ขั้นตอนการจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติและการขอ Non-O วีซ่า ฉบับยื่นกับสามีเอง (อัปเดตข้อมูลครึ่งปีหลัง 2567)

สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะคะ ในขณะนี้ทางเราอยู่ในขั้นตอนการขอ Non-O วีซ่าให้กับคุณสามีอยู่ เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ของตัวเองตามฉบับคนทำ (เกือบ) ทุกอย่างเองกับสามี + รีวิวจากบางท่านในพันทิป แต่เนื่องจากข้อมูลแต่ละที่ไม่ค่อยตรงกันนัก วันนี้เลยอยากเข้ามาช่วยแชร์ประสบการณ์เผื่อจะมีคนพบเจอปัญหาเหมือนเราบ้างค่ะ
 เพี้ยนไฟลุก
ขออนุญาตเริ่มต้นจากการจดทะเบียนสมรสเลยแล้วกันค่ะ โดยเอกสารหลัก ๆ ที่ต้องเตรียม

1. ใบรับรองโสดของคุณสามี ซึ่งชาวต่างชาติสามารถขอได้ที่สถานทูตประเทศนั้น ๆ ในไทย โดยจะมีค่าธรรมเนียมในการขอด้วย (คุณสาจำราคาไม่ได้ต้องขออภัยด้วยค่ะ) ซึ่งขั้นตอนนี้เราแนะนำให้ทำการจองคิวสถานทูตเข้าไปก่อนนะคะ เพราะเหมือนบางที่จะไม่รับ Walk in ค่ะ เช่นคุณสาบ้านนี้เป็นอเมริกัน ต้องจองคิวล่วงหน้าประมาณ 1-2 อาทิตย์เลย และหลังจากเสร็จกระบวนการจะได้รับมา 2 ใบ ได้แก่สำเนาหน้าพาสปอร์ตและใบที่รับรองว่าเป็นโสดจริง ๆ ซึ่งจะมีตราประทับนูนของสถานทูตค่ะ
2. หลังจากได้เอกสารมาแล้ว ไปที่กรมการกงสุลเพื่อทำการแปลและประทับตรานะคะ ในส่วนนี้เราไปที่กงสุลและว่าจ้างนักแปลที่รับงานตรงนั้น ในตอนแรกเรากะจะแปลกันเอง แต่เหมือนว่าทางนั้นเค้าต้องการให้ผู้ที่มีใบวิชาชีพหรือไม่ก็บริษัทแปลเป็นผู้ทำรายการ และการจ้างจะสะดวกเราด้วยเพราะไม่ต้องเทียวไปเทียวมา (พักอยู่ไกลค่ะ)  เนื่องจากพอแปลเสร็จแล้ว จะต้องมีการรอประทับตรา หรือหากมีการแก้เอกสารก็ต้องเข้ามาด้วย เราเลยเซ็นมอบอำนาจให้ทางนักแปลเป็นผู้ดำเนินเรื่องให้เลย จ่ายหน่อยแต่คุ้มค่ะ ตรงนี้ก็จะมีใบเสร็จของทางกงสุลด้วย ควรเก็บไว้นะคะ สำคัญมาก
3. ส่วนของฝ่ายคนไทยเรานั้น หลัก ๆ จะเป็นสำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ถ้าใครเคยมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลก็ควรนำไปนะคะ (ตอนแรกเราเข้าใจว่าต้องใช้ใบรับรองโสดของตัวเองด้วย เลยให้ที่บ้านไปขอให้จากภูมิลำเนา ซึ่งไม่ต้องใช้เลย แป่วววววมาก)

