หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ วัดท่าบางสีทอง จังหวัดนนทบุรี
ประวัติความเป็นมา :
วัดท่าบางสีทอง
พระอุโบสถ
วัดท่า หรือวัดท่าบางสีทอง ตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ.2371 และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. 2372 ไม่ทราบประวัติความเป็นมาของการก่อสร้างวัดที่แน่นอน สันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) โปรดเกล้าให้บูรณปฏิสังขรณ์ “วัดท่า” แห่งนี้ เนื่องจากพระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก และได้ทรงสร้างพระพุทธรูปมากมาย เช่น พระประธานในอุโบสถวัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร วัดเฉลิมพระเกียรติ วัดปรินายก และวัดนางนอง ทรงสร้างวัดใหม่ขึ้น 3 วัด คือ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร วัดเทพธิดารามวรวิหารและวัดราชนัดดารามวรวิหาร ทรงบูรณปฏิสังขรณ์ วัดเก่าอีก 35 วัด
ประตูด้านหน้าพระอุโบสถ (มี 3 ประตู)
และอีกหนึ่งสาเหตุที่เชื่อว่า รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดเกล้า ให้บูรณปฏิสังขรณ์ “วัดท่า หรือวัดท่าบางสีทอง” เพราะว่าพระอุโบสถด้านหน้าทางเข้ามี 3 ประตู ซึ่งตามคำบอกเล่าของคุณลุงดิเรก กล่าวว่า ประตูใหญ่ (ประตูตรงกลาง) เป็นประตูสำหรับพระมหากษัตริย์ที่ใช้เสด็จเข้า-ออกพระอุโบสถ (กรณีมีพระราชพิธี) ส่วนประตูด้านซ้าย-ขวา เป็นประตูสำหรับประชาชนทั่วไป
ซึ่งต่อมาได้ตั้งชื่อวัดท่าแห่งนี้ว่า “วัดท่าบางสีทอง” โดยตั้งชื่อตามคลอง (คลองบางสีทอง) เป็นวัดที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือในละแวกนั้น เนื่องจากสมัยก่อนชาวบ้านที่อาศัยติดกับแม่น้ำคลองสีทอง ใช้แม่น้ำสายนี้เพื่อสัญจรไปมาระหว่างแม่น้ำอ้อมหรือคลองบางกอกน้อย และผ่านตัดคลองบางกรวย (ตามคำบอกเล่าของคุณลุงดิเรก กล่าวว่า มีการขุดคลองบางกรวยในสมัยรัชกาลที่ 4) ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อเข้าเมืองหลวงกรุงรัตนโกสินทร์
พระประธานในอุโบสถ (หลวงพ่อสรรพสิทธิ์), พระบูชาองค์ซ้ายและองค์ขวา (เป็นหลวงพ่อสรรพสิทธิ์องค์จำลอง ที่ญาติโยมสร้างถวายให้กับวัด)
ภายในอุโบสถมีพระประธานซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เป็นพระพุทธรูปประจำวัด ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในวัดท่าบางสีทอง คือ “หลวงพ่อสรรพประสิทธิ์” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ปางมารวิชัยสร้างจากอิฐก่อด้วยปูนลงรักปิดทองทั้งองค์ ซึ่งประวัติการสร้างไม่แน่ชัด เนื่องจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2538 (เนื่องจากพายุ “โอลิส” ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูง 2.27 เมตร ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์) ทำให้หลักฐานต่างๆ รวมถึงบริเวณภายในวัดได้รับความเสียหาย
ปัจจุบันหลวงพ่อสรรพสิทธิ์มีการบูรณปฏิสังขรณ์มาแล้วทั้งหมด 2 ครั้ง โดยครั้งแรกบูรณฯ เมื่อเดือนเมษายน 2530 เนื่องด้วยปูนเสื่อมสภาพ นายอุดม ผ่องน้อย พร้อมญาติสนิทได้ร่วมบริจาคเงินจำนวนหกหมื่นบาทมอบให้กับทางวัด เพื่อปฏิสังขรณ์ “หลวงพ่อสรรพสิทธิ์” ใหม่
หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ (ก่อนบูรณปฏิสังขรณ์)
หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ (ก่อนบูรณปฏิสังขรณ์) ปี พ.ศ.2524
หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ (บูรณปฏิสังขรณ์ ครั้งที่ 1) ปี พ.ศ. 2530
หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ (บูรณปฏิสังขรณ์ ครั้งที่ 2) ปี พ.ศ. 2562
หลวงพ่อสรรพสิทธิ์เป็นที่เคารพและศรัทธามากของชาวบ้านที่อาศัยติดแม่น้ำคลองบางสีทอง ชาวบ้านที่มาส่วนใหญ่จะมีทั้งมากราบไหว้บูชาหลวงพ่อฯ และมาขอพรจากหลวงพ่อฯ ซึ่งชาวบ้านสมัยก่อนหากลูกหลานเจ็บป่วยบ่อย ก็จะพาลูกหลานคนนั้นมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฯ โดยคนสมัยก่อนเชื่อว่า หากเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อฯ หลวงพ่อฯ จะได้คุ้มครองจากเด็กที่เคยเจ็บป่วยก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง ปัจจุบันคนที่มาขอพรต่อหลวงพ่อสรรพสิทธิ์แล้วสมหวังส่วนใหญ่จะมี 4 เรื่องเด่นคือ...
