สวัสดีค่ะนักเลงคีบอร์ดทุกคน
วันนี้เป็นครบรอบอยู่ประเทศอังกฤษครบ 5 ปีของเราค่ะ เราเลยคิดว่าจะมารีวิวสิ่งที่เราเจอจากประสบการณ์ตัวเองใน 5 ปีที่ผ่านมา เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจมาประเทศนี้นะคะ
อันนี้เป็นประสบการณ์เรานะคะ เราเข้าใจว่าพื้นที่ตรงนี้คือพื้นที่คนรักที่จะอ่านแต่หากใครต้องการฟังมากกว่าอ่านเราทำคลิปไว้ด้วยนะคะ สามารถเข้าไปชมได้ค่ะ
คลิกตรงนี้เลยค่ะ แต่หากต้องการอ่านมากกว่า ตามมาเลยค่ะ
อย่าง 1 ไม่มีใครสนใจเราเลยค่ะ No one cares!
พอเรามาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่มีใครสนใจเลยค่ะว่าเราจะมาจากไหน ผิวสีอะไร สวยไม่สวย รวยหรือไม่รวย ที่นี่ทุกคนเท่าเที่ยมกันหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะอาชีพอะไร สัญชาติอะไร การสมัครงานที่นี่เราไม่ต้องใช้รูปในการสมัคร ไม่จำกัดอายุ ไม่มีใครจะมาสนใจว่าเราเป็นใคร สีผิวอะไร หน้าตาเราแบบไหนเลยค่ะ คำถามคือ ยังมีคนเหยียดกันไหม? มีค่ะกับคนบางกลุ่มยังมี เดี๋ยวเรื่องนี้เราจะมาแชร์แยกอีกทีนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเราทำยังไง ทุกคนจะได้รับอรรถรสมากขึ้น
แต่โดยรวมแล้วที่นี่ไม่มีใครสนใจกันเลยค่ะ เรารู้สึกอิสระ และเป็นตัวของตัวเองมากๆ การคบหาสมาคมกันของคนที่นี่คือเขาก็จะคบหากันเพราะนิสัย และความเป็นตัวของตัวเองของคนนั้นค่ะ เราเป็นหนึ่งคนที่ไม่มีความหรูหราในชีวิตและไม่รวยหรือมีเงินถัง แต่เราห็สามารถนั้งสนทนากับเพื่อนคนที่เขารวยมหาศาลได้ ไปดื่มด้วยกันได้โดยที่เราไม่ถูกตัดสินเลยค่ะ
อย่างที่ 2 แกรมม่าภาษาอังกฤษไม่เปะ สำเนียงก็ไม่ได้ จะอยู่ประเทศนี้ได้ไหม
อันนี้เราถามตัวเองมาตลอดเลยค่ะ และกลัวมากๆด้วย เพราะการจะใช้ชีวิตที่ไหนสักแห่งการสื่อสารคือกุญแจสำคัญมากๆกับเรา เรามาตัวเปล่าได้ แต่เราคิดว่าเราต้องได้ภาษาเพราะมันจะพาเราไปให้ได้งาน ได้เพื่อน ได้สังคม เรากังวลมาตลอดเลยค่ะตอนย้ายมาอยู่ที่นี่แรกๆ เพราะเรากลัวว่าคนอื่นเขาจะไม่เข้าใจเรา คนอื่นจะตัดสินเรา ทุกคนขาเอาจริงๆคนที่ฟังเราเขาจะพยายามเข้าใจเราเองค่ะ เพราะที่อังกฤษเขาจะมีคนต่างชาติ ต่างภาษาเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นคนอื่นๆ ยกเว้นคนอังกฤษเขาก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเหมือนเราด้วยค่ะ คือเอาง่ายๆไม่มีใครพูดตรงแกรมม่าเปะๆขนาดเจ้าของภาษาเอง ใครกลัวว่าพูดกับเขาไม่รู้เรื่องอย่ากลัวนะคะ พยายามพูด และฝึกฝนเรื่อยๆ แล้วเดี๋ยวเราก้สามารถสื่อสารเก่งขึ้น มั่นใจขึ้น
อย่างที่ 3 กลัวไม่มีงานดีๆทำ
