เมน
ค้นหา
BBB: Buddhist Background Believers (The New Buddhists)
"พุทธใหม่" เชื่อพระเยซู ไม่ต้องเปลี่ยนศาสนา
ความหลุดพ้น 3 ขั้นตอน (Three Step of Salvation)
Posted by banpote1947
บทเรียนพระคัมภีร์
เรื่องความหลุดพ้น 3 ขั้นตอน
(Three steps of salvation)
เขียนโดย…บรรพต เวชกามา (ศูนย์พันธกิจอุดรธานี)
วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2012 เวลา 15:20 น.
ความหลุดพ้น (salvation) นี้ โดยทั่วไปคริสเตียนจะเรียกว่า “ความรอด” เพราะคำว่าความรอดเป็นภาษาเฉพาะของคริสเตียน ไม่สื่อความหมายกับคนไทยทั่วไป ในบทเรียนนี้ จึงขอใช้คำว่า “ความหลุดพ้น” เพราะเป็นคำที่คนไทยทั่วไปรู้จัก และต้องการการหลุดพ้น
ความหลุดพ้นนี้ เริ่มต้นที่พระเจ้า ส่วนมนุษย์นั้นรับเอาได้โดยความเชื่อและการกลับใจใหม่ และความหลุดพ้นนี้เกี่ยวข้องกับ “บารมีพระเจ้า” (คริสเตียนทั่วไปใช้ว่า “ข่าวประเสริฐ”) ซึ่งได้แก่การกระทำของพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์ ดังที่เปาโลกล่าวไว้ใน โรม 1:16 ว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องบารมีของพระเจ้า เพราะว่าบารมีของพระเจ้านั้นเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความหลุดพ้น พวกยิวก่อน แล้วพวกกรีกด้วย”
ดังนั้น ความหลุดพ้นนี้จึงเป็นการที่พระเจ้าประทานชีวิตใหม่ให้กับเราโดยไม่คิดมูลค่าผ่านทางพระเยซูคริสต์ แต่การที่เราจะเข้าใจกระบวนการทั้งหมดว่าชีวิตใหม่ อันเป็นชีวิตเข้าสู่นิพพานนั้น (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “ชีวิตนิรันดร์”) เกิดขึ้นกับเราได้อย่างไรนั้น เราจำเป็นจะต้องกลับใจใหม่คือหันจากการพึ่งตัวเอง กลับมาพึ่งพระเจ้า และทำการศึกษาบทเรียนต่อไปนี้ ซึ่งจะชี้แจงให้เห็นว่า ความหลุดพ้นนั้นคืออะไร และจะหลุดพ้นได้อย่างไร เมื่อหลุดพ้นแล้วจะตองทำอย่างไร บทเรียนชุดนี้เราจะวิเคราะห์ถึงถึงความหมายที่เกี่ยวของกับความหลุดพ้นดังต่อไปนี้
1. ความหลุดพ้น (Salvation) ที่ได้มาจากการกระทำของพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์ ซึ่งเราจะรับเอาได้ด้วยความเชื่อโดยการเกิดใหม่
2. การถูกชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) หรือบางทีก็เรียกว่า การที่พระเจ้านับว่าเราเป็นคนบุญในความหลุดพ้นขั้นที่หนึ่ง เป็นการกระทำของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์ได้มาใช้หนี้ค่าของความบาปให้แก่เรา และเรากลายเป็นคนบุญที่อาศัยอยู่ในร่างของคนบาป
3. การถูกชำระให้บริสุทธิ์ในความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (Sanctification) เป็นการกระทำของพระเจ้าโดยพระธรรมของพระองค์ (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์”) ที่ทำการชำระให้เราบริสุทธิ์ทุกๆวัน โดยการที่เมื่อเราทำผิดบาปต่อพระเจ้า เราก็สารภาพบาปไปเรื่อยๆ และเราก็จะบริสุทธิ์ขึ้นไปเรื่อยๆ คำสอนนี้ ไม่ได้ส่งเสริมให้คนทำบาป แต่ชี้แจงเห็นความจริงว่า เราจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไร
4. การเสริมสร้างกันในชุมชนของพระเจ้า (Edification) เป็นการเสริมสร้างซึ่งกันและกันในขุมชนของพระเจ้า เพราะพระองค์ไม่ได้เรียกเราให้มาเป็น “ปัจเจกบุคคล” แต่เรียกให้มารวมกลุ่ม ซึ่งเรียกว่า “ชุมชนของพระเจ้า” (คริสเตียนทั่วไปเรียกว่า “คริสตจักร”)