1. ขอสุขภาพ (ขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือขอให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จ)
2. ขอให้มีชื่อเสียงโด่งดัง
3. ขอให้การค้าขายดี
4. ขอเรื่องเกณฑ์ทหาร (จับใบดำใบแดง)
หอฆ้อง เก่ง (ธชย ประทุมวรรณ) และครอบครัว
ขอยกตัวอย่างประสบการณ์ของผู้ที่มาขอพรกับหลวงพ่อสรรพสิทธิ์แล้วสมหวังในสิ่งที่ขอ คือ คุณธชย ประทุมวรรณ หรือที่รู้จักในนาม “เก่ง the voice” ได้มาขอพรกับหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ว่า “ขอให้ตนมีชื่อเสียงดังกึกก้อง” หลังจากที่คุณเก่งประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ได้กลับมาสร้างหอฆ้องพร้อมกับฆ้องยักษ์ถวายให้กับทางวัดท่าบางสีทอง
เสาหงส์คู่ (คนเก่าคนแก่เล่ากันว่า สร้างในสมัยสุนทรภูล่องเรือผ่านคลองบางสีทอง)
"ต้นตะเคียนหน้าโบสถ์" (ซ้าย) และ "ต้นตะเคียนหลังโบสถ์" (ขวา)
นอกจากนี้ยังมีต้นตะเคียน 2 ต้น ซึ่งผู้คนต่างถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่นเดียวกัน เพราะต้นตะเคียนคู่อายุน่าจะเกิน 200 ปี ชาวบ้านเรียกว่า "ต้นตะเคียนหน้าโบสถ์" กับ "ต้นตะเคียนหลังโบสถ์" ตามความเชื่อต้นตะเคียนคู่นี้ค่อยปกปักรักษาคุ้มครองพระอุโบสถ ซึ่งในอดีตได้มีการทำพิธีอัญเชิญแม่ตะเคียนทั้ง 2 ต้น มาประทับที่ศาลหน้าพระอุโบสถ และตั้งชื่อศาลว่า “ศาลเจ้าแม่สไบศรี” ผู้ที่สนใจเรื่องโชคลาภไปขอพรเจ้าแม่นางตะเคียนได้ตามความเชื่อของแต่ละคน สำหรับต้นตะเคียนคู่นี้นั้นสันนิษฐานว่าน่าจะมีมาตั้งแต่ครั้งจัดสร้างวัดท่าบางสีทอง
ศาลเจ้าแม่สไบศรี (อยู่ด้านข้างต้นตะเคียนหน้าโบสถ์)
วิธีการขอพรหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ :
1. เตรียมพวงมาลัย 7 สี 7 ศอก 1 พวง พร้อมพวงมาลัย 3 พวง หรือดอกไม้สด 3 กำ (สำหรับพระประธาน 1 และพระบูชาซ้าย-ขวา อย่างละ 1) => สาเหตุที่ต้องเตรียมมา เนื่องจากปัจจุบันมีญาติโยมที่มากราบไหว้หลวงพ่อฯ น้อย ทางวัดจึงไม่ได้จัดเตรียมดอกไม้ไว้ให้
2. จุดธูป 3 ดอก แล้วท่อง...
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ) กราบ 1 ครั้ง
คำอธิษฐานขอพร
พุทธบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา
ข้าพเจ้าขออนุญาต ขออธิษฐานขอพรหลวงพ่อสรรพสิทธิ์แห่งวัดท่าบางสีทอง
ข้าพเจ้า.......(ชื่อ-สกุล และ ชื่อเดิม)........
