ตำนานเขาหงอนนาค
เขาหงอนนาค ป็นสถานที่ท่องเที่ยว ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ต.หนองทะเล อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เน้นการผจญภัย สลับเนินเขาเล็กใหญ่ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความศักดิ์สิทธิ์ จากตำนานความเชื่อของชาวบ้านในพื้นที่ ที่เชื่อว่า พื้นที่ละแวกนี้ เป็นที่ของพญานาคที่เล่าสืบต่อกันมา จุดจบเรื่องราวความรักของพญานาค เส้นทางเดินขึ้นเขา ไปยังจุดชมวิวเขาหงอนนาค มีระยะทางประมาณ 3.7 กิโลเมตร ระหว่างทาง จะมีจุดท่องเที่ยวด้วยกันทั้งหมด 13 จุด ก็จะมีทั้ง น้ำตก ผา หิน บ่อน้ำ
โดยใช้เวลาเดินขึ้น-ลง ประมาณ 4-5 ชั่วโมง จุดชมวิวเขาหงอนนาค และยอดเขาหงอนนาค ปลายสุดจะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 500 เมตร ไฮไลต์ของที่นี่ คือชะง่อนผา ที่ยื่นออกมาจากภูเขา เป็นจุดที่หวาดเสียวและอันตรายที่สุด เพราะสูงจากพื้นดินด้านล่าง ราว ๆ 500 เมตร ปัจจุบันทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ได้ทำการทำรั้วปิดกั้น ไม่ให้นักท่องเที่ยวไปนั่งถ่ายภาพในจุดดังกล่าวแล้ว เพื่อความปลอดภัย และไม่เป็นอันตรายกับตัวนักท่องเที่ยวเอง
ชาวบ้านเชื่อว่า พื้นที่ละแวกนี้ เป็นที่อยู่ของพญานาค ที่เล่าสืบต่อกันมา จุดจบเรื่องราวของความรักพญานาค ที่หลั่งน้ำตาออกมา กลายเป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ ที่มีน้ำใสไหลตลอดปี เป็นต้นกำเนิดของชื่อสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับพญานาค ได้แก่ เขาหงอนนาค หนองทะเล และเขาแหลมนาค ชาวบ้านเชื่อว่า เป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ที่มาจากน้ำตาพญานาค ชื่อว่า “บ่อน้ำตานาค” อีกสถานที่ที่น่าใจคือ “สะดือนาค” เป็นบ่อน้ำเล็ก ๆ ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปีเช่นกัน เชื่อกันว่า เป็นน้ำตาศักดิ์สิทธิ์ของพญานาค ที่เชื่อว่า ถ้าอธิษฐาน แล้วเอาน้ำมาลูบหน้าหรือดื่ม จะเป็น สิริมงคล สมปรารถนา ในสิ่งที่อธิษฐาน เสริมโชคลาภให้กับตนเอง
จากไม่สบายก็จะหายป่วย น้ำตาพญานาค และสะดือพญานาคนั้น เป็นน้ำมาจากแหล่งเดียวกัน แต่ทั้ง 2 บ่อห่างกันมาก โดยเชื่อมต่อกันตามแนวภูเขา ซึ่งเชื่อว่า เป็นลำตัวพญานาค ที่ทอดยาวออกไปจากหงอนนาค จนถึงสะดือนาค นอกจากนี้ ยังมี “โต๊ะนาค” ที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่เคารพบูชาของคนกระบี่ เชื่อว่า คอยคุ้มครองรักษา ให้อยู่ร่วมเย็นเป็นสุข มีการสร้างที่สักการะบูชาโต๊ะนาค ที่สำนักสงฆ์บ้านคลองม่วง ชาวบ้านจะนิยมนำเครื่องสักการะ มาถวายอยู่เป็นประจำ
