ตัวผมเองเป็นเด็กบ้านนอก การศึกษาไม่ได้สูงมากนัก แต่เป็นคนชอบอ่านหนังสือ ศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง
ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ที่ผ่านการมีภรรยามาก่อน ก่อนที่จะมาพบกับแม่ของลูก
จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ เมื่อภรรยาเกิดการตั้งท้อง เราผู้ชาต้องทำหน้าที่สามี และ พ่อ ให้ดีที่สุด
ให้ความรักกับตัวน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตามาดูโลก และ ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด
หลังจากไปตรวจแล้วปรากฏว่า ภรรยาตั้งครรภ์ ผมก็เริ่มค้นหาหนังสือเลี้ยงลูกให้ถูกต้อง
ดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ช่วงที่ภรรยาตั้งครรภ์ ผมก็เริ่มเปิดบริษัทเป็นของตัวเองใน กทม
ผมอยู่ กทม แต่ ภรรยาเป็นข้าราชการอยู่ต่างอำเภอ ในต่างจังหวัด ซึ่งผมต้องกลับไปบ้านทุกๆ 2 สัปดาห์
แต่ทุกครั้งทีกลับไป เรามีเวลาดูแลภรรยาและลูกในท้องเพียง 2 วัน
สมัยที่ยังไม่มียูทูป ผมจะหา CD เพลงบรรเลงคลาสสิก เปิดใส่ชาวด์เบ้าท์ แล้วไปแนบท้องให้ฟัง
ตอนที่เขาตื่น มีเพลงบรรเลง ในสวน เพลงของ บีโธเฟ่น และ โมสาร์ท สลับกันไป
ตอนกลางคืนก็หาหนังสือนิทานมาอ่านให้ลูกฟัง คุยกับลูกในท้อง เป็นประจำสม่ำเสมอ
ช่วงที่ตั้งครรภ์เราดูแล เอาใจใส่ภรรยาอย่างดี ทำหน้าที่พ่อ สามีให้ดีที่สุด เพื่อให้ภรรยาเครียด
หรือรู้สึกน้อยใจกังวลใจ จนกระทั่งคลอดออกมา ไม่แน่ใจเรื่องน้ำหนัก
แต่เป็นเด็กค่อนข้างสมบูรณ์... สุขภาพดี
ช่วงที่เป็นทารก เราก็ดูแลอย่างดี อ่านหนันิทานให้ฟังทุก วันไม่เคยขาด
เปิดเพลงคลาสสิก ให้เขาฟัง ช่วงที่เขาตื่นนอน เป็นเด็กค่อนข้างจะเลี้ยงง่ายไม่งอแง
ช่วงที่ฝึกคลาน และ ฝึกเดิน เราจ้างแม่บ้านมาดูแล เป็นโชคดีอยู่อยางตอนนั้น
ภรรยาทำงานที่ โรงพยาบาลอำเภอเล็กๆ พักที่บ้านพักในโรงพยาบาล
ทำให้ภรรยามีเวลาเทียวมาให้นมลูก มีเวลาอยู่ใกล้ชิด
ช่วงที่เด็กกำลังหัดเดิน จะชอบปีนบันได้บ้านขึ้นชั้นสอง เราจะกำชับแม่บ้านว่า
อย่าห้ามน้องให้เขาปีนขึ้นปีนลงตามความพอใจ แต่ต้องระวังไม่ให้เขาตกก็พอ
เราค่อนข้างจะปล่อยให้เขาซน เรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง เวลาวิ่งเล่นหน้าบ้าน เวลาล้มปล่อยให้ล้ม ปล่อยให้ลุกเอง
ลูกสาวเลยค่อนข้างแข็งแรงเพราะซน ชอบวิ่งเล่น และ ได้แผลบ่อยๆ
สิ่งที่ห้ามอย่างหนึ่ง คือ ห้าดุลูก ห้ามขู่ลูกให้กลัว ไม่ว่าจะเป็น ผี ตุ๊กแก ความมืด ตำรวจ
ลูกสาวผมจึงมีความกล้าตั้งแต่เด็กๆ ไม่กลัวความสูง ไม่กลัวคนแปลกหน้าตั้งแต่เด็กๆ
บางวันฝนตกฟ้าคะนองเสียงฟ้าร้อง (ตอนยังพูดไม่ได้) ได้ยินเสียงฟ้าร้อง เด็กหัวเราะเฉยเลย
บางครั้งเขาก็ฟังเฉยๆ โดยไม่มีอาการตกใจใดๆ
มีบ้างบางครั้ง ที่เขาร้องให้เพราะง่วงนอน พอเปิดเพลงบรรเลงให้ฟัง เขาจะเงียบ และหลับไปเอง