อันนี้คือสิ่งที่เราคิดไปเองอีกค่ะ ตอนมาถึงที่นี่ คือคิดไปก่อนหน้า ด้วยความมีอีโก้สูงของเราคือ เราต้องได้งานในมหาลัยทันทีตอนย้ายมาที่นี่ แล้วเราก็ติดคิดว่างานดีๆมีหน้ามีตามันต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น ด้วยคำจำกัดความและโลกแคบของเราเองค่ะ คือทุกคน เราสมัครงานมหาลัยเท่าไหร่ๆก็ไม่ได้ เอาจริงๆงานแรกของเราคืองานที่โรงแรมค่ะ แล้วงานถัดมาเป็นงานใน supermarket เราถูกเพื่อถามบ่อยมากว่าทำไมเรียนจบตั้งโทที่นี่แล้วกลับไปทำงานพวกนี้ ทุกคนถึงตอนนี้เรามองกลับกันนะคะงานดีๆ คืองานอะไรก็ได้ที่สร้างรายได้สุจริตให้เรา เรามองว่างานสองงานแรกคืองานที่ให้ประสบการณ์และทักษะในการทำงานเราได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ ทำให้ภาษาเราแข็งแรงขึ้น มีความมั้นใจมากขึ้น จนสุดท้ายเราได้งานที่มหาลัยตามที่ฝันไว้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวงาน ถ้าเราไม่เบลือกงานเราก็จะพัฒนาตัวเองไวเลยค่ะ และที่สำคัญอย่าเอาคำตัดสินคนอื่นมาทำให้ทิศชีวิตเราเปลี่ยนนะคะ พูดถึงข้อนี้คือ เรื่องงานมันแอบเกี่ยวกับ ประสบการณ์ข้อแรกของเรา คือไม่มีใครมาสนใจว่าเราาจากไหน ทำอะไร แต่ถ้าเรามีประสบการณ์มีความสามารถตรงกับงานที่เขาต้องการเรา เราก็ได้งานนั้นค่ะ เช่นเราเปลี่ยนงานจาก supermarket มาเป็นงานในมหาลัยก็ยังได้ค่ะ
อย่างที่ 4 คนอังกฤษไม่ค่อยเป็นมิตร
นี่คือ 1 สิ่งที่เราคิดไปเองจากการอ่านข้อความ คอมเม้นตามสื่อต่างๆ พอเรามาถึงที่นี่ ทุกคนเราคิดว่าความคิดเราเปลี่ยนไปเลยค่ะ เนื่องจากว่าเราเจอแต่เพื่ออังกฤษที่น่ารักและดีๆทั้งนั้นเลย คือเขาเป็นมิตรและมีน้ำใจมากๆ เช่น ตอนเราย้ายเข้าไปอยู่แฟลต มีเพื่อนร่วมแฟลตมาทำความรู้จัก ซื้อต้นไม้ให้ คุยกัน จนกระทั้งออกไปดื่มด้วยกันบ่อยๆ ตอนที่เราย้ายออกจากแฟลตเพื่อมาอยู่บ้านหลังปัจจุบัน เพื่อนร่วมงานสามีเราอาสาจะเอารถมาช่วยย้ายของ หัวหน้าที่ทำงานเรากลายเป็นเพื่อนกัน เพื่อนอีกคนที่เพิ่งจะรู้จักกับเราอาสาขับรถไปถึงลอนดอนเพื่อไปรับไข่นุ้ยมาเลี้ยง ไข่นุ้ยคือแมวเราเองค่ะประสบการณ์ 5 ปีที่นี่ทำให้เราลืมคำพูดนี้ไปเลยค่ะว่าคนอังกฤษไม่เป็นมิตร แน่นอนค่ะคนไม่ดี คนไม่เป็นมิตรย่อมมีทุกที่เพียงแต่เราไม่ค่อยเจอเท่านั้น เราว่าแค่เราต้องเข้าใจวัฒนธรรมและความเป็นเขา จากคนแปลกหน้าก็กลายเป็นมิตรแท้ได้จริงๆนะคะ
อ
ย่างสุดท้าย ประเทศอังกฤษไม่ปลอดภัย