ตำนานเขาหงอนนาค มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวหนึ่ง ชื่อ “ตายมดึง”อาศัยอยู่ริมทะเลกันมาหลายปี ก็ไม่มีวี่แววว่าจะมีลูก เหมือนครอบครัวอื่นๆ เกรงว่ายามแก่เฒ่า จะลำบากยิ่งนัก จึงไปบนบานขอลูกจากพญานาค และมีสัญญาว่า เมื่อลูกโตขึ้น เป็นสาวจะต้องยกให้เป็นเมียพญานาค ต่อมาไม่นาน ครอบครัวก็ได้ลูกสาวน่ารัก 1 คน ได้ตั้งชื่อว่า “ลูกนาง” เมื่อเด็กหญิงโตเป็นสาวเกิดรักใคร่ชอบพอกับหนุ่มน้อยรูปงาม แถวหมู่บ้านเดียวกัน ซึ่งเป็นลูกตาวาปราบ”บุญ”ในที่สุดครอบครัวตายมดึง และครอบครัวตาวาปราบ จึงจำเป็นต้องจัดงานแต่งงานให้ นางและบุญ ทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจ เมื่อพญานาคได้ทราบข่าวก็โกรธแค้น ที่ครอบครัวตายมดึง ไม่รักษาสัญญา ที่ว่าจะให้ลูกสาวแต่งงานกับลูกชายของตน
ในวันแต่งงาน พญานาคจึงจำแลงกายเป็นมนุษย์ เข้าแย่งชิงตัวนาง การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด และทรหด ทั้งคู่ใช้เวลาต่อสู้ข้ามวัน ข้ามคืน และข้ามปี การต่อสู้ทุกครั้ง ทำให้เกิดพายุกระหน่ำทุกครั้ง ที่ทั้งสองต่อสู้กัน จนชาวบ้านเดือดร้อนทำมาหากินไม่ได้ จะหลับจะนอนต้องมาฟังเสียงสู้รบกัน ทุกคนพากันหวาดผวา ไม่เป็นอันทำมาหากิน ไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ต่อมา ฤาษีซึ่งบำเพ็ญตบะอยู่ ได้ออกมาห้ามปราม แต่ก็ไม่มีใครฟัง สุดท้ายฤาษี จึงได้สาปทุกอย่างให้กลายเป็นหิน เรือนหอกลายเป็น “ถ้ำพระนาง” ข้าวเหนียวกวนขันหมาก กลายเป็น “สุสานหอย” ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ กลายเป็น “เกาะหม้อ” “เกาะทัพ” และเกาะอื่นๆ ในเขตใกล้เคียงตำบลหนองทะเล ส่วนพญานาคกลายเป็น “เขาหงอนนาค”และ “แหลมหางนาค” “น้ำตานาค” เป็นบ่อน้ำเล็กๆ ที่มีน้ำใสไหลตลอดทั้งปี อยู่บนเขาหงอนนาค ชาวบ้านเชื่อว่า เมื่อได้อธิษฐานขอพรจากโต๊ะนาค พร้อมดื่มน้ำนี้ จะได้สมปรารถนา ในสิ่งที่ขอ และถือเป็นสิริมงคลของชีวิต
ส่วนพญานาคผู้เป็นพ่อโดนตัดหงอน ขาดกระเด็นมาตกกลางหมู่บ้าน จนมาเป็นชื่อหมู่บ้าน “เขากลม”และยังมีสถานที่น่าสนใจได้แก่ “สะดือนาค”ซึ่งเป็นบ่อน้ำเล็กๆ และมีน้ำไหลตลอดปีเช่นเดียวกัน เชื่อกันว่า ทั้งน้ำตานาคาและสะดือนาคนั้น เป็นน้ำที่มาจากแหล่งเดียวกัน แต่สถานที่ของบ่อน้ำทั้ง 2 นั้นห่างกันมาก โดยมีการเชื่อมต่อตามแนวภูเขา ซึ่งเชื่อว่า เป็นลำตัวพญานาค ที่ทอดยาวออกไป จากหงอนนาคจนถึงสะดือนาค และแหลมหางนาค อยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 2 และหมู่ที่ 3 ของตำบลหนองทะเล เลือดพญานาค ก็เป็นหมู่บ้าน “ดินแดงน้อย”สถานที่สู้รบก็เป็น “บึงหนองทะเล”ส่วนบริวารของพญานาค และบรรดาเพื่อนๆ ของนายบุญ ก็กลายเป็นหินเช่นกัน เช่น “เกาะกวาง” “แหลมหมูกควาย”ในปัจจุบัน
อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ตั้งอยู่ในท้องที่อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ ในทะเลอันดามันด้านทิศตะวันตกของภาคใต้ เป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเล ที่มีลักษณะสวยงามตามธรรมชาติ รอบๆ เกาะมีปะการัง กัลปังหา ทิวทัศน์ใต้ทะเลที่งดงาม และเอกลักษณ์ทางธรรมชาติ คือภูเขาหินปูน ที่มีหน้าผาเป็นชั้น ๆ ถ้ำที่สวยงาม ตลอดจนชายหาดยาวสะอาด สุสานหอย 40 ล้านปี ซึ่งมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 389.96 ตารางกิโลเมตร หรือ 243,725 ไร่
ลักษณะภูมิประเทศ บริเวณ หมู่เกาะพีพี ส่วนใหญ่เป็นเกาะ ที่เป็นภูเขาหิน และหน้าผาสูงชัน มีต้นไม้ปกคลุมขึ้นตามซอกหิน ไม้ที่ขึ้นเป็นไม้ขนาดเล็ก และบริเวณสุสานหอย 75 ล้านปี ส่วนที่สำคัญอยู่ริมฝั่งทางตะวันตก มีความยาวประมาณ 1 กิโลเมตร กว้าง 50 เมตร เป็นแผ่นหอยที่เกาะตัวกันจนแข็ง เป็นแผ่นหินสลับกับชั้นของถ่านลิกไนต์ หนาประมาณชั้นละ 10 นิ้ว
ลักษณะภูมิอากาศ สภาพภูมิอากาศอยู่ในเขตมรสุม ในฤดูฝนจะมีฝนตกชุก ระหว่างเดือนเมษายน-ตุลาคม ส่วนระหว่างเดือนมกราคม-เมษายน เป็นช่วงที่อากาศเย็นสบาย และเหมาะแก่การท่องเที่ยว
พันธุ์ไม้และสัตว์ป่า สำหรับพันธุ์ไม้ในเขตอุทยานฯ มี 3 ประเภท คือ
ป่าดงดิบชื้น ปรากฏพบ บริเวณที่เป็นภูเขาสูงชัน บริเวณเขาหางนาค บริเวณอ่าวพระนาง บริเวณทิศตะวันตกของเกาะพีพีดอน
ป่าชายเลน มีอยู่ในบริเวณคลองแห้ง ใกล้ที่ทำการอุทยานฯ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเขาหางนาค และบริเวณคลองย่านสะบ้า ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสุสานหอยฯ
ป่าพรุ เป็นสังคม พืชเด่นที่พบ ต้นเสม็ดขึ้นอยู่อย่างหนาแน่นสมบูรณ์ ปรากฏอยู่เฉพาะบริเวณหาดนพรัตน์ธารา เป็นบริเวณแคบๆ ประมาณ 0.32 ตารางกิโลเมตร
สรุปชนิดของพันธุ์ไม้โดยทั่วๆ ไปที่พบ ประกอบด้วย ไม้ตะเคียน ยาง สน จันผา ตะแบก อินทนิล เสม็ด พะยอม แดง โกงกาง แสม ตะบูน ถั่วดำ ถั่วขาว เป็นต้น สัตว์ป่า ประกอบด้วย กระรอก หมูป่า กระจง เก้ง เลียงผา ลิง ค่าง ชะนี หนูหริ่ง นกนานาชนิด เช่น นกนางนวล นกนางแอ่น และสัตว์น้ำนานาชนิด
น้ำตาศักดิ์สิทธิ์ ตำนานพญานาค เขาหงอนนาค จังหวัดกระบี่😭😭😭