หรือบางครั้ง ผมจะอุ้มมานอนคว่ำบนอกพ่อ เขาจะเงียบสงบและหลับไปในที่สุด
และเป็นเด็กมีวิวัฒนาการค่อนข้างสูง ปั่นจักรยานเอาล้อข้างออกตั้งแต่เด็กๆ ชอบอ่านหนังสือ เรียนเก่ง
หลังจาโตขึ้น ย้ายมาอยู่ในตัวจังหวัด ลูกสาวเริ่มเข้าอนุบาล 3 และต่อ ประถม 1 English Program
สังเกตุเห็นลูกสาว เป็นคนเรียนเก่ง ทั้งคณิตศาสตร์ อังกฤษ ศิลปะ ดนตรี
เป็นตัวแทนในการไปสอบ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวาดภาพได้รางวัลบ่อยๆ
จนใบประกาศแทบจะเต็มบ้าน เพราะได้บ่อยมาก นอกจากนี้ยังมีความสามารถทางด้านดนตรี
เพราะให้ลูกไปเรียน เปียนโนไปด้วย แต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้ คือ ด้านกีฬาที่เขาไม่สนใจ ยกเว้นว่ายน้ำที่เขาชอบมาก
ตั้งแต่ลูกเริ่มอ่านหนังสือได้ ผมส่งเสริมให้ลูกรักการอ่าน ด้วยการซื้อหนังสือนิทาน หนังสือเด็ก ให้ลูกอ่าน
ลูกสาวจะชอบอ่านหนังสือการ์ตูน จนหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเต็มบ้าน หนังสือการ์ตูนสามก๊กที่พ่ออ่าน เขาก็อ่านจนจบ
สอบเข้า ม. ต้นก็อยู่ห้องกิ๊ฟต์ English Program
สอบเข้า ม. 4 ติดทั้งสามโรงเรียน อันดับต้นๆ คือ สาธิต มข. สาธิต ม. สารคาม แต่เลือกที่เดิม คือ ขอนแก่นวิทย์
ช่วง ม. ปลาย เขาขอเองว่าไปเรียน พิเศษ เราก็ตามใจ เกรดเฉลี่ยของเขาเรียนเก่งมาตั้งแต่ ม. ๑ ถึง ม. ๔
ได้ 4.00 หรือ 3.8 ผมไม่แน่ใจ แต่เท่าที่ลูกพูดมาบอกว่า เขาสามารถยื่นพอร์ ฟอริโอไปที่ มข. เข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ได้
จนกระทั่งเราบอกให้ลูกว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร มีเป้าหมายอย่างไร
จากเด็กเรียน วิทย์-คณิต คะแนนอันดับต้นๆ มาโดยตลอด แต่สิ่งที่ลูกเลือก คือ Digital Arts/Games Charector
ตอนนี้อยู่ปี 3 สอบชิงทุนได้ เป้าหมายระยะสั้น คือ จบเกียรตินิยมอันดับ ๑ คือเป้าหมายของเขาเอง
ไลน์ไปถามทุกครั้งบอกเรียนหนักมาก และยังเจียดเวลาไปสอนพิเศษ หารายได้
ไม่รู้เป็นเพราะบุญของพ่อแม่ หรือบุญของเขา ที่เป็นเด็กใฝ่เรียนมาตั้งแต่เด็กๆ
เห็นเด็กๆ ลูกคนอื่น แห่แหนไปดูคอนเสิร์ต เกาหลี ค่าตั๋วแพงๆ แต่ลูกเราเป็นเด็กที่ทุ่มเทให้กับการเรียน
อย่างมาก ก็ชวนเพื่อนไปดูหนัง
ความใฝ่ฝันของเขาอยากไปทำงานกับ Walt Disney แต่พ่อก็กังวลว่า Ai กำลังมาแรง จะสู้ Ai มั้ย
ลูกก็บอกว่า Ai มันไม่มีความคิด จิตวิญญาณ เหมือนมนุษย์หรอกพ่อ
สิ่งที่มีความสุขสำหรับผม คือทุกครั้งที่ไลน์ถามลูก ว่า ลูก Happy กับวิชาที่เรียนมั๊ย มีปัญหากับรูมเมทมั้ย
ลูกสาวตอบ เขามีความสุขที่ได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบ ในสิ่งที่เขาเลือก
อยากฝากบอก พ่อ แม่ ที่มีลูก ต้องสอนให้ลูกคิดเป็น อย่าไปตีลูก บังคับลูก
และอย่าไปคาดหวังสูงกับลูก ควรให้อิสระในการเลือกทางเดินที่เขาอยากเป็น ที่เขาถนัด
เรามีหน้าที่ส่งเสริมในสิ่งที่เขาชอบ....
ผมมีลูกคนที่สอง เป็นลูกชายเลี้ยงคล้ายๆ กัน แต่เรียนไม่เก่ง สอบได้ห้องท้ายๆ
ซึ่งเราก็กำชับลูกสาวว่า ไม่เป้นไร เรียนเก่งหรือไม่เก่ง ไม่ได้วัดความสำเร็จในชีวิต ห้ามบูลลี่น้องเรื่องการเรียน
เพราะเด็กผู้ชายอาจจะติดเกมส์ ไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าไหร่ เราไม่ดุลูกเรื่องผลการเรียน
แต่เขารู้สึกเสียใจด้วยตัวเขาเอง เราแค่บอกลูกว่า ไม่เป็นไรหรอก เรียนอะไรก็ได้ ขอให้ทำดีที่สุดก็พอ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับผม
❀❀ แชร์ประสบการณ์ การเลี้ยงดูลูกในมุมมองของผู้เป็นพ่อ
ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ที่ผ่านการมีภรรยามาก่อน ก่อนที่จะมาพบกับแม่ของลูก
จะด้วยเหตุผลกลใดก็แล้วแต่ เมื่อภรรยาเกิดการตั้งท้อง เราผู้ชาต้องทำหน้าที่สามี และ พ่อ ให้ดีที่สุด
ให้ความรักกับตัวน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตามาดูโลก และ ต้องเลี้ยงดูเขาให้ดีที่สุด
หลังจากไปตรวจแล้วปรากฏว่า ภรรยาตั้งครรภ์ ผมก็เริ่มค้นหาหนังสือเลี้ยงลูกให้ถูกต้อง
ดูแลตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ช่วงที่ภรรยาตั้งครรภ์ ผมก็เริ่มเปิดบริษัทเป็นของตัวเองใน กทม
ผมอยู่ กทม แต่ ภรรยาเป็นข้าราชการอยู่ต่างอำเภอ ในต่างจังหวัด ซึ่งผมต้องกลับไปบ้านทุกๆ 2 สัปดาห์
แต่ทุกครั้งทีกลับไป เรามีเวลาดูแลภรรยาและลูกในท้องเพียง 2 วัน
สมัยที่ยังไม่มียูทูป ผมจะหา CD เพลงบรรเลงคลาสสิก เปิดใส่ชาวด์เบ้าท์ แล้วไปแนบท้องให้ฟัง
ตอนที่เขาตื่น มีเพลงบรรเลง ในสวน เพลงของ บีโธเฟ่น และ โมสาร์ท สลับกันไป
ตอนกลางคืนก็หาหนังสือนิทานมาอ่านให้ลูกฟัง คุยกับลูกในท้อง เป็นประจำสม่ำเสมอ
ช่วงที่ตั้งครรภ์เราดูแล เอาใจใส่ภรรยาอย่างดี ทำหน้าที่พ่อ สามีให้ดีที่สุด เพื่อให้ภรรยาเครียด
หรือรู้สึกน้อยใจกังวลใจ จนกระทั่งคลอดออกมา ไม่แน่ใจเรื่องน้ำหนัก
แต่เป็นเด็กค่อนข้างสมบูรณ์... สุขภาพดี
ช่วงที่เป็นทารก เราก็ดูแลอย่างดี อ่านหนันิทานให้ฟังทุก วันไม่เคยขาด
เปิดเพลงคลาสสิก ให้เขาฟัง ช่วงที่เขาตื่นนอน เป็นเด็กค่อนข้างจะเลี้ยงง่ายไม่งอแง
ช่วงที่ฝึกคลาน และ ฝึกเดิน เราจ้างแม่บ้านมาดูแล เป็นโชคดีอยู่อยางตอนนั้น