ซึ่งเอกสารทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะตัวจริงหรือสำเนา ต้องหิ้วไปที่สำนักงานเขตที่สะดวกนะคะ ตอนแรกเราเข้าไปที่สำนักงานเขตบางรักเพราะเข้าใจว่าจดได้เลย ซึ่งเจ้าหน้าที่บอกว่าต้องจองคิวมาเท่านั้น ตอนนั้นใจเสียมาก เจ้าหน้าที่เลยแนะนำให้ลองติดต่อเขตอื่น ๆ เพราะบางรักคิวเต็มถึงเดือนหน้า เราเลยตระเวนหาและไปจบที่เขตประเวศ เพราะได้ทำการโทร.ติดต่อไปก่อนและเจ้าหน้าที่แจ้งว่าสามารถเข้ามาจดได้เลย ตอนนั้นดีใจมาก รีบบึ่งแท็กซี่ไป สรุปตุ้บค่ะ เจ้าหน้าที่บอกยังไงก็ต้องรอเป็นเดือนไม่ว่าจะไปเขตไหน เพราะจะต้องมีการส่งเอกสารทั้งหมดไปตรวจสอบก่อนและจะเรียกมาตามคิว (เพื่อป้องกันการจดทะเบียนแบบมีผลประโยชน์แอบแฝง ทำนองนี้แหละค่ะ) โดยระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่จะถามเรื่องต่าง ๆ เช่นคบกันมานานแค่ไหน เจอกันยังไง ที่บ้านรับรู้ไหม เคยไปบ้านฝ่ายชายหรือยัง ฯลฯ หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่จะให้ถ่ายเอกสารทั้งหมดไว้ และทิ้งไว้ที่เขตเพื่อนำไปทำเรื่องและเราต้องเก็บเอกสารตัวจริงไว้เพื่อนำมายื่นในวันจดจริง จากนั้นก็รอไปค่ะ

ทางเรารอได้ประมาณ 1 เดือนกับอีก 4 วันทางเจ้าหน้าที่ก็ติดต่อโทรมานัดคิว ซึ่งเราต้องพาพยานไป 2 คน คนแรกจะต้องเป็นบุคคลในครอบครัวเรา ยิ่งนามสกุลเดียวกันยิ่งดีค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบว่าเป็นการจดทะเบียนแบบครอบครัวฝ่ายคนไทยรู้เห็น และคนที่ 2 จะเป็นล่ามให้เรา /ในตอนแรกเราสอบถามว่าถ้าสมมติเราพูดอังกฤษได้ เราเป็นล่ามเองได้ไหม เจ้าหน้าที่บอกไม่ได้เลย อย่างน้อยต้องมีบุคคลอื่น ๆ เพราะถ้าเกิดมีกรณีฟ้องร้องหรือหย่าร้างขึ้นมา พยานที่เราพามาจะต้องเป็นพยานในตอนนั้นด้วย (ประมาณนี้นะคะ จำรายละเอียดไม่ค่อยได้)

โดยในวันจริงทางเจ้าหน้าที่จะมีการดึงเอกสารทุกอย่างออกมาตรวจสอบอีกครั้ง ในระหว่างนั้นคนเป็นล่ามจะต้องคอยแปลและชี้จุดให้ทางสามีรับทราบและเซ็นค่ะ ซึ่งเราได้คิวแรก 8 โมงเช้าเลย กว่าจะเสร็จก็ประมาณ 9 โมงกว่า ๆ เพราะตรวจเอกสารละเอียดมากเลยค่ะ 

พอได้ทะเบียนสมรสมานอนกอดแล้ว ทางเราก็ดำเนินการยื่นเรื่องขอวีซ่าคู่สมรสหรือ CR1 ไปทางอเมริกาด้วย เพราะเรากับสามีวางแผนจะไปอยู่ด้วยกันค่ะ ซึ่งขั้นตอนตรงนี้ก็ยิบย่อยมาก หากใครต้องการสอบถามสามารถหลังไมค์มาได้นะคะ (หรือใครมีประสบการณ์สามารถแชร์ได้นะคะ เรายังรอแบบไร้ความหวังอยู่เลย) 

เม่าเศร้า

ทีนี้จะเป็นขั้นตอนการขอ Non-O วีซ่าค่ะ
เป็นขั้นตอนที่เราปวดหัวมากที่สุดเลยค่ะ ในส่วนนี้ต้องเกริ่นก่อนว่าทางสามีตัดสินใจมาอยู่ที่ไทยกับเราในระหว่างรอวีซ่าที่อเมริกาสำเร็จ และเข้ามาเป็นแบบวีซ่านักท่องเที่ยว 30 วัน และต่อวีซ่าที่ ตม. อีกทีละ 30 วัน พอครบกำหนดก็กลับบ้านบ้าง ทำวีซ่ารันบ้าง จนสุดท้ายโดยเจ้าหน้าที่ ตม. ขู่ว่าจะไม่มีครั้งถัดไปแล้ว นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย (โดนเรียกเข้าห้องดำด้วยค่ะ เพราะเจ้าหน้าที่คิดว่าฮีมาทำงานผิดกฎหมาย แต่ยื่นทะเบียนสมรสให้เจ้าหน้าที่ดูพร้อมทั้งใบเสร็จที่ยื่นวีซ่าที่อเมริกาให้เรา เจ้าหน้าที่เลยยอมปล่อยเพราะรู้แล้วว่าสามีรอวีซ่าเราให้เสร็จก่อน และแนะนำว่าให้ไปทำ Non-O ให้มันจบ ๆ จะได้ไม่ต้องรันแบบนี้ เพราะค่อนข้างเสียประวัติ) ก็เลยมานั่งหาข้อมูลกันค่ะ