อันนี้สำหรับเรานะคะ เราคิดว่าพอมาอยู่ที่ประเทศนี้จริงๆ เราถึงเข้าใจว่าทำไมแต่ละคนมีประสบการณ์ที่ต่างกันมากในข้อนี้ สำหรับเรากับ 5 ปีของการใช้ชีวิตที่อังกฤษ เราคิดว่าประเทศนี้ปลอดภัยมากหนึ่งประเทศสำหรับเรานะคะ โดยเฉพาะเรื่องถนนหนทาง อุบัติเหตุมีค่ะแต่น้อยมาก หรืออาชญากรรมก็ถือว่าน้อยแต่ก็มีค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าอยู่เมืองไหน area ไหนของเมืองนั้น สภาพเศษฐกิจเมืองนั้นเป็นยังไง ทุกอย่างมันก็คล้อยตามกันไปเลยค่ะ เช่น ที่นี่เขาจะมีจัดลำดับเมืองที่ปลอดภัยสุด และอันตรายสุดไว้ด้วยนะคะ ทุกคนลองหาข้อมูลเพิ่มได้เลยค่ะ สำหรับเมืองที่เราอยู่คือปลอดภัยมาก เราสามารถปั่นจักรยานตอนเที่ยงคืนคนเดียวได้ค่ะ ใดๆก็ตามเราก็ต้องไม่ประมาทและระวังตัวไม่ว่าอยู่ที่ไหนนะคะ
นี่แหละค่ะ 5 อย่างที่เราเข้าใจผิดมาโดยตลอดกับประเทศนี้ ไม่ว่าจะคิดไปเอง หรืออ่านข้อมูลจากคนอื่น พอเรามาใช้ชีวิตจริงๆที่นี้เรากลับเป็นชอบประเทศนี้ไปเลย เพราะประสบการณ์ดีๆที่เราได้รับมันมีเยอะมากกว่าประสบการณ์แย่ๆค่ะ
ใครสนใจเรื่องอะไรเกี่ยวกับประเทศอังกฤษแล้วอยากให้เรารีวิวในมุมมองและประสบการณ์ของเราบอกได้เลยนะคะถ้ามันจะเป็นประโยชน์
ใครที่กำลังวางแผนย้ายมาประเทศอังกฤษ ขอให้โชคดีนะคะ ขอให้ได้ประสบการณ์ดีๆ แต่ถ้าเจออะไรแย่ๆถือว่าเป็นบทเรียนที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นนะคะ การอยู่ต่างประเทศมันเหมือนเราได้เดินทางไกลอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าระหว่างทางเรามีอะไรให้เรียนรู้เยะมากๆ
อยู่ประเทศอังกฤษครบ 5 ปี เรามองประเทศนี้อีกมุมหนึงเลยค่ะ
วันนี้เป็นครบรอบอยู่ประเทศอังกฤษครบ 5 ปีของเราค่ะ เราเลยคิดว่าจะมารีวิวสิ่งที่เราเจอจากประสบการณ์ตัวเองใน 5 ปีที่ผ่านมา เผื่อใครที่กำลังตัดสินใจมาประเทศนี้นะคะ อันนี้เป็นประสบการณ์เรานะคะ เราเข้าใจว่าพื้นที่ตรงนี้คือพื้นที่คนรักที่จะอ่านแต่หากใครต้องการฟังมากกว่าอ่านเราทำคลิปไว้ด้วยนะคะ สามารถเข้าไปชมได้ค่ะ คลิกตรงนี้เลยค่ะ แต่หากต้องการอ่านมากกว่า ตามมาเลยค่ะ
อย่าง 1 ไม่มีใครสนใจเราเลยค่ะ No one cares!
พอเรามาอยู่ที่นี่แล้ว ไม่มีใครสนใจเลยค่ะว่าเราจะมาจากไหน ผิวสีอะไร สวยไม่สวย รวยหรือไม่รวย ที่นี่ทุกคนเท่าเที่ยมกันหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะอาชีพอะไร สัญชาติอะไร การสมัครงานที่นี่เราไม่ต้องใช้รูปในการสมัคร ไม่จำกัดอายุ ไม่มีใครจะมาสนใจว่าเราเป็นใคร สีผิวอะไร หน้าตาเราแบบไหนเลยค่ะ คำถามคือ ยังมีคนเหยียดกันไหม? มีค่ะกับคนบางกลุ่มยังมี เดี๋ยวเรื่องนี้เราจะมาแชร์แยกอีกทีนะคะ ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเราทำยังไง ทุกคนจะได้รับอรรถรสมากขึ้น