ภรรยาทำงานที่ โรงพยาบาลอำเภอเล็กๆ พักที่บ้านพักในโรงพยาบาล
ทำให้ภรรยามีเวลาเทียวมาให้นมลูก มีเวลาอยู่ใกล้ชิด
ช่วงที่เด็กกำลังหัดเดิน จะชอบปีนบันได้บ้านขึ้นชั้นสอง เราจะกำชับแม่บ้านว่า
อย่าห้ามน้องให้เขาปีนขึ้นปีนลงตามความพอใจ แต่ต้องระวังไม่ให้เขาตกก็พอ
เราค่อนข้างจะปล่อยให้เขาซน เรียนรู้ด้วยตัวเขาเอง เวลาวิ่งเล่นหน้าบ้าน เวลาล้มปล่อยให้ล้ม ปล่อยให้ลุกเอง
ลูกสาวเลยค่อนข้างแข็งแรงเพราะซน ชอบวิ่งเล่น และ ได้แผลบ่อยๆ
สิ่งที่ห้ามอย่างหนึ่ง คือ ห้าดุลูก ห้ามขู่ลูกให้กลัว ไม่ว่าจะเป็น ผี ตุ๊กแก ความมืด ตำรวจ
ลูกสาวผมจึงมีความกล้าตั้งแต่เด็กๆ ไม่กลัวความสูง ไม่กลัวคนแปลกหน้าตั้งแต่เด็กๆ
บางวันฝนตกฟ้าคะนองเสียงฟ้าร้อง (ตอนยังพูดไม่ได้) ได้ยินเสียงฟ้าร้อง เด็กหัวเราะเฉยเลย
บางครั้งเขาก็ฟังเฉยๆ โดยไม่มีอาการตกใจใดๆ
มีบ้างบางครั้ง ที่เขาร้องให้เพราะง่วงนอน พอเปิดเพลงบรรเลงให้ฟัง เขาจะเงียบ และหลับไปเอง
หรือบางครั้ง ผมจะอุ้มมานอนคว่ำบนอกพ่อ เขาจะเงียบสงบและหลับไปในที่สุด
และเป็นเด็กมีวิวัฒนาการค่อนข้างสูง ปั่นจักรยานเอาล้อข้างออกตั้งแต่เด็กๆ ชอบอ่านหนังสือ เรียนเก่ง
หลังจาโตขึ้น ย้ายมาอยู่ในตัวจังหวัด ลูกสาวเริ่มเข้าอนุบาล 3 และต่อ ประถม 1 English Program
สังเกตุเห็นลูกสาว เป็นคนเรียนเก่ง ทั้งคณิตศาสตร์ อังกฤษ ศิลปะ ดนตรี
เป็นตัวแทนในการไปสอบ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และวาดภาพได้รางวัลบ่อยๆ
จนใบประกาศแทบจะเต็มบ้าน เพราะได้บ่อยมาก นอกจากนี้ยังมีความสามารถทางด้านดนตรี
เพราะให้ลูกไปเรียน เปียนโนไปด้วย แต่สิ่งเดียวที่ไม่ได้ คือ ด้านกีฬาที่เขาไม่สนใจ ยกเว้นว่ายน้ำที่เขาชอบมาก
ตั้งแต่ลูกเริ่มอ่านหนังสือได้ ผมส่งเสริมให้ลูกรักการอ่าน ด้วยการซื้อหนังสือนิทาน หนังสือเด็ก ให้ลูกอ่าน
ลูกสาวจะชอบอ่านหนังสือการ์ตูน จนหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นเต็มบ้าน หนังสือการ์ตูนสามก๊กที่พ่ออ่าน เขาก็อ่านจนจบ
สอบเข้า ม. ต้นก็อยู่ห้องกิ๊ฟต์ English Program
สอบเข้า ม. 4 ติดทั้งสามโรงเรียน อันดับต้นๆ คือ สาธิต มข. สาธิต ม. สารคาม แต่เลือกที่เดิม คือ ขอนแก่นวิทย์
