เรื่องมีอยู่ว่าวันนั้นเรากำลังขับรถกลับบ้าน ตลอดทางไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอใกล้ถึงหน้าทางเข้าบ้านเราก็มองกระจกหลัง เปิดไฟเลี้ยวจะเข้าบ้านตามปกติ ซึ่งเราเปิดก่อนจะถึงไกลอยู่ค่ะ เพราะเห็นรถตามมา ด้วยเราคิดว่าเขาจะดูไฟที่เราเปิดบอก เราก็เลี้ยวข้ามจากเลนซ้ายมาเลนขวาเข้าบ้าน พอหน้ารถเราถึงเขตประตูบ้านแล้ว จู่ ๆ ก็มีรถมอเตอร์ไซค์มาชน โดยชนเข้าที่ล้อหน้าฝั่งคนขับแล้วถะไหลไปหน้ารถเรา ถะไหลไปอีกจนลงพุ่มหญ้าข้างเสาประตูบ้านอีกฝั่ง(พุ่มหญ้าอยู่เขตในบ้าน) ถ้าไม่มีเสาหน้าบ้านกับพุ่มหญ้าคู่กรณีเราก็คงถะไหลต่อไปไกลกว่านี้ พอเรารู้ว่ามีคนมาชนก็ตกใจมากแต่ยังมีสติอยู่ จึงเหยียบเบรคไม่ให้รถเคลื่อนไปข้างหน้า แล้วถอยรถออกช้า ๆ เพื่อไม่ให้ขวางทางจราจรเราจึง ขับเข้ามาจอดในบ้านนิดหน่อย เพราะขับไปมากไม่ได้ เรารู้สึกว่าล้อรถเราแปลก ๆ ตอนอยู่ในรถเราไม่คิดว่ารถจะเป็นอะไรมาก พอลงรถก็รีบไปดูคู่กรณีเลย ยังไม่ดูรถ เราได้สอบถามว่าเจ็บตรงไหนไหม เขาก็ยกมือขอโทษเรา ซึ่งเขาช้ำบริเวณสะโพกและข้อศอกถลอก เมื่อเห็นว่าไม่เป็นอะไรมาก เราจึงถามต่อว่าไม่เห็นเราเปิดไฟเลี้ยวหรอ เขาบอกว่าไม่เห็น เราก็ไม่แน่ใจว่าเขาไม่ได้ดูหรอจึงไม่ได้ถามอะไรต่อ เราจึงบอกให้คู่กรณีโทรหาญาติตนเอง เราก็โทรหาญาติเราเหมือนกัน พอญาติเรามาก็พาคู่กรณีไปหาหมอที่อนามัยก่อนเพื่อทำแผล เราก็โทรหาประกันรถ ปล.เราพึ่งเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ครั้งแรกไม่รู้ต้องทำอย่างไร คิดแค่ว่าต้องแจ้งประกันตนเอง ถ้าจะให้ซ่อมเองคงไม่ไหว ยังไงก็มีประกันอยู่ กลับมาทางฝั่งนี้คือเขาติดต่อใครไม่ได้ ฝ่ายเราจึงถามว่าบ้านอยู่แถวไหน เขาบอกอยู่หมู่บ้าน... ซึ่งไม่ไกลจากหมู่บ้านเรามากนัก เราจึงให้พ่อไปรับยายของเขามา คือคู่กรณีเราเป็นแค่เด็กมัธยม จึงต้องมีผู้ปกครอง คู่กรณีเรากลับจากอนามัย ยายของเขาก็มาถึง ไม่นานประกันเราก็มาถึง ประกันก็เก็บหลักฐาน และสอบถามเรื่องราวจากทั้งสองฝ่าย ตอนนั้นพวกเราพยายามติดต่อผู้ปกครองของเขาแล้วแต่ไม่รับสักที โทรไป 5-6 ครั้งก็ไม่รับ ยายของเด็กจึงโทรหาอีกคน กว่าจะรับสายก็โทรหลายรอบเหมือนกัน ซึ่งคนนั้นน่าจะเป็นป้าของเด็ก ตอนป้าเขามาประกันก็เข้าไปคุยด้วย แต่เขาบอกว่าตัดสินใจอะไรไม่ได้ให้รอคุยกับแม่เด็ก