เกิดวันที่.........เดือน..........พ.ศ............อายุ.........ปี
ขออำนาจบารมีหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ ช่วยดลบันดาลให้สิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนาต่อไปนี้ จงประสบความสำเร็จฉับพลันทันใจ
ขอให้ข้าพเจ้า............ (ให้อธิษฐานขอพร 1 ข้อ อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่จะนึกได้)
- กรณีขอพรสุขภาพ, ชื่อเสียงโด่งดัง, ค้าขาย และอื่นๆ
หากข้าพเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว ข้าพเจ้าจะไปสักการะ หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ ณ วัดท่าบางสีทอง พร้อมทั้งถวาย “ไข่ต้ม” จำนวน ..... ฟอง (แล้วแต่จะขอ), “พวงมาลัย 3 พวง” และ “ละครชาตรี” (กรณีทุนทรัพย์ไม่มากพอ ถวายเป็น “ละครชาตรี” ชุดเล็ก ก็ได้)
- กรณีขอพรเกณฑ์ทหาร (กฎเหล็กที่ควรรู้ : ให้มาขอตอนตี 5 เมื่อขอพรหลวงพ่อฯ แล้ว หลังจากออกจากอุโบสถ์ ถ้ายังไม่เข้าไปสถานที่เกณฑ์ทหาร “ห้ามตอบหรือทัก” กรณีที่มีคนทักหรือพูดด้วย)
หากข้าพเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว ข้าพเจ้าจะไปสักการะ หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ ณ วัดท่าบางสีทอง พร้อมทั้งบวชที่วัดท่าบางสีทองเป็นเวลา 5 วัน หรือ 7 วัน (จำนวนวัน แล้วแต่จะขอ)
3. นำธูปไปปักในกระถางธูปพระประธาน
หากสำเร็จให้กลับมาหาหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ :
1. จุดธูป 3 ดอก บอกชื่อ-นามสกุล ว่าบนหลวงพ่อสรรพสิทธิ์เรื่องอะไร สำเร็จแล้ว และได้นำของมาถวายให้ท่านแล้ว ขอให้ขาดสินบนกัน และนำธูปไปปักในกระถางธูปพระประธาน
2. รอจนธูปหมด เวลาลาของให้ท่องว่า “เสสัง มังคะลา ยาจามิ” สำหรับทำคนเดียว แต่ถ้า 2 คนขึ้นไปท่องว่า “เสสัง มังคะลา ยาจามะ”
3. นำของที่มาถวายกลับบ้าน หรือจะบริจาคให้กับทางวัดก็ได้
วัตถุมงคลที่วัดจัดสร้าง :
1.วัตถุมงคลเหรียญ :
1.1 เหรียญเสมาหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ (รุ่นแรก) จัดสร้างในปี พ.ศ. 2513 โดยมีพระครูนนทสังวร (อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าบางสีทอง) เป็นประธานจุดเทียนชัย => จุดสังเกตของเหรียญเสมารุ่นแรก คือ ด้านหน้า ตัวหนังสือหลวงพ่อสรรพสิทธิ์จะปั้มคำว่า “หลองพ่อสรรพสิทธ์”
ภาพประกอบ เหรียญเสมาหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ (รุ่นแรก)
1.2 เหรียญเสมาหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ (รุ่นสอง) จัดสร้างในปี พ.ศ. 2525 โดยมีพระอาจารย์อัมพร (อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าบางสีทอง) เป็นประธานจุดเทียนชัย พร้อมนิมนต์พระเกจิร่วมปลุกเสก 5 รูป ได้แก่ พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม, หลวงพ่อทองกลึง สุนทโร วัดเจดีย์หอย เป็นต้น => จุดสังเกตของเหรียญเสมารุ่นสอง คือ เหรียญรุ่นสองจะมีรูปลักษณ์เหมือนกับเหรียญรุ่นแรกทุกอย่าง ต่างกันตรงที่ด้านหน้า ตัวหนังสือหลวงพ่อสรรพสิทธิ์จะปั้มคำว่า “หลวงพ่อสรรพสิทธ์”
(ขออภัยที่ไม่มีเหรียญองค์จริงมาแสดง)