ช่วง ม. ปลาย เขาขอเองว่าไปเรียน พิเศษ เราก็ตามใจ เกรดเฉลี่ยของเขาเรียนเก่งมาตั้งแต่ ม. ๑ ถึง ม. ๔
ได้ 4.00 หรือ 3.8 ผมไม่แน่ใจ แต่เท่าที่ลูกพูดมาบอกว่า เขาสามารถยื่นพอร์ ฟอริโอไปที่ มข. เข้าเป็นนักศึกษาแพทย์ได้
จนกระทั่งเราบอกให้ลูกว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร มีเป้าหมายอย่างไร
จากเด็กเรียน วิทย์-คณิต คะแนนอันดับต้นๆ มาโดยตลอด แต่สิ่งที่ลูกเลือก คือ Digital Arts/Games Charector
ตอนนี้อยู่ปี 3 สอบชิงทุนได้ เป้าหมายระยะสั้น คือ จบเกียรตินิยมอันดับ ๑ คือเป้าหมายของเขาเอง
ไลน์ไปถามทุกครั้งบอกเรียนหนักมาก และยังเจียดเวลาไปสอนพิเศษ หารายได้
ไม่รู้เป็นเพราะบุญของพ่อแม่ หรือบุญของเขา ที่เป็นเด็กใฝ่เรียนมาตั้งแต่เด็กๆ
เห็นเด็กๆ ลูกคนอื่น แห่แหนไปดูคอนเสิร์ต เกาหลี ค่าตั๋วแพงๆ แต่ลูกเราเป็นเด็กที่ทุ่มเทให้กับการเรียน
อย่างมาก ก็ชวนเพื่อนไปดูหนัง
ความใฝ่ฝันของเขาอยากไปทำงานกับ Walt Disney แต่พ่อก็กังวลว่า Ai กำลังมาแรง จะสู้ Ai มั้ย
ลูกก็บอกว่า Ai มันไม่มีความคิด จิตวิญญาณ เหมือนมนุษย์หรอกพ่อ
สิ่งที่มีความสุขสำหรับผม คือทุกครั้งที่ไลน์ถามลูก ว่า ลูก Happy กับวิชาที่เรียนมั๊ย มีปัญหากับรูมเมทมั้ย
ลูกสาวตอบ เขามีความสุขที่ได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบ ในสิ่งที่เขาเลือก
อยากฝากบอก พ่อ แม่ ที่มีลูก ต้องสอนให้ลูกคิดเป็น อย่าไปตีลูก บังคับลูก
และอย่าไปคาดหวังสูงกับลูก ควรให้อิสระในการเลือกทางเดินที่เขาอยากเป็น ที่เขาถนัด
เรามีหน้าที่ส่งเสริมในสิ่งที่เขาชอบ....
ผมมีลูกคนที่สอง เป็นลูกชายเลี้ยงคล้ายๆ กัน แต่เรียนไม่เก่ง สอบได้ห้องท้ายๆ
ซึ่งเราก็กำชับลูกสาวว่า ไม่เป้นไร เรียนเก่งหรือไม่เก่ง ไม่ได้วัดความสำเร็จในชีวิต ห้ามบูลลี่น้องเรื่องการเรียน
เพราะเด็กผู้ชายอาจจะติดเกมส์ ไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าไหร่ เราไม่ดุลูกเรื่องผลการเรียน
แต่เขารู้สึกเสียใจด้วยตัวเขาเอง เราแค่บอกลูกว่า ไม่เป็นไรหรอก เรียนอะไรก็ได้ ขอให้ทำดีที่สุดก็พอ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับผม