือเตาปิ้งย่างมันไม่ถูกจริต เตาที่ให้มาไม่โดนใจ และจากที่เอาเนื้อวัวออกไป ในตอนนั้นทำให้กลุ่มลูกค้าอย่างเช่นพวกผมก็ได้หาร้านใหม่ ในช่วงเวลานั้นบุฟเฟ่ต์ก็เริ่มกำลังมาส่วนใหญ่จะมีเนื้อวัวเป็นตัวเรียกลูกค้าชั้นดี แล้วหลังจากนั้นพวกผมก็ได้กินเนื้อวัวในร้านบุฟเฟ่ต์ที่เกรดดีมีให้เลือกหลากหลาย และแตกต่างจากไดโดมอนที่มีเนื้อแบบเดียว แม้ว่าตอนหลังไดโดมอนจะกลับเอาเนื้อวัวเข้ามาในเมนูและเพิ่มความหลากหลายมีทั้งเนื้อหนอกเนื้อลาย แต่สุดท้ายลูกค้าก็ไม่กลับมาเท่าที่ควร เพราะมีร้านที่เกิดใหม่มากมายแย่งลูกค้าไปแล้ว ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่การตลาดตอนนั้นผิดพลาดในความคิดของผมนะครับ
ถ้าเกิดวันนั้นในโดม่อนไม่เอาเนื้อวัวออกจากในเมนู และทุกอย่างยังคงทำแบบเดิมผมเชื่อว่าลูกค้ายังคงมีอยู่ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ก็ติดใจน้ำจิ้ม และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย แม้เมนูจะมีน้อยก็ตาม แต่เข้าใจครับสิ่งที่เขาอยากปรับเปลี่ยนเขาก็คงคิดว่ามันดีแล้ว แต่ในความเป็นจริงคือทำให้ลูกค้าได้เกิดการลองร้านใหม่ๆ และสุดท้ายลูกค้าก็เริ่มกระจายออกไป
ทุกอย่างก็ถึงวันต้องเลิกลา ถึงวันนี้ไดโดม่อนแม้ว่าจะกลับมามีเมนูมากมาย แต่ก็ไม่ตอบโจทย์เพราะจุดอ่อนคือมีเหลือสาขาเดียว การบริหารจัดการในเรื่องของต้นทุนก็คงสู้ร้านอื่นไม่ได้ และร้านคู่แข่งที่เกิดมากมายก็แข็งแรงแล้ว ถึงวันนี้ก็คงต้องยอมรับความจริงว่ามันจบแล้ว
แต่อยากจะบอกว่าไดโดม่อน คือหนึ่งในร้านในความทรงจำของผมในวัยเด็กจริงๆ เป็นร้านที่ประทับใจ และคิดถึงวันเก่าๆ พูดถึงชื่อไดโดม่อนก็คิดถึงวันวาน บรรยากาศเก่าๆ น่าเสียดายจริงๆนะครับ
เห็นว่าไดโดมอนประกาศปิดตัวแล้ว เป็นหนึ่งในร้านในความทรงจำ
แต่วันหนึ่งอยู่ๆไดโดม่อนก็เอาเนื้อวัวออกจากบุฟเฟ่ต์ เป็นอะไรที่ประหลาดใจมากหลังจากนั้น ไดโดม่อนลูกค้าหายเกือบหมด ร้านเงียบมาก แถมเตาปิ้งย่างกลายเป็นชาบู + ปิ้งย่างใช้ถ่าน ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลูกค้าไม่ค่อยให้การตอบรับ จนสุดท้ายก็กลับมามีเนื้อวัวในเมนูอีกครั้ง แต่ปัญหาคือเตาปิ้งย่างมันไม่ถูกจริต เตาที่ให้มาไม่โดนใจ และจากที่เอาเนื้อวัวออกไป ในตอนนั้นทำให้กลุ่มลูกค้าอย่างเช่นพวกผมก็ได้หาร้านใหม่ ในช่วงเวลานั้นบุฟเฟ่ต์ก็เริ่มกำลังมาส่วนใหญ่จะมีเนื้อวัวเป็นตัวเรียกลูกค้าชั้นดี แล้วหลังจากนั้นพวกผมก็ได้กินเนื้อวัวในร้านบุฟเฟ่ต์ที่เกรดดีมีให้เลือกหลากหลาย และแตกต่างจากไดโดมอนที่มีเนื้อแบบเดียว แม้ว่าตอนหลังไดโดมอนจะกลับเอาเนื้อวัวเข้ามาในเมนูและเพิ่มความหลากหลายมีทั้งเนื้อหนอกเนื้อลาย แต่สุดท้ายลูกค้าก็ไม่กลับมาเท่าที่ควร เพราะมีร้านที่เกิดใหม่มากมายแย่งลูกค้าไปแล้ว ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายที่การตลาดตอนนั้นผิดพลาดในความคิดของผมนะครับ
ถ้าเกิดวันนั้นในโดม่อนไม่เอาเนื้อวัวออกจากในเมนู และทุกอย่างยังคงทำแบบเดิมผมเชื่อว่าลูกค้ายังคงมีอยู่ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ก็ติดใจน้ำจิ้ม และราคาที่เข้าถึงได้ง่าย แม้เมนูจะมีน้อยก็ตาม แต่เข้าใจครับสิ่งที่เขาอยากปรับเปลี่ยนเขาก็คงคิดว่ามันดีแล้ว แต่ในความเป็นจริงคือทำให้ลูกค้าได้เกิดการลองร้านใหม่ๆ และสุดท้ายลูกค้าก็เริ่มกระจายออกไป
ทุกอย่างก็ถึงวันต้องเลิกลา ถึงวันนี้ไดโดม่อนแม้ว่าจะกลับมามีเมนูมากมาย แต่ก็ไม่ตอบโจทย์เพราะจุดอ่อนคือมีเหลือสาขาเดียว การบริหารจัดการในเรื่องของต้นทุนก็คงสู้ร้านอื่นไม่ได้ และร้านคู่แข่งที่เกิดมากมายก็แข็งแรงแล้ว ถึงวันนี้ก็คงต้องยอมรับความจริงว่ามันจบแล้ว
แต่อยากจะบอกว่าไดโดม่อน คือหนึ่งในร้านในความทรงจำของผมในวัยเด็กจริงๆ เป็นร้านที่ประทับใจ และคิดถึงวันเก่าๆ พูดถึงชื่อไดโดม่อนก็คิดถึงวันวาน บรรยากาศเก่าๆ น่าเสียดายจริงๆนะครับ