เรื่องเริ่มมาจากผมเป็นคนว่างงานที่อยู่ในระหว่างหางานทำ วันหนึ่งไปเจอคนโพสรับสมัครงานในกลุ่มหางานบนเฟสบุ๊ค มีการโพสหาคนทำงานลงในกลุ่มหางานบนเฟสบุ๊ค โดยมีรายละเอียด ว่า หาคนไปช่วยดูเอกสารการซื้อ-ขายรถ 1-2 วัน จะให้ค่าจ้าง 2000 บาท ผมจึงติดต่อไปเพื่อจะขอสมัครงาน และได้รับงานเรียบร้อย และในวันที่ 10 กค. 67 มิจฉาชีพ จึงติดต่อมาแจ้งให้ไปทำงานโดยการส่งโลเคชั่นและแจ้งรายละเอียดว่า เขาทำการซื้อขายรถยนต์และต้องการให้เราเข้าไปถ่ายเอกสารเกี่ยวกับรถยนต์และส่งให้เขา ผมเข้าไปบ้านผู้ขายรถตามโลเคชั่นที่มิจฉาชีพส่งให้และได้ถ่ายรูปรถและหน้าเล่มรถส่งให้เขาเรียบร้อยประมาณช่วงบ่าย แต่ยังไม่ได้รับค่าจ้างโดยมิจฉาชีพทักมาเรื่อยๆว่า รอโอนเงินค่าจ้างให้แปบนะครับ จนเวลาประมาน 17.00 น. เขาทักมาว่าจะโอนเงินให้ 3000 บาท โดยเป็นเงินค่าจ้างที่เราเข้าไปถ่ายเอกสารให้ 1000 บาท อีก 2000 บาท เขาอ้างว่าให้เราโอนมัดจำค่าจองรถยนต์กับเจ้าของรถให้หน่อย (ตามที่ตกลงค่าจ้างของผมต้องได้ 2000 บาท แต่เขาให้ผม 1000 บาท โดยแจ้งกับผมว่า งานยังไม่เสร็จนะ ผมต้องเข้าไปดูรถอีกครั้ง ต้องมีการซื้อขายกันสำเร็จถึงจะจ่ายเงินทั้งหมดให้(อีก1000บาท)และเขาได้เงียบหายไป1วัน จนถึงวันที 12 กค. 67 เข้าทักมาอีกครั้งเวลาประมาน 9 โมงเช้า และบอกให้ผมเตรียมตัว เพราะวันนี้ผู้ซื้อรถจะเข้าไปเซ็นสัญญาและผมต้องไปด้วย โดยมิจฉาชีพให้เหตุผลว่า เขาเป็นนายหน้าขายรถเขาไม่อยากให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้คุยกันเพราะกลัวเขาจะไปตัดราคากันเอง เขาจึงอ้างว่าอยากให้ผมไปเพื่อเป็นตัวแทนเขา โดยให้ผมทำทีว่าเป็นน้องเขาโดยให้เหตุผลว่ากลัวผู้ซื้อไม่กล้าโอนเงินค่ารถให้ ด้วยตัวผมที่เข้าใจว่าเขาเป็นนายหน้าขายรถจริงๆก็กลัวเขาขายรถให้ลูกค้าไม่ได้ ตัวผมเองก็จะไม่ได้ค่าจ้างอีก1000บาท จึงได้บอกกับผู้ซื้อรถไปว่าผมเป็นน้องของนายหน้าขายรถตามที่มิจฉาชีพมันเตี้ยมไว้ และเวลาประมาน 16.00 น. ผมได้เข้าไปบ้านผู้ขายรถและนั่งรอผู้ซื้อมาถึง ระหว่างนั้นมิจฉาชีพมีการติดต่อมาตลอดเวลา เขาโทรมาบอกว่า ให้ใช้บัญชีธนาคารของผมรับเงินโอนจากผู้ซื้อรถได้เลยนะ(จำนวน 400,000บาท) และถ้าเงินเข้าแล้วให้โอนเงินไปให้เขาก่อน เขาจะเป็นคนจัดการโอนให้ผู้ขายรถเอง และให้ผมถ่ายบัตรประชาชนและรูปรถของผมส่งให้เขา โดยเขาอ้างว่าเพื่อป้องกันกลัวผมหลบหนีและได้บอกผมว่า ค่าจ้างน้องพี่ให้ 1 