5. การเข้าสู่สง่าราศีในความหลุดพ้นขั้นที่ 3 (Glorification) เป็นความหลุดพ้นขั้นที่สมบูรณ์ เพราะเมื่อเราได้รับความหลุดพ้นในขั้นที่ 1-2 แล้ว เรายังอาศัยอยู่ในร่างกายของคนบาป เมื่อเราจากร่างกายของคนบาปแล้ว เราจะเข้าสู่ “ร่างกายใหม่” ซึ่งปราศจากบาป พระเยซูจะเป็นผู้ประทานให้ ในตอนนี้ เราจะกล่าวถึงความหลุดพ้น 3 ขั้นตอน ส่วนเรื่องอื่น เราจะค่อยศึกษาไปตามลำดับ
ความหมายของความหลุดพ้น (The Meaning of Salvation)
ความหลุดพ้น ในภาษากรีกคือ soteria มีความหมายว่า “การปล่อย” “ช่วยให้ปลอดภัย” “ป้องกันจากอันตราย”
พระเจ้าได้ทรงสำแดงพระองค์ตั้งแต่ในพระคัมภีร์เดิมว่า พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่จะทรงช่วยเหลือประชากรของพระองค์ให้หลุดพ้นจากความบาปและผลของมันได้ (สดด 27:1,88:1;62:1;ฉธบ 26:8;)
พระคัมภีร์ใหม่ได้อธิบายความหลุดพ้นว่าเป็นหนทางที่นำชีวิตไปสู่การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้านิรันดร์ในสวรรค์ (มธ 7:14;มก 12:14;ยน 14:6;กจ 16:17;2 ปต 2:2;2:21;กจ 9:2,22:4;ฮบ 10:20)
หนทางแห่งความหลุดพ้นนี้ เริ่มต้นด้วยการกลับใจใหม่เชื่อในพระเจ้า ได้รับการยอมรับให้เข้าเป็นบุตรของพระองค์ แล้วเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทาง เราสามารถอธิบายได้ว่า “ความหลุดพ้น” นี้มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่พระเจ้า มนุษย์จะหลุดพ้นได้โดยตอบสนองต่อการนำเสนอของพระองค์เท่านั้น ไม่มีทางอื่นใดที่มนุษย์จะสร้างความหลุดพ้นขึ้นมาได้ด้วยตนเอง และความหลุดพ้นนั้นมีอยู่ 3 ขั้นตอน
1. แหล่งกำเนิดของความหลุดพ้น
พระเจ้าเป็นแหล่งกำเนิดของความหลุดพ้น และพระเยซูคริสต์เป็นทางไปสู่พระเจ้าพระบิดา ดังที่พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” (ยน 14:6,กจ 4:12) ดังนั้นทางหลุดพ้นจึงมีอยู่ทางเดียวเท่านั้น
พระเจ้าเป็นผู้เตรียมทางหลุดพ้นไว้เพื่อเราโดยพระคุณของพระองค์ พระองค์เริ่มโดยการทำพันธสัญญากับอับราฮัม ว่าจะประทานความหลุดพ้นให้ และจะส่ง “พระสัญญา” นั้นมาเกิดเป็นมนุษย์ และมาเป็นพระเยซูคริสต์ ความหลุดพ้นนี้เกี่ยวข้องกับความตาย การเป็นขึ้นมาจากความตาย และการอธิษฐานวิงวอนเพื่อผู้เชื่ออย่างต่อเนื่องของพระองค์ ดังที่เปาโลกล่าวไว้ว่า “แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นคนบุญโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป โดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นบุญของพระเจ้าในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น” (รม 3:24-25,5:8,10;ฮบ 7:25)
2. วิธีการที่จะได้รับความหลุดพ้น มนุษย์จะหลุดพ้นได้โดยตอบสนองต่อการนำเสนอของพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้เสนอความหลุดพ้นมา มนุษย์เป็นผู้รับเอาโดยความเชื่อ
-ความหลุดพ้นนั้น มนุษย์จะได้รับโดยพระคุณของพระเจ้า ผ่านทางความเชื่อในพระคริสต์ (รม 3:22,24-25,28)
-นั่นคือความหลุดพ้นเป็นไปได้เพราะพระคุณของพระเจ้า และการตอบสนองของมนุษย์โดยความเชื่อเท่านั้น (กจ 16:31;รม 1:17;อฟ 1:15;2:8) เมื่อพระเจ้ายืนไมตรีมา โดยให้มนุษย์หลุดพ้นโดยพระคุณ และมนุษย์จะรับเอาความหลุดพ้นโดยพระคุณนั้นเพราะความเชื่อ
3. ขั้นตอนของความหลุดพ้น ความหลุดพ้นมีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอน (Three steps of salvation) คือ
3.1 ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (The first step of salvation)