ตอนแรกเคยคิดกันไว้ก่อนหน้าว่าจะไปทำที่ลาวหรือเวียดนาม แต่งานเราค่อนข้างลายาก บวกกับสถานการณ์ตึงเตรียดแล้ว เลยต้องทำการเปลี่ยนวีซ่านักท่องเที่ยวให้เป็น Non-O ภายใน 60 วันนี้ให้ได้ค่ะ

ในวันที่สามีมาถึง เราให้ทางคอนโดออกเอกสาร ตม.30 ให้เลย รวมทั้งขอเอกสารต่าง ๆ เพื่อจะไปทำวีซ่า ทางคอนโดให้เป็นสำเนาบัตรประชาชนผู้จัดการ หลักฐานการแจ้ง ตม.30 และสำเนาทะเบียนบ้านมาค่ะ (ซึ่งจะกลายเป็นเอกสารเจ้าปัญหาในภายหลัง)
จากนั้น ทางเราก็เตรียมสำเนาพาสปอร์ตของสามี + หน้าที่มีแสตมป์เข้าล่าสุด (ในส่วนนี้ต้องเผื่อวันที่ไว้ประมาณ 15-16 วันเพื่อรอฟังผลด้วยนะคะ หากวันที่ไม่พอ สามารถขอเจ้าหน้าที่ต่อได้เลยค่ะ)

และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บัญชีธนาคารที่มีเงิน 400,000 บาทค่ะ ด้วยความที่เราไม่รู้ คิดว่าจะได้ใช้อีกทีตอนที่ต่อเป็น 1 ปี ทำให้เราเสียเวลา ณ วันนั้นไปเลย 1 วันและไม่ได้อะไรกลับมาค่ะ 

**ขอบ่นเล็กน้อยนะคะ** ตอนที่เข้าไปทำเรื่องรวมถึงสอบถามเรื่องเอกสารการเปิดบัญชี เราโดนเจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่องให้ตวาดใส่ว่า "พี่ไม่ใช่ธนาคาร!!!!" เพราะก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่อีกท่านแจ้งอีกแบบและเราไปสอบถามเค้าเพื่อความแน่ใจ ไหนจะโดนเจ้าหน้าที่ที่ทำเรื่อง ตม.30 ให้จิ๊ปากใส่ ชักสีหน้าใส่ เพราะทางเจ้าหน้าที่บอกว่าเราทำเรื่องมาในเว็บไซต์แล้ว จะมาทำทำไมอีก เอาง่าย ๆ คือการไปทำเรื่องที่ตรวจคนเข้าเมืองที่แจ้งวัฒนะ ไม่ได้สร้างความประทับใจอะไรให้เราเลย และเราไม่ประทับใจมากเพราะก่อนที่เราจะเข้าไปทำเรื่อง เราได้ทำการติดต่อเข้าไปที่สายด่วน ตม. แล้ว และปรึกษาเอกสารที่ต้องใช้แล้ว รวมถึงอ่านรีวิวในพันทิป ซึ่งสุดท้ายก็ผิดและไม่ครบอยู่ดีเพราะเจ้าหน้าที่แจ้งข้อมูลคนละแบบ อีกทั้งการบริการของเจ้าหน้าที่ที่เรียกได้ว่า แย่มากค่ะ 