1.3 เหรียญหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ หลัง 9 รัชกาล จัดสร้างในปี พ.ศ. 2525 โดยมีพระอาจารย์อัมพร (อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าบางสีทอง) เป็นประธานจุดเทียนชัย พร้อมนิมนต์พระเกจิร่วมปลุกเสก 5 รูป ได้แก่ พระราชอุดมมงคล (หลวงพ่ออุตตมะ) วัดวังก์วิเวการาม, หลวงพ่อทองกลึง สุนทโร วัดเจดีย์หอย เป็นต้น
ภาพประกอบ เหรียญหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ หลัง 9 รัชกาล
หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ วัดท่าบางสีทอง จังหวัดนนทบุรี
ปัจจุบันหลวงพ่อสรรพสิทธิ์มีการบูรณปฏิสังขรณ์มาแล้วทั้งหมด 2 ครั้ง โดยครั้งแรกบูรณฯ เมื่อเดือนเมษายน 2530 เนื่องด้วยปูนเสื่อมสภาพ นายอุดม ผ่องน้อย พร้อมญาติสนิทได้ร่วมบริจาคเงินจำนวนหกหมื่นบาทมอบให้กับทางวัด เพื่อปฏิสังขรณ์ “หลวงพ่อสรรพสิทธิ์” ใหม่
1. ขอสุขภาพ (ขอให้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ หรือขอให้การผ่าตัดประสบความสำเร็จ)
2. ขอให้มีชื่อเสียงโด่งดัง
3. ขอให้การค้าขายดี
4. ขอเรื่องเกณฑ์ทหาร (จับใบดำใบแดง)
1. เตรียมพวงมาลัย 7 สี 7 ศอก 1 พวง พร้อมพวงมาลัย 3 พวง หรือดอกไม้สด 3 กำ (สำหรับพระประธาน 1 และพระบูชาซ้าย-ขวา อย่างละ 1) => สาเหตุที่ต้องเตรียมมา เนื่องจากปัจจุบันมีญาติโยมที่มากราบไหว้หลวงพ่อฯ น้อย ทางวัดจึงไม่ได้จัดเตรียมดอกไม้ไว้ให้
2. จุดธูป 3 ดอก แล้วท่อง...
หากข้าพเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว ข้าพเจ้าจะไปสักการะ หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ ณ วัดท่าบางสีทอง พร้อมทั้งถวาย “ไข่ต้ม” จำนวน ..... ฟอง (แล้วแต่จะขอ), “พวงมาลัย 3 พวง” และ “ละครชาตรี” (กรณีทุนทรัพย์ไม่มากพอ ถวายเป็น “ละครชาตรี” ชุดเล็ก ก็ได้)
- กรณีขอพรเกณฑ์ทหาร (กฎเหล็กที่ควรรู้ : ให้มาขอตอนตี 5 เมื่อขอพรหลวงพ่อฯ แล้ว หลังจากออกจากอุโบสถ์ ถ้ายังไม่เข้าไปสถานที่เกณฑ์ทหาร “ห้ามตอบหรือทัก” กรณีที่มีคนทักหรือพูดด้วย)
หากข้าพเจ้าประสบความสำเร็จแล้ว ข้าพเจ้าจะไปสักการะ หลวงพ่อสรรพสิทธิ์ ณ วัดท่าบางสีทอง พร้อมทั้งบวชที่วัดท่าบางสีทองเป็นเวลา 5 วัน หรือ 7 วัน (จำนวนวัน แล้วแต่จะขอ)
3. นำธูปไปปักในกระถางธูปพระประธาน
หากสำเร็จให้กลับมาหาหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ :
1. จุดธูป 3 ดอก บอกชื่อ-นามสกุล ว่าบนหลวงพ่อสรรพสิทธิ์เรื่องอะไร สำเร็จแล้ว และได้นำของมาถวายให้ท่านแล้ว ขอให้ขาดสินบนกัน และนำธูปไปปักในกระถางธูปพระประธาน
2. รอจนธูปหมด เวลาลาของให้ท่องว่า “เสสัง มังคะลา ยาจามิ” สำหรับทำคนเดียว แต่ถ้า 2 คนขึ้นไปท่องว่า “เสสัง มังคะลา ยาจามะ”
3. นำของที่มาถวายกลับบ้าน หรือจะบริจาคให้กับทางวัดก็ได้
วัตถุมงคลที่วัดจัดสร้าง :
1.วัตถุมงคลเหรียญ :
1.1 เหรียญเสมาหลวงพ่อสรรพสิทธิ์ (รุ่นแรก) จัดสร้างในปี พ.ศ. 2513 โดยมีพระครูนนทสังวร (อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าบางสีทอง) เป็นประธานจุดเทียนชัย => จุดสังเกตของเหรียญเสมารุ่นแรก คือ ด้านหน้า ตัวหนังสือหลวงพ่อสรรพสิทธิ์จะปั้มคำว่า “หลองพ่อสรรพสิทธ์”