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) นี้ เป็นการถูกชำระให้เป็นคนบุญ (พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับปี 1971 แปลว่า “คนชอบธรรม” ส่วนพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐานปี 2011 แปลว่า “ถูกชำระให้เป็นคนชอบธรร”) เป็นการที่พระเจ้าได้ชำระหรือใช้หนี้บาปให้กับเรา พระองค์นับว่าเป็นคนบุญ ซึ่งเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่เราได้รับการอภัยในฐานะผู้เชื่อ และได้ผ่านพ้นจากความตายฝ่ายวิญญาณไปสู่การมีชีวิตฝ่ายวิญญาณ จากฤทธิ์อำนาจของบาปไปสู่ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า จากการปกครองของซาตานไปสู่การปกครองของพระเจ้า (กจ 10:43,26:18;รม 4:6-8,6:17-23;1ยน 3:14)
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) ที่เราถูกชำระให้เป็นคนบุญนี้ ได้นำเราให้มีความสัมพันธ์ใหม่ส่วนตัวกับพระเจ้า และพระองค์ช่วยเหลือเราให้พ้นจากการลงโทษเนื่องจากผลของบาป กล่าวโดยสรุป ความหลุดพ้นในขั้นที่ 1 นี้ คือหลุดพ้นจากโทษทัณฑ์ของบาปนั่นเอง (ยน 1:12;รม 1:16;1คร 1:18) “ด้วยว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือ ชีวิตเข้าสู่นิพพาน ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (รม 6:23) ดังนั้น เราจึงกลายเป็น “คนบุญ” (คือเป็นคนที่ไม่มีค่าของความบาปอีก) ที่ยังอาศัยอยู่ในร่างของ “คนบาป” ผู้เชื่อในพระเจ้าจึงมีธรรมชาติสองอย่าง คือธรรมชาติเก่า และธรรมชาติใหม่
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) ที่เราถูกชำระให้เป็นคนบุญนี้ เราได้มีสันติภาพกับพระเจ้า คือการคืนดีกับพระเจ้า ไม่เป็นศัตรูกับพระองค์อีกต่อไป (พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับปี 1971 แปลว่า “สันติสุขในพระเจ้า” พระคัมภีร์ฉบับมาตรฐานปี 2011 แปลว่า “อยู่อย่างสงบสุขเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า”) และเรายังได้ยืนอยู่ในร่มพระคุณของพระองค์ ชื่นชมยินดีในความหวังว่าจะได้มีส่วนในพระสิริของพระเจ้า และชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากลำบาก เพราะความทุกข์ยากลำบากทำให้เกิดความอดทน (รม 5:1-3)
3.2 ความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (The Second Step of salvation)
–ความหลุดพ้นในขั้นที่ 2 (Sanctification) นี้ คือการที่เราถูกชำระให้บริสุทธิ์ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันของเรา พระเจ้าจะช่วยเราให้พ้นจากการทำบาป และการครอบงำของบาป และช่วยให้เราทำตามพระธรรม และจะสำแดงผลแห่งพระธรรมออกมาในชีวิตของเรา (กท 5:22-24)
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (Sanctification) คือการที่ผู้เชื่อในพระองค์ถูกชำระให้บริสุทธิ์จากพระเจ้าทุกๆวัน และยังได้รับสิ่งต่อไปนี้:
(1) เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการมีความสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวกับพระเจ้าในฐานที่พระองค์เป็นพระบิดา “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ พระองค์ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า (ยน 1:12) และมีความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์ในฐานะที่พระองค์เป็นจอมเจ้านายและพระผู้ช่วยให้หลุดพ้น (ยน 14:18-23)
(2) เป็นผู้ที่ได้ตายต่อบาปแล้ว และยังเป็นผู้ที่ยอมจำนนต่อการทรงนำของพระธรรมและพระคำของพระเจ้า (ยน 8:31,14:21;รม 6:1-14;8:1-17;2ทธ 3:15-16)
(3) เป็นผู้ที่ได้รับพระธรรมและเต็มเปี่ยมไปด้วยผลของพระพระธรรม และจะต้องรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ (กจ 2:33-39;อฟ 5:18)