หมื่นบาทนะ(ค่าจ้างส่วนนี้ไม่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก พึ่งมาทราบตอนถึงจุดซื้อ-ขายแล้ว) มิจฉาชีพแจ้งว่าถ้าผู้ขายโอนเงินให้แล้วให้ผมหักออกเลย 10,000 บาทและโอนให้เขา 390,000 เวลาประมาน 17.00 น. มีการซื้อขายกันเรียบร้อย ผู้ซื้อโอนเงินจำนวน 400,000 เข้าบัญชีผม และช่วงเวลานั้นมิจฉาชีพทั้งโทรและส่งข้อความมาเรื่อยๆเร่งให้ผมโอนเงินให้เขาทันที หลังจากผมทำการโอนเงินให้มิจฉาชีพจำนวน 390,000 บาทแล้ว ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย หลังจากรู้ตัวว่าโดนหลอกแล้ว ตัวผมและผู้ซื้อรถที่เป็นเจ้าของเงิน จึงไปแจ้งความทันที และผมได้โอนเงิน 10,000บาท ที่มิจฉาชีพให้หักไว้เป็นค่าแรงคืนผู้ซื้อรถแล้วที่สถาณีตำรวจ และได้ให้ปากคำกับตำรวจจากนั้นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน วันต่อมาผมได้เขาไปส่งหลักฐานและแจ้งอายัดบัญชีและหลังจากนั้นยังไม่มีความคืบหน้าหรือติดต่อมาแต่อย่างไร จนถึงวันที่ 24 กค.67 ทางผู้ซื้อรถ(ผู้เสียหายที่โอนเงิน400,000บาทเข้าบัญชีผม)ต้องการให้ผมชดใช้และให้ทนายมาบอกผมว่าถ้าผมไม่หาเงินมาชดใช้เขา ผมก็เข้าข่ายผู้ต้องหาร่วม ในกรณีนี้ผมมั่นใจว่าผมไม่ผิดผมก็โดนหลอกเหมือนกันเป็นผู้เสียหายเหมือนกันเพียงแต่ผมไม่ได้สูญเงิน จึงต้องการปรึกษาทนายว่าผมควรทำอย่างไรครับ และผมเข้าข่ายมีความผิดตามที่เขาแจ้งจริงหรอครับ
**ข้อมูลเพิ่มเติม ทางเจ้าของเงิน400,000บาท แจ้งผมว่าทางตำรวจได้สืบทราบมาว่า บัญชีที่รับเงินต่อจากผม เป็นบัญชีของพยาบาลท่านหนึ่ง(ถูกมิจฉาชีพหลอกจากแอพหาคู่ รายระเอียดว่าถูกหลอกยังไงถึงยอมให้ใช้บัญชีอันนี้ผมไม่ทราบครับ) ซึ่งถูกหลอกให้ใช้บัญชีในการรับเงินจากผมและโอนต่อไปยังบัญชีม้า สรุปเส้นทางการเงินดังนี้ เจ้าของเงิน 4แสน โอนค่ารถให้ผม -> ผมโอนต่อไปให้พยาบาล->ทางพยาบาลโอนต่อไปยังบัญชีม้า
โดนมิจฉาชีพหลอกให้ไปเป็นตัวแทนในการ ซื้อ-ขายรถ
**ข้อมูลเพิ่มเติม ทางเจ้าของเงิน400,000บาท แจ้งผมว่าทางตำรวจได้สืบทราบมาว่า บัญชีที่รับเงินต่อจากผม เป็นบัญชีของพยาบาลท่านหนึ่ง(ถูกมิจฉาชีพหลอกจากแอพหาคู่ รายระเอียดว่าถูกหลอกยังไงถึงยอมให้ใช้บัญชีอันนี้ผมไม่ทราบครับ) ซึ่งถูกหลอกให้ใช้บัญชีในการรับเงินจากผมและโอนต่อไปยังบัญชีม้า สรุปเส้นทางการเงินดังนี้ เจ้าของเงิน 4แสน โอนค่ารถให้ผม -> ผมโอนต่อไปให้พยาบาล->ทางพยาบาลโอนต่อไปยังบัญชีม้า