พวกเราก็รอ สักพักเราก็ติดต่อได้ เรารอนานมาก ประกันจึงแนะนำให้ไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน แต่ป้าของเด็กขอไว้ว่าให้รอคุยกับแม่เด็กก่อน เราก็เข้าใจ ไม่อยากให้เด็กมีประวัติเรื่องขับรถ เราจึงตัดสินใจรอ ในระหว่างนั้นเราก็คุยรายละเอียดกับป้าเขา ตอนแรกเราว่าจะเรียกค่าเสียผลประโยชน์จากการใช้รถวันละ 300 คือเราต้องใช้รถในการทำงานทุกวัน ป้าเขาบอกรับเรื่องไว้ แต่ให้รอคุยกับแม่เด็ก เราเลยตกลง พวกเรานั่งรอด้วยกันหลายคน รอตั้งแต่ยังไม่มืดจนมืดค่ำ น่าจะทุ่มกว่า ๆ ได้มั้ง เราไม่ได้ดูเวลา รู้แค่ว่ามืดแล้ว อ้อ เราลืมเล่าไปว่าระหว่างรอแม่เราเห็นว่าเด็กมีรอยช้ำ พรุ่งนี้เช้าน่าจะเจ็บตามเนื้อตัวจึงไปเก็บใบหนาดให้เอาไว้ไปย่างตามความเชื่อของคนทางนี้ แล้วแม่เราก็ใจดีเอาน้ำ ปาดแตงโมมาให้กินรอ เมื่อฝ่าผู่ปกครองมาถึงเขาก็ได้คุยกับประกัน ประกันก็แจ้งยอดกับฝ่ายคู่กรณี เมื่อเขาเห็นว่ายอดเงินเยอะเขขาก็ของลด ซึ่งยอดเงินนี้เราไม่ได้เรียก ประกันจัดการเองหมด ในส่วนของเราจึงเข้าคุยเรื่องเงินค่าเสียผลประโยชน์ว่าจะขอวันละ 300 นะ แต่เขาบอกไม่มีเงินเราก็เห็นใจจึงขอแค่ให้เขารับผิดชอบค่ายางรถที่ต้องจ่ายกับประกันครึ่งนึ่ง เพราะประกันบอกว่ายางรถเรามันผ่านการฝช้งานมาเยอะแล้วจึงขอรับผิดชอบแค่ 50% เป็นเงิน 2,000 บาท แล้วเราก็ไม่ขออะไรอีก ใจเราก็คิดแค่ไม่ได้ไม่เป็นไรขอแค่ได้รถกลับมาเหมือนเดิมพอ ระหว่างประกันเรากับคู่กรณีเราก็คุยกันเรื่องเงินแต่ยังไม่ลงตัว ฝ่ายคู่กรณี(คนที่หามาช่วยพูดแทน) จึงพูดเหมือนเชิงตลกว่าไม่น่าเรียกประกันมาก่อนเลย (เราก็คิดในใจว่าเอ๊ะเราผิดหรอที่เรียกมา ก็เราทำประกันไว้แล้วก็ติดต่อพวกคุณไม่ได้ด้วย) ถ้าเอาไปซ่อมอู่ข้างนอกเองก็ไม่เสียเยอะขนาดนั้น และบอกว่าเรายังจะได้เงินใส่ซองด้วย เราก็ไม่ได้สนใจเรื่องเงินใส่ซองอยู่แล้ว สนแค่ใครจะเป็นคนซ่อมรถ ทีนี้ก็พูดประมาณว่าให้เรายกเลิกเคลมได้ไหมเดี๋ยวเอาไปซ่อมข้างนอก ตอนแรกเราก็ลังเลใจจึงโทรไปปรึกษาน้องสาว เราจึงตัดสินใจจะเคลมประกันเหมือนเดิม เพราะเรากลัวว่าจะเจอเหมือนกรณีของน้อง คือมีคนขับมาชนรถเหมือนกัน ตอนพูดต่อหน้าคือรับปากจ่ายทุกอย่าง. แต่พอถึงวันกลับปิดบ้านหนี จนต้องให้ตำรวจตามให้ รถน้องเราตอนนั้นยังไม่ทำประกันรถ พอเราบอกเขาว่าขอเคลมต่อนะ เรากลัวเรื่องประสิทธิภาพของรถเราด้วย เขาก็ขออีกแต่เรายังยืนยันคำเดิม ฝ่ายที่ผู้ปกครองคู่กรณีหามาก็พูดขึ้นอีก ประมาณว่าทำไมเราไม่บอกประกันว่าขับรถชนเสา ไม่มีคู่กรณี เราก็ลอยบอกว่าชนเสายังไงเป็นรอยแบบนั้น. แล้วจะให้เราเป็นคนโกหกเราไม่กล้าหรอก ในเมื่อเรายืนยันเหมือนเดิมเขาจึงคุยกับประกันว่าลดลงได้ไหม จ่ายไม่ไหว ประกันก็โทรคุยกับหัวหน้า ก็เลยลดราคาลงได้นิดหน่อย เขาจึงยอมรับ ประกันจึงบอกให้จ่ายเงินตอนนั้นเลย เขาก็ถามว่าไม่ต่องรอรถเสร็จก่อนหรอ ประกันบอกว่าถ้าลดให้แล้วต้องจ่ายเลย หลังจากลงตัว ณ ตอนนั้นแล้ว ก่อนกลับฝ่ายผู้ปกครองก็ยกมือไหว้ขอโทษเราอีกรอบ เรากับญาติ ๆ ก็บอกไม่เป็นไร หายไวๆ นะ
แต่พอวันต่อมาเขากลับเอาเรื่องนี้ไปโพสต์ให้ทางเราดูเสียหาย เอารูปรถเราไปลง(แต่ไม่เห็นทะเบียน) ประมาณว่าเราไม่เห็นใจ เรียกร้องเอากับเขาเยอะ
พอเรารู้เรื่องเขาเอาไปโพสต์เราก็คิดนะว่าการที่เราสงสาร เห็นใจทำไมถึงได้รับการตอบแทนแบบนี้ พวกเขาทำไมไม่นึกถึงตอนที่คุยกันบ้าง ว่าการที่เราไม่เรียกอะไรเพิ่มเติมเลยยังไม่พอใจอีกหรอ กล้องรถหน้าหลังเราก็มี ถ้าไม่พอใจตอนนั้นทำไมไม่ไปโรงพักเลย ตอนพวกคุณมาถึงไม่เคยเอ่ยเรื่องแจ้งความเลย.
เราคิดอยู่นะว่าตอนนั้นถ้าเราตัดสินใจให้เอารถไปซ่อมเองจะไปแจ้งความไว้ แต่เราก็ไม่ได้ทำ
ทุกคนคิดว่าเราทำถูกไหมคะ การที่เราเลือกเคลมประกันเฉย ๆ เราผิดขนาดนั้นเลยหรอ ตอนนี้คือเราเก็บหลักฐานที่เขาโพสต์และคอมเม้นท์ไว้หมด. เผื่อมีปัญหาอีก
สามารถทำอะไรได้บ้าง
แต่พอวันต่อมาเขากลับเอาเรื่องนี้ไปโพสต์ให้ทางเราดูเสียหาย เอารูปรถเราไปลง(แต่ไม่เห็นทะเบียน) ประมาณว่าเราไม่เห็นใจ เรียกร้องเอากับเขาเยอะ
พอเรารู้เรื่องเขาเอาไปโพสต์เราก็คิดนะว่าการที่เราสงสาร เห็นใจทำไมถึงได้รับการตอบแทนแบบนี้ พวกเขาทำไมไม่นึกถึงตอนที่คุยกันบ้าง ว่าการที่เราไม่เรียกอะไรเพิ่มเติมเลยยังไม่พอใจอีกหรอ กล้องรถหน้าหลังเราก็มี ถ้าไม่พอใจตอนนั้นทำไมไม่ไปโรงพักเลย ตอนพวกคุณมาถึงไม่เคยเอ่ยเรื่องแจ้งความเลย.
เราคิดอยู่นะว่าตอนนั้นถ้าเราตัดสินใจให้เอารถไปซ่อมเองจะไปแจ้งความไว้ แต่เราก็ไม่ได้ทำ
ทุกคนคิดว่าเราทำถูกไหมคะ การที่เราเลือกเคลมประกันเฉย ๆ เราผิดขนาดนั้นเลยหรอ ตอนนี้คือเราเก็บหลักฐานที่เขาโพสต์และคอมเม้นท์ไว้หมด. เผื่อมีปัญหาอีก