(4) เป็นผู้ที่จะต้องได้แยกตัวจากบาป และพงศ์พันธุ์ที่คดโกงในยุคปัจจุบัน (กจ 2:40;รม 6:1-14; 2 คร 6:17)
(5) เป็นผู้ที่ได้รับการทรงเรียกให้ต่อสู้เพื่ออาณาจักรของพระเจ้า โดยต่อสู้กับซาตานและสมุนของมัน (2 คร 10:4-5;อฟ 6:11,6:16;1 ปต 5:8)
กล่าวโดยสรุป ความหลุดพ้นในขั้นที่ 2 คือความหลุดพ้นจากอำนาจของบาปโดยพระคุณของพระเจ้า ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เป็นคนดีขึ้นในทุกๆวัน โดยการช่วยเหลือของพระเจ้า
3.3 ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 (The third Step of salvation)
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 (Glorification) ได้แก่การเข้าสู่ศักดิ์ศรีในพระเจ้า: (รม 13:11-12;1 ธส 5:8-9;1ปต 1:5) เป็นการรับร่างกายใหม่ เป็นความครบบริบูรณ์ของความหลุดพ้นขั้นที่ 1 และ 2 ที่เราได้รับแล้วนั้น ซึ่งเราจะได้รับสิ่งต่อไปนี้
(1) การปลดปล่อยจากพระพิโรธของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึง (รม 5:9;1คร 3:15,5:5;1 ธส 1:10,5:9)
(2) การมีส่วนร่วมในพระสง่าราศีของพระเจ้า และได้รับกายใหม่ (รม 8:29;1คร 15:49,15:52)
(3) การได้รับบำเหน็จรางวัลในฐานะผู้มีชัยชนะ (วว 2:7)
-กล่าวโดยสรุป ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 นี้ คือความหลุดพ้นจากการมีอยู่ของบาป ซึ่งหมายถึงในอนาคตจะไม่มีบาปหลงเหลืออยู่ในชีวิตของเราอีกเลย
ความหลุดพ้นพ้นขั้นที่ 3 นี้ เป็นเป้าหมายของผู้เชื่อในพระเจ้าทุกคนที่จะต้องต่อสู้เพื่อไปให้ถึง ตอนนี้เราได้รับความหลุดพ้นมาแล้ว 2 ขั้นตอน คือความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) ที่เราถูกชำระให้เป็นคนบุญ (ที่อาศัยในร่างของคนบาป) และความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (Sanctification) ที่เราถูกชำระให้บริสุทธิ์ เราจำเป็นต้องต่อสู้ในสงครามฝ่ายจิตวิญญาณทุกวันเพื่อไปให้ถึงความหลุดพ้นในขั้นที่ 3 (Glorification) ซึ่งเป็นความหลุดพ้นในขึ้นสุดท้าย (1 คร 9:24-27;ฟป 3:8-14)
-ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันนี้ พระเจ้าแนะนำตักเตือนให้เราดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง เราจะรับคำแนะนำของพระองค์ได้จากการอ่านพระคัมภีร์ เราจะต้องปรับปรุงแก้ไขชีวิตของเราให้ดีขึ้น เพราะเมื่อเราอยู่ในความหลุดพ้นขั้นที่ 2 แล้ว เราจะมีพลังอำนาจของพระเจ้า ช่วยให้เราเป็นคนดีขึ้น ถ้าไม่เช่นนั้น เราอาจจะได้รับโทษหากไม่เชื่อฟังพระเจ้าได้ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือเราไม่ให้พลาดไปจากความหลุดพ้นในขั้นที่สาม (Glorification) ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต (1คร 5:1-13;9:24-27;ฟป 2:12,16;2ปต 1:5-11
-ความหลุดพ้นทั้งสามขั้นตอนนี้ เป็นไปตามหลักการของพระคัมภีร์ และสอดคล้องกับหลักคำสอนอื่นๆในพระคัมภีร์ คือ เราได้รับแล้ว และยังไม่ได้รับอย่างครบบริบูรณ์ ถ้าถามว่า เราหลุดพ้นแล้วหรือยัง ก็จะตอบทั้ง “Yes” (ได้รับแล
นับถือพระเจ้าแบบไม่เปลี่ยนศาสนา
ค้นหา
BBB: Buddhist Background Believers (The New Buddhists)
"พุทธใหม่" เชื่อพระเยซู ไม่ต้องเปลี่ยนศาสนา
ความหลุดพ้น 3 ขั้นตอน (Three Step of Salvation)
Posted by banpote1947
บทเรียนพระคัมภีร์
เรื่องความหลุดพ้น 3 ขั้นตอน
(Three steps of salvation)
เขียนโดย…บรรพต เวชกามา (ศูนย์พันธกิจอุดรธานี)
วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2012 เวลา 15:20 น.