เราเลยตัดสินใจเลือกมาตั้งกระทู้เพื่อแนะนำเพิ่มเติม รวมถึงอัปเดตเอกสารที่ต้องใช้หากใครมีคุณสามีหรือคุณภรรยาที่เข้ามาเป็นวีซ่านักท่องเที่ยวและต้องการเปลี่ยนเป็นวีซ่าติดตามคู่สมรส Non-O นะคะ โดยเอกสารที่ต้องใช้ จะมี
1. สามีเราเข้ามาด้วยวีซ่าประทับ ผ.30 เลยต้องกรอกเอกสาร ตม.87 (สามารถดาวน์โหลดได้ในเว็บ ตม.) ติดรูปถ่าย 4x6 ให้เรียบร้อยนะคะ
2. สำเนาหน้าแรกของพาสปอร์ตสามี, สแตมป์ประทับที่เข้าไทยล่าสุด (และถ้ามีการต่อวีซ่าจะต้องถ่ายหน้านั้นไปด้วยนะคะ)
3. สำเนาบัตรประชาชนของเรา และหากเคยมีการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุลก็ต้องเตรียมเอกสารไปนะคะ, ทะเบียนบ้านเล่มจริง (อันนี้ก็ไม่ทราบ เพราะเตรียมไปแค่สำเนา)
4. สำเนาทะเบียนสมรส คร.2 และ คร.3 รวมทั้งใบรับรองโสดของคุณสามีก่อนมาแต่งงาน และต้องเป็นฉบับที่ได้รับการแปลและประทับตราจากกงสุลนะคะ
5. หนังสือรับรองเงินฝากในบัญชีธนาคารจำนวน 400,000 บาท ซึ่งเราเลือกเปิดกับทางแบงค์ม่วงค่ะ เพราะสามารถใช้ใบ ตม.30 และทะเบียนสมรสรวมถึงเอกสารเรา เช่นบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านได้ (ก่อนหน้านี้ติดต่อแบงด์เขียว เค้าแจ้งว่าต้องมี Non-O วีซ่าก่อนถึงจะเปิดให้ได้ แต่เราต้องการเปิดบัญชีนี้ไปทำ Non-O ก็งง ๆ กับเค้าเหมือนกันค่ะ)
ปล. ใบเสร็จของ ตม.30 จะมีขนาด 1/4 ของกระดาษ A4 (หากทางอพาร์ทเม้นท์หรือคอนโดของคุณแจ้งในเว็บไซต์จะไม่ได้ใบนี้ ซึ่งคุณจะต้องนำเอกสารที่ทางอพาร์ทเม้นท์และคอนโดมอบให้เข้าไปแจ้งเรื่องอีกครั้งที่ ตม. แจ้งวัฒนะที่เป็นสำนักงานใหญ่อีกครั้งค่ะ)
6. ใบรับรองว่าเราทำงานอยู่ที่ไหน (ตอนแรกไม่ทราบว่าต้องใช้ด้วยค่ะ)
7. ใบสัญญาการเช่าคอนโดของเรา, ใบเสร็จชำระเงินย้อนหลัง 3 เดือน, แผนที่บ้าน/คอนโด (สามารถแคปจาก Google Map ก็ได้ค่ะ ขอแค่ให้เห็นมุมกว้างที่เจ้าหน้าที่สามารถเดินทางมาเยี่ยมได้) - อันนี้จะเป็นในกรณีที่พักไม่ตรงทะเบียนบ้านนะคะ 
8. ภาพถ่ายประมาณ 6 ภาพที่มีเราและสามีหน้าคอนโด หน้าเบอร์ห้อง และภาพถ่ายคู่ในห้องที่เป็นมุมกว้าง เห็นทั้ง 2 คนและมีสิ่งของที่ใช้ในชีวิตประจำวันเป็น Background ค่ะ

ซึ่งเอกสารทั้งหมดนี้ต้องเอาไปยื่นให้เจ้าหน้าที่และรอผลประมาณ 15 วันนะคะ ทางเจ้าหน้าที่จะเรียกเข้าไปฟังผลอีกครั้งค่ะ

ตอนนี้ก็ต้องมานั่งลุ้นว่าทุกอย่างครบไหม เจ้าหน้าที่จะขออะไรอีกรึเปล่า ยังไงถ้าใครติดปัญหาตรงไหนสามารถสอบถามหรือหลังไมค์มาแชร์ประสบการณ์ได้เช่นกันนะคะ เป็นกำลังใจให้แม่บ้าน/พ่อบ้านชาวไทยทุกท่านค่ะ

เม่าบัลเล่ต์เม่าฝึกจิต
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่