เราอยู่กับแฟนมา13ปี ยังไม่ได้แต่งงาน ก่อนหน้านี้เราอยู่กันที่บ้านเค้าไม่เสียค่าเช่า และเมื่อ4ปีที่แล้ว แฟนอยากได้รถยนต์ (มือ2) เราก็ไม่เห็นด้วยเพราะกลัวเค้าผ่อนไม่ไหว เพราะก่อนหน้านั้นหลายปีก็ผ่อนมอไซค์ไม่ไหว เราเลยบอกให้เค้าผ่อนเองเลย เราไม่หาร พอสัก3-4เดือนหลังออกรถ เรามีปัญหากันกับที่บ้านเค้า เลยชวนแฟนย้ายออกไปเช่าห้องอยู่ แฟนก็บอกว่าเค้าไม่มีเงินเพราะต้องผ่อนรถ (ตอนนั้นแฟนเงินเดือนน้อยกว่าเรา) เราก็เลยบอกว่าเราจะจ่ายเอง (ด้วยความอยากย้ายออก) พอพักหลัง2ปี แฟนเงินเดือนมากกว่าเราแล้วเราก็เลยให้เค้าช่วยค่าน้ำไฟเดือนละ 1000 ตอนแรกก็ไม่ค่อยโอเคแต่ก็ช่วย พอตอนนี้รถใกล้หมด พอเราคุยกันเรื่องรถทีไร เค้าจะรีบออกตัวทันทีว่ารถเค้า เค้าผ่อน ค่าห้องที่เราจ่ายยังไม่ถึงครึ่งของค่ารถที่เค้าจ่ายเลย แล้วจะมาเป็นรถเราทั่ง2คนได้ยังไง พอเราอึ้งเค้าก็จะบอกรถเราทั้ง2นั่นแหล่ะ แต่เรารู้เค้าไม่ได้คิดแบบนั้น เมื่อก่อนเราก็ไม่รู้สึกอะไรเพราะคิดว่าเค้าผ่อนก็ต้องเป็นของเค้าถูกแล้ว แต่ตอนนี้เรามาแอบคิดว่าเราก็ส่วนช่วยมั้ย เพราะเราจ่ายค่าห้อง ค่าของใช้ในบ้าน แล้วมอเตอร์ไซค์ที่เค้าขับไปทำงานและเย็นวิ่งไรเดอร์นั่นก็รถเรา เค้าเลี้ยงข้าวเราทุกวันก็จริง แต่อาชีพเสริมเค้าก็ทำให้เค้ามีรายได้มีเก็บ ซึ่งไม่เคยให้เรา เงินเดือนก็ไม่ได้ให้ แต่เรากลับไม่มีเงินเพิ่ม และไม่มีอะไรเป็นของตัวเอง และแฟนค่อนข้างเป็นคนขี้งก ถ้าเราไม่บอกให้จ่ายให้ช่วยค่าอะไร เค้าไม่เคยเอ่ยปากเลย พอเราพูดเค้าก็บอกว่าเราจะเอาแต่เงิน พอคุยกันเรื่องเงินๆทีไรเป็นเถียง ทะเลาะกันทุกที ทุกคนคิดว่าควรยังไงดีคะ และเราคิดเล็กคิดน้อยเรื่องผ่อนรถมั้ย มันควรจะเป็นของเค้าอยู่แล้วถูกมั้ยคะ
ขอความเห็นเรื่องค่าใช้จ่ายกับแฟนค่ะ