ความหลุดพ้น (salvation) นี้ โดยทั่วไปคริสเตียนจะเรียกว่า
“ความรอด”เพราะคำว่าความรอดเป็นภาษาเฉพาะของคริสเตียน ไม่สื่อความหมายกับคนไทยทั่วไป ในบทเรียนนี้ จึงขอใช้คำว่า “ความหลุดพ้น” เพราะเป็นคำที่คนไทยทั่วไปรู้จัก และต้องการการหลุดพ้นความหลุดพ้นนี้ เริ่มต้นที่พระเจ้า ส่วนมนุษย์นั้นรับเอาได้โดยความเชื่อและการกลับใจใหม่ และความหลุดพ้นนี้เกี่ยวข้องกับ “บารมีพระเจ้า” (คริสเตียนทั่วไปใช้ว่า “ข่าวประเสริฐ”) ซึ่งได้แก่การกระทำของพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์ ดังที่เปาโลกล่าวไว้ใน โรม 1:16 ว่า “ข้าพเจ้าไม่มีความละอายในเรื่องบารมีของพระเจ้า เพราะว่าบารมีของพระเจ้านั้นเป็นฤทธานุภาพของพระเจ้า เพื่อให้ทุกคนที่เชื่อได้รับความหลุดพ้น พวกยิวก่อน แล้วพวกกรีกด้วย”
ดังนั้น ความหลุดพ้นนี้จึงเป็นการที่พระเจ้าประทานชีวิตใหม่ให้กับเราโดยไม่คิดมูลค่าผ่านทางพระเยซูคริสต์ แต่การที่เราจะเข้าใจกระบวนการทั้งหมดว่าชีวิตใหม่ อันเป็นชีวิตเข้าสู่นิพพานนั้น (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “ชีวิตนิรันดร์”) เกิดขึ้นกับเราได้อย่างไรนั้น เราจำเป็นจะต้องกลับใจใหม่คือหันจากการพึ่งตัวเอง กลับมาพึ่งพระเจ้า และทำการศึกษาบทเรียนต่อไปนี้ ซึ่งจะชี้แจงให้เห็นว่า ความหลุดพ้นนั้นคืออะไร และจะหลุดพ้นได้อย่างไร เมื่อหลุดพ้นแล้วจะตองทำอย่างไร บทเรียนชุดนี้เราจะวิเคราะห์ถึงถึงความหมายที่เกี่ยวของกับความหลุดพ้นดังต่อไปนี้
1. ความหลุดพ้น (Salvation) ที่ได้มาจากการกระทำของพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์ ซึ่งเราจะรับเอาได้ด้วยความเชื่อโดยการเกิดใหม่
2. การถูกชำระให้เป็นคนบุญในความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) หรือบางทีก็เรียกว่า การที่พระเจ้านับว่าเราเป็นคนบุญในความหลุดพ้นขั้นที่หนึ่ง เป็นการกระทำของพระเจ้าในพระเยซูคริสต์ ที่พระองค์ได้มาใช้หนี้ค่าของความบาปให้แก่เรา และเรากลายเป็นคนบุญที่อาศัยอยู่ในร่างของคนบาป
3. การถูกชำระให้บริสุทธิ์ในความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (Sanctification) เป็นการกระทำของพระเจ้าโดยพระธรรมของพระองค์ (พระคัมภีร์ภาษาไทยแปลว่า “พระวิญญาณบริสุทธิ์”) ที่ทำการชำระให้เราบริสุทธิ์ทุกๆวัน โดยการที่เมื่อเราทำผิดบาปต่อพระเจ้า เราก็สารภาพบาปไปเรื่อยๆ และเราก็จะบริสุทธิ์ขึ้นไปเรื่อยๆ คำสอนนี้ ไม่ได้ส่งเสริมให้คนทำบาป แต่ชี้แจงเห็นความจริงว่า เราจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไร
4. การเสริมสร้างกันในชุมชนของพระเจ้า (Edification) เป็นการเสริมสร้างซึ่งกันและกันในขุมชนของพระเจ้า เพราะพระองค์ไม่ได้เรียกเราให้มาเป็น “ปัจเจกบุคคล” แต่เรียกให้มารวมกลุ่ม ซึ่งเรียกว่า “ชุมชนของพระเจ้า” (คริสเตียนทั่วไปเรียกว่า “คริสตจักร”)
5. การเข้าสู่สง่าราศีในความหลุดพ้นขั้นที่ 3 (Glorification) เป็นความหลุดพ้นขั้นที่สมบูรณ์ เพราะเมื่อเราได้รับความหลุดพ้นในขั้นที่ 1-2 แล้ว เรายังอาศัยอยู่ในร่างกายของคนบาป เมื่อเราจากร่างกายของคนบาปแล้ว เราจะเข้าสู่ “ร่างกายใหม่” ซึ่งปราศจากบาป พระเยซูจะเป็นผู้ประทานให้ ในตอนนี้ เราจะกล่าวถึงความหลุดพ้น 3 ขั้นตอน ส่วนเรื่องอื่น เราจะค่อยศึกษาไปตามลำดับ
ความหมายของความหลุดพ้น (The Meaning of Salvation)
ความหลุดพ้น ในภาษากรีกคือ soteria มีความหมายว่า “การปล่อย” “ช่วยให้ปลอดภัย” “ป้องกันจากอันตราย”
พระเจ้าได้ทรงสำแดงพระองค์ตั้งแต่ในพระคัมภีร์เดิมว่า พระองค์ผู้เดียวเท่านั้นที่จะทรงช่วยเหลือประชากรของพระองค์ให้หลุดพ้นจากความบาปและผลของมันได้ (สดด 27:1,88:1;62:1;ฉธบ 26:8;)
พระคัมภีร์ใหม่ได้อธิบายความหลุดพ้นว่าเป็นหนทางที่นำชีวิตไปสู่การมีความสัมพันธ์กับพระเจ้านิรันดร์ในสวรรค์ (มธ 7:14;มก 12:14;ยน 14:6;กจ 16:17;2 ปต 2:2;2:21;กจ 9:2,22:4;ฮบ 10:20)
หนทางแห่งความหลุดพ้นนี้ เริ่มต้นด้วยการกลับใจใหม่เชื่อในพระเจ้า ได้รับการยอมรับให้เข้าเป็นบุตรของพระองค์ แล้วเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทาง เราสามารถอธิบายได้ว่า “ความหลุดพ้น” นี้มีแหล่งกำเนิดอยู่ที่พระเจ้า มนุษย์จะหลุดพ้นได้โดยตอบสนองต่อการนำเสนอของพระองค์เท่านั้น ไม่มีทางอื่นใดที่มนุษย์จะสร้างความหลุดพ้นขึ้นมาได้ด้วยตนเอง และความหลุดพ้นนั้นมีอยู่ 3 ขั้นตอน
1. แหล่งกำเนิดของความหลุดพ้น
พระเจ้าเป็นแหล่งกำเนิดของความหลุดพ้น และพระเยซูคริสต์เป็นทางไปสู่พระเจ้าพระบิดา ดังที่พระองค์ตรัสว่า “เราเป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีผู้ใดมาถึงพระบิดาได้นอกจากจะมาทางเรา” (ยน 14:6,กจ 4:12) ดังนั้นทางหลุดพ้นจึงมีอยู่ทางเดียวเท่านั้น
พระเจ้าเป็นผู้เตรียมทางหลุดพ้นไว้เพื่อเราโดยพระคุณของพระองค์ พระองค์เริ่มโดยการทำพันธสัญญากับอับราฮัม ว่าจะประทานความหลุดพ้นให้ และจะส่ง “พระสัญญา” นั้นมาเกิดเป็นมนุษย์ และมาเป็นพระเยซูคริสต์ ความหลุดพ้นนี้เกี่ยวข้องกับความตาย การเป็นขึ้นมาจากความตาย และการอธิษฐานวิงวอนเพื่อผู้เชื่ออย่างต่อเนื่องของพระองค์ ดังที่เปาโลกล่าวไว้ว่า “แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นคนบุญโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว พระเจ้าได้ทรงตั้งพระเยซูไว้ให้เป็นเครื่องบูชาไถ่บาป โดยพระโลหิตของพระองค์ ความเชื่อจึงได้ผล ทั้งนี้เพื่อแสดงให้เห็นบุญของพระเจ้าในการที่พระองค์ได้ทรงอดกลั้นพระทัย และทรงยกบาปที่ได้ทำไปแล้วนั้น” (รม 3:24-25,5:8,10;ฮบ 7:25)
2. วิธีการที่จะได้รับความหลุดพ้น มนุษย์จะหลุดพ้นได้โดยตอบสนองต่อการนำเสนอของพระเจ้า พระเจ้าเป็นผู้เสนอความหลุดพ้นมา มนุษย์เป็นผู้รับเอาโดยความเชื่อ
-ความหลุดพ้นนั้น มนุษย์จะได้รับโดยพระคุณของพระเจ้า ผ่านทางความเชื่อในพระคริสต์ (รม 3:22,24-25,28)
-นั่นคือความหลุดพ้นเป็นไปได้เพราะพระคุณของพระเจ้า และการตอบสนองของมนุษย์โดยความเชื่อเท่านั้น (กจ 16:31;รม 1:17;อฟ 1:15;2:8) เมื่อพระเจ้ายืนไมตรีมา โดยให้มนุษย์หลุดพ้นโดยพระคุณ และมนุษย์จะรับเอาความหลุดพ้นโดยพระคุณนั้นเพราะความเชื่อ
3. ขั้นตอนของความหลุดพ้น ความหลุดพ้นมีอยู่ด้วยกัน 3 ขั้นตอน (Three steps of salvation) คือ
3.1 ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (The first step of salvation)