แต่โดยรวมแล้วที่นี่ไม่มีใครสนใจกันเลยค่ะ เรารู้สึกอิสระ และเป็นตัวของตัวเองมากๆ การคบหาสมาคมกันของคนที่นี่คือเขาก็จะคบหากันเพราะนิสัย และความเป็นตัวของตัวเองของคนนั้นค่ะ เราเป็นหนึ่งคนที่ไม่มีความหรูหราในชีวิตและไม่รวยหรือมีเงินถัง แต่เราห็สามารถนั้งสนทนากับเพื่อนคนที่เขารวยมหาศาลได้ ไปดื่มด้วยกันได้โดยที่เราไม่ถูกตัดสินเลยค่ะ
อย่างที่ 2 แกรมม่าภาษาอังกฤษไม่เปะ สำเนียงก็ไม่ได้ จะอยู่ประเทศนี้ได้ไหม
อันนี้เราถามตัวเองมาตลอดเลยค่ะ และกลัวมากๆด้วย เพราะการจะใช้ชีวิตที่ไหนสักแห่งการสื่อสารคือกุญแจสำคัญมากๆกับเรา เรามาตัวเปล่าได้ แต่เราคิดว่าเราต้องได้ภาษาเพราะมันจะพาเราไปให้ได้งาน ได้เพื่อน ได้สังคม เรากังวลมาตลอดเลยค่ะตอนย้ายมาอยู่ที่นี่แรกๆ เพราะเรากลัวว่าคนอื่นเขาจะไม่เข้าใจเรา คนอื่นจะตัดสินเรา ทุกคนขาเอาจริงๆคนที่ฟังเราเขาจะพยายามเข้าใจเราเองค่ะ เพราะที่อังกฤษเขาจะมีคนต่างชาติ ต่างภาษาเยอะมากๆ เพราะฉะนั้นคนอื่นๆ ยกเว้นคนอังกฤษเขาก็ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สองเหมือนเราด้วยค่ะ คือเอาง่ายๆไม่มีใครพูดตรงแกรมม่าเปะๆขนาดเจ้าของภาษาเอง ใครกลัวว่าพูดกับเขาไม่รู้เรื่องอย่ากลัวนะคะ พยายามพูด และฝึกฝนเรื่อยๆ แล้วเดี๋ยวเราก้สามารถสื่อสารเก่งขึ้น มั่นใจขึ้น
อย่างที่ 3 กลัวไม่มีงานดีๆทำ
อันนี้คือสิ่งที่เราคิดไปเองอีกค่ะ ตอนมาถึงที่นี่ คือคิดไปก่อนหน้า ด้วยความมีอีโก้สูงของเราคือ เราต้องได้งานในมหาลัยทันทีตอนย้ายมาที่นี่ แล้วเราก็ติดคิดว่างานดีๆมีหน้ามีตามันต้องเป็นแบบนี้แบบนั้น ด้วยคำจำกัดความและโลกแคบของเราเองค่ะ คือทุกคน เราสมัครงานมหาลัยเท่าไหร่ๆก็ไม่ได้ เอาจริงๆงานแรกของเราคืองานที่โรงแรมค่ะ แล้วงานถัดมาเป็นงานใน supermarket เราถูกเพื่อถามบ่อยมากว่าทำไมเรียนจบตั้งโทที่นี่แล้วกลับไปทำงานพวกนี้ ทุกคนถึงตอนนี้เรามองกลับกันนะคะงานดีๆ คืองานอะไรก็ได้ที่สร้างรายได้สุจริตให้เรา เรามองว่างานสองงานแรกคืองานที่ให้ประสบการณ์และทักษะในการทำงานเราได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ ทำให้ภาษาเราแข็งแรงขึ้น มีความมั้นใจมากขึ้น จนสุดท้ายเราได้งานที่มหาลัยตามที่ฝันไว้เลยค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าไปกลัวงาน ถ้าเราไม่เบลือกงานเราก็จะพัฒนาตัวเองไวเลยค่ะ และที่สำคัญอย่าเอาคำตัดสินคนอื่นมาทำให้ทิศชีวิตเราเปลี่ยนนะคะ พูดถึงข้อนี้คือ เรื่องงานมันแอบเกี่ยวกับ ประสบการณ์ข้อแรกของเรา คือไม่มีใครมาสนใจว่าเราาจากไหน ทำอะไร แต่ถ้าเรามีประสบการณ์มีความสามารถตรงกับงานที่เขาต้องการเรา เราก็ได้งานนั้นค่ะ เช่นเราเปลี่ยนงานจาก supermarket มาเป็นงานในมหาลัยก็ยังได้ค่ะ