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) นี้ เป็นการถูกชำระให้เป็นคนบุญ (พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับปี 1971 แปลว่า “คนชอบธรรม” ส่วนพระคัมภีร์ฉบับมาตรฐานปี 2011 แปลว่า “ถูกชำระให้เป็นคนชอบธรร”) เป็นการที่พระเจ้าได้ชำระหรือใช้หนี้บาปให้กับเรา พระองค์นับว่าเป็นคนบุญ ซึ่งเป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่เราได้รับการอภัยในฐานะผู้เชื่อ และได้ผ่านพ้นจากความตายฝ่ายวิญญาณไปสู่การมีชีวิตฝ่ายวิญญาณ จากฤทธิ์อำนาจของบาปไปสู่ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า จากการปกครองของซาตานไปสู่การปกครองของพระเจ้า (กจ 10:43,26:18;รม 4:6-8,6:17-23;1ยน 3:14)
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) ที่เราถูกชำระให้เป็นคนบุญนี้ ได้นำเราให้มีความสัมพันธ์ใหม่ส่วนตัวกับพระเจ้า และพระองค์ช่วยเหลือเราให้พ้นจากการลงโทษเนื่องจากผลของบาป กล่าวโดยสรุป ความหลุดพ้นในขั้นที่ 1 นี้ คือหลุดพ้นจากโทษทัณฑ์ของบาปนั่นเอง (ยน 1:12;รม 1:16;1คร 1:18) “ด้วยว่าค่าจ้างของความบาปคือความตาย แต่ของประทานจากพระเจ้าคือ ชีวิตเข้าสู่นิพพาน ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา” (รม 6:23) ดังนั้น เราจึงกลายเป็น “คนบุญ” (คือเป็นคนที่ไม่มีค่าของความบาปอีก) ที่ยังอาศัยอยู่ในร่างของ “คนบาป” ผู้เชื่อในพระเจ้าจึงมีธรรมชาติสองอย่าง คือธรรมชาติเก่า และธรรมชาติใหม่
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) ที่เราถูกชำระให้เป็นคนบุญนี้ เราได้มีสันติภาพกับพระเจ้า คือการคืนดีกับพระเจ้า ไม่เป็นศัตรูกับพระองค์อีกต่อไป (พระคัมภีร์ภาษาไทยฉบับปี 1971 แปลว่า “สันติสุขในพระเจ้า” พระคัมภีร์ฉบับมาตรฐานปี 2011 แปลว่า “อยู่อย่างสงบสุขเฉพาะพระพักตร์พระเจ้า”) และเรายังได้ยืนอยู่ในร่มพระคุณของพระองค์ ชื่นชมยินดีในความหวังว่าจะได้มีส่วนในพระสิริของพระเจ้า และชื่นชมยินดีในความทุกข์ยากลำบาก เพราะความทุกข์ยากลำบากทำให้เกิดความอดทน (รม 5:1-3)
3.2 ความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (The Second Step of salvation)
–ความหลุดพ้นในขั้นที่ 2 (Sanctification) นี้ คือการที่เราถูกชำระให้บริสุทธิ์ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันของเรา พระเจ้าจะช่วยเราให้พ้นจากการทำบาป และการครอบงำของบาป และช่วยให้เราทำตามพระธรรม และจะสำแดงผลแห่งพระธรรมออกมาในชีวิตของเรา (กท 5:22-24)
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (Sanctification) คือการที่ผู้เชื่อในพระองค์ถูกชำระให้บริสุทธิ์จากพระเจ้าทุกๆวัน และยังได้รับสิ่งต่อไปนี้:
(1) เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิพิเศษในการมีความสัมพันธ์แบบตัวต่อตัวกับพระเจ้าในฐานที่พระองค์เป็นพระบิดา “แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ พระองค์ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า (ยน 1:12) และมีความสัมพันธ์กับพระเยซูคริสต์ในฐานะที่พระองค์เป็นจอมเจ้านายและพระผู้ช่วยให้หลุดพ้น (ยน 14:18-23)
(2) เป็นผู้ที่ได้ตายต่อบาปแล้ว และยังเป็นผู้ที่ยอมจำนนต่อการทรงนำของพระธรรมและพระคำของพระเจ้า (ยน 8:31,14:21;รม 6:1-14;8:1-17;2ทธ 3:15-16)
(3) เป็นผู้ที่ได้รับพระธรรมและเต็มเปี่ยมไปด้วยผลของพระพระธรรม และจะต้องรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ (กจ 2:33-39;อฟ 5:18)
(4) เป็นผู้ที่จะต้องได้แยกตัวจากบาป และพงศ์พันธุ์ที่คดโกงในยุคปัจจุบัน (กจ 2:40;รม 6:1-14; 2 คร 6:17)
(5) เป็นผู้ที่ได้รับการทรงเรียกให้ต่อสู้เพื่ออาณาจักรของพระเจ้า โดยต่อสู้กับซาตานและสมุนของมัน (2 คร 10:4-5;อฟ 6:11,6:16;1 ปต 5:8)
กล่าวโดยสรุป ความหลุดพ้นในขั้นที่ 2 คือความหลุดพ้นจากอำนาจของบาปโดยพระคุณของพระเจ้า ในการดำเนินชีวิตประจำวัน เป็นคนดีขึ้นในทุกๆวัน โดยการช่วยเหลือของพระเจ้า
3.3 ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 (The third Step of salvation)
–ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 (Glorification) ได้แก่การเข้าสู่ศักดิ์ศรีในพระเจ้า: (รม 13:11-12;1 ธส 5:8-9;1ปต 1:5) เป็นการรับร่างกายใหม่ เป็นความครบบริบูรณ์ของความหลุดพ้นขั้นที่ 1 และ 2 ที่เราได้รับแล้วนั้น ซึ่งเราจะได้รับสิ่งต่อไปนี้
(1) การปลดปล่อยจากพระพิโรธของพระเจ้าที่กำลังจะมาถึง (รม 5:9;1คร 3:15,5:5;1 ธส 1:10,5:9)
(2) การมีส่วนร่วมในพระสง่าราศีของพระเจ้า และได้รับกายใหม่ (รม 8:29;1คร 15:49,15:52)
(3) การได้รับบำเหน็จรางวัลในฐานะผู้มีชัยชนะ (วว 2:7)
-กล่าวโดยสรุป ความหลุดพ้นขั้นที่ 3 นี้ คือความหลุดพ้นจากการมีอยู่ของบาป ซึ่งหมายถึงในอนาคตจะไม่มีบาปหลงเหลืออยู่ในชีวิตของเราอีกเลย
ความหลุดพ้นพ้นขั้นที่ 3 นี้ เป็นเป้าหมายของผู้เชื่อในพระเจ้าทุกคนที่จะต้องต่อสู้เพื่อไปให้ถึง ตอนนี้เราได้รับความหลุดพ้นมาแล้ว 2 ขั้นตอน คือความหลุดพ้นขั้นที่ 1 (Justification) ที่เราถูกชำระให้เป็นคนบุญ (ที่อาศัยในร่างของคนบาป) และความหลุดพ้นขั้นที่ 2 (Sanctification) ที่เราถูกชำระให้บริสุทธิ์ เราจำเป็นต้องต่อสู้ในสงครามฝ่ายจิตวิญญาณทุกวันเพื่อไปให้ถึงความหลุดพ้นในขั้นที่ 3 (Glorification) ซึ่งเป็นความหลุดพ้นในขึ้นสุดท้าย (1 คร 9:24-27;ฟป 3:8-14)
-ในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันนี้ พระเจ้าแนะนำตักเตือนให้เราดำเนินชีวิตด้วยความระมัดระวัง เราจะรับคำแนะนำของพระองค์ได้จากการอ่านพระคัมภีร์ เราจะต้องปรับปรุงแก้ไขชีวิตของเราให้ดีขึ้น เพราะเมื่อเราอยู่ในความหลุดพ้นขั้นที่ 2 แล้ว เราจะมีพลังอำนาจของพระเจ้า ช่วยให้เราเป็นคนดีขึ้น ถ้าไม่เช่นนั้น เราอาจจะได้รับโทษหากไม่เชื่อฟังพระเจ้าได้ ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยเหลือเราไม่ให้พลาดไปจากความหลุดพ้นในขั้นที่สาม (Glorification) ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต (1คร 5:1-13;9:24-27;ฟป 2:12,16;2ปต 1:5-11
-ความหลุดพ้นทั้งสามขั้นตอนนี้ เป็นไปตามหลักการของพระคัมภีร์ และสอดคล้องกับหลักคำสอนอื่นๆในพระคัมภีร์ คือ เราได้รับแล้ว และยังไม่ได้รับอย่างครบบริบูรณ์ ถ้าถามว่า เราหลุดพ้นแล้วหรือยัง ก็จะตอบทั้ง “Yes” (ได้รับแล