อย่างที่ 4 คนอังกฤษไม่ค่อยเป็นมิตร
นี่คือ 1 สิ่งที่เราคิดไปเองจากการอ่านข้อความ คอมเม้นตามสื่อต่างๆ พอเรามาถึงที่นี่ ทุกคนเราคิดว่าความคิดเราเปลี่ยนไปเลยค่ะ เนื่องจากว่าเราเจอแต่เพื่ออังกฤษที่น่ารักและดีๆทั้งนั้นเลย คือเขาเป็นมิตรและมีน้ำใจมากๆ เช่น ตอนเราย้ายเข้าไปอยู่แฟลต มีเพื่อนร่วมแฟลตมาทำความรู้จัก ซื้อต้นไม้ให้ คุยกัน จนกระทั้งออกไปดื่มด้วยกันบ่อยๆ ตอนที่เราย้ายออกจากแฟลตเพื่อมาอยู่บ้านหลังปัจจุบัน เพื่อนร่วมงานสามีเราอาสาจะเอารถมาช่วยย้ายของ หัวหน้าที่ทำงานเรากลายเป็นเพื่อนกัน เพื่อนอีกคนที่เพิ่งจะรู้จักกับเราอาสาขับรถไปถึงลอนดอนเพื่อไปรับไข่นุ้ยมาเลี้ยง ไข่นุ้ยคือแมวเราเองค่ะประสบการณ์ 5 ปีที่นี่ทำให้เราลืมคำพูดนี้ไปเลยค่ะว่าคนอังกฤษไม่เป็นมิตร แน่นอนค่ะคนไม่ดี คนไม่เป็นมิตรย่อมมีทุกที่เพียงแต่เราไม่ค่อยเจอเท่านั้น เราว่าแค่เราต้องเข้าใจวัฒนธรรมและความเป็นเขา จากคนแปลกหน้าก็กลายเป็นมิตรแท้ได้จริงๆนะคะ
อย่างสุดท้าย ประเทศอังกฤษไม่ปลอดภัย
อันนี้สำหรับเรานะคะ เราคิดว่าพอมาอยู่ที่ประเทศนี้จริงๆ เราถึงเข้าใจว่าทำไมแต่ละคนมีประสบการณ์ที่ต่างกันมากในข้อนี้ สำหรับเรากับ 5 ปีของการใช้ชีวิตที่อังกฤษ เราคิดว่าประเทศนี้ปลอดภัยมากหนึ่งประเทศสำหรับเรานะคะ โดยเฉพาะเรื่องถนนหนทาง อุบัติเหตุมีค่ะแต่น้อยมาก หรืออาชญากรรมก็ถือว่าน้อยแต่ก็มีค่ะ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันขึ้นอยู่กับว่าอยู่เมืองไหน area ไหนของเมืองนั้น สภาพเศษฐกิจเมืองนั้นเป็นยังไง ทุกอย่างมันก็คล้อยตามกันไปเลยค่ะ เช่น ที่นี่เขาจะมีจัดลำดับเมืองที่ปลอดภัยสุด และอันตรายสุดไว้ด้วยนะคะ ทุกคนลองหาข้อมูลเพิ่มได้เลยค่ะ สำหรับเมืองที่เราอยู่คือปลอดภัยมาก เราสามารถปั่นจักรยานตอนเที่ยงคืนคนเดียวได้ค่ะ ใดๆก็ตามเราก็ต้องไม่ประมาทและระวังตัวไม่ว่าอยู่ที่ไหนนะคะ
นี่แหละค่ะ 5 อย่างที่เราเข้าใจผิดมาโดยตลอดกับประเทศนี้ ไม่ว่าจะคิดไปเอง หรืออ่านข้อมูลจากคนอื่น พอเรามาใช้ชีวิตจริงๆที่นี้เรากลับเป็นชอบประเทศนี้ไปเลย เพราะประสบการณ์ดีๆที่เราได้รับมันมีเยอะมากกว่าประสบการณ์แย่ๆค่ะ
ใครสนใจเรื่องอะไรเกี่ยวกับประเทศอังกฤษแล้วอยากให้เรารีวิวในมุมมองและประสบการณ์ของเราบอกได้เลยนะคะถ้ามันจะเป็นประโยชน์
ใครที่กำลังวางแผนย้ายมาประเทศอังกฤษ ขอให้โชคดีนะคะ ขอให้ได้ประสบการณ์ดีๆ แต่ถ้าเจออะไรแย่ๆถือว่าเป็นบทเรียนที่ทำให้เราเข้มแข็งขึ้นนะคะ การอยู่ต่างประเทศมันเหมือนเราได้เดินทางไกลอยู่ตลอดเวลา เพราะว่าระหว่างทางเรามีอะไรให้เรียนรู้เยะมากๆ