ได้มีโอกาสดูละครเวทีฟ้าจรดทราย ไปเมื่อ 28 มิถุนายน 2567
ซึ่งก็สมราคา และน่าจะมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดูด้วย
กรุงเทพ เป็นเมืองศิลปะ ถ้าใครจะเดินทางมาดูละครเวทีที่กรุงเทพ ก็ไม่ต่างจากนิวยอร์ก หรือลอนดอน
ด้านอารมณ์ความโรแมนติก ความงามของฉากที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมและภูมิทัศน์อาหรับได้หลากหลาย ให้ 100 เต็ม
ที่ชอบ คือ การเต้นแบบอิสระ ของนักเต้นประกอบ ซึ่งช่วยในการเล่าเรื่อง
และเล่าได้ลึก ถึงระดับอารมณ์เหงาท่ามกลางทะเลทราย บ้านแตกสาแหรกขาด เมืองถูกยึด
การนินทากาเลในตลาด ซึ่งทำให้เรารู้ความเป็นไปของเรื่องราวในวัง และรู้สึกถึงความเก่งของนักแสดงประกอบเหล่านั้น
แม้การเล่าเชิงบรรยายในบางครั้ง พวกเขาใช้การเต้นเท่านั้น โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย
ส่วนนักแสดงนำก็มาเต็มกันทุกคน หนูนา เก่ง ธชย ณเดชน์ ร้องเพลงได้สุดจริงๆ ร้องจบแต่ละเพลง ทุกคนปรบมือ ขนลุกกันทั้งฮอล
อยากบอกว่าตอนณเดชน์ร้องเพลงปณิธาน เรานี่น้ำตาไหล มีทั้งความใสซื่อของบุรุษ สัจจะ ความแข็งแกร่ง ความตั้งใจดีต่อบ้านเมือง
ที่ณเดชน์ถ่ายทอดออกมา ส่วนนางเอก เด่นในเรื่องของความหวาน และความสง่าบนเวที
ถ้าจะให้วิจารณ์ ส่วนที่น่าจะขยี้ คือ ความรักของนางร้าย ที่กลายเป็นมูลเหตุที่กระทำต่อนางเอก
แน่นอนว่าเล่าด้วยเพลงได้สาระอารมณ์มาเต็ม แต่ด้วยแอ็คชั่นก่อนหน้านั้น ไม่ได้รู้สึกว่ารักผู้ชายมาก ถึงขนาดก่อให้เกิดความร้ายได้ขนาดนั้น
และตอนที่พระเอกไปจัดการกับตัวร้ายในบทบาทหมอรักษาอาการ ก็ค่อนข้างรวบรัดไป ทั้งที่น่าจะมีอะไรให้ติดตาม
ในความเป็นทหารและแพทย์ ที่เข้าถึงตัวละครเป้าหมายได้ ในแบบที่ทหารทั่วไปทำไม่ได้ ซึ่งดูเหมือนซีนนี้โพรเซสจะสั้นไป
ส่วนตอนที่พระ-นาง ซัดเซพเนจรไปตามทะเลทราย ทำได้ดีมากๆ สวยงาม ทั้งภาพ และความรู้สึก
พัฒนาการของความสัมพันธ์ ไม่น่าเชื่อว่าจะเล่าในรูปแบบละครเวทีได้ เรื่องนี้ ควรให้ชาวต่างประเทศดู ว่าคนไทยทำได้
ฉากการสู้รบ ไล่ล่า ก็มีลูกเล่นอยู่มากมาย มีมุขตลกสอดแทรก ไม่น่าเบื่อ ครบรส
บรรยากาศท้องฟ้า ทะเลทราย อารมณ์ ที่หลากหลาย ใครที่ยังไม่ได้ดู ควรไปรับประสพการณ์นี้มากๆ
เพราะคุณจะหลุดไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งถึงสอง ชม เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอันน่าติดตาม ทำให้ลืมชีวิตจริงที่จำเจได้ทั้งหมด
อย่าลืมร้องเพลง "ไร้พันธนาการ" ให้ได้ ก่อนเข้าชม เพราะเพลงนี้มีน้ำหนักเข้ากับยุคสงคราม ที่ทุกคน
มองหาโลกที่ไม่แบ่งแยก นั่นเธอ นี่ฉัน ทั้งที่ควรจะเป็นเรา ซึ่งประเทศไทยคู่ควรที่จะสื่อสารประเด็นสันติภาพ
เราเป็นประเทศเล็กๆ ที่ใฝ่สันติ และในละคร การถ่ายทอดความรักคืองานศิลปะที่งดงาม
รีวิว ฟ้าจรดทราย ฉบับณเดชน์ (มีสปอยนิดหนึ่ง)
ซึ่งก็สมราคา และน่าจะมีเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดูด้วย
กรุงเทพ เป็นเมืองศิลปะ ถ้าใครจะเดินทางมาดูละครเวทีที่กรุงเทพ ก็ไม่ต่างจากนิวยอร์ก หรือลอนดอน
ด้านอารมณ์ความโรแมนติก ความงามของฉากที่ถ่ายทอดวัฒนธรรมและภูมิทัศน์อาหรับได้หลากหลาย ให้ 100 เต็ม
ที่ชอบ คือ การเต้นแบบอิสระ ของนักเต้นประกอบ ซึ่งช่วยในการเล่าเรื่อง
และเล่าได้ลึก ถึงระดับอารมณ์เหงาท่ามกลางทะเลทราย บ้านแตกสาแหรกขาด เมืองถูกยึด
การนินทากาเลในตลาด ซึ่งทำให้เรารู้ความเป็นไปของเรื่องราวในวัง และรู้สึกถึงความเก่งของนักแสดงประกอบเหล่านั้น
แม้การเล่าเชิงบรรยายในบางครั้ง พวกเขาใช้การเต้นเท่านั้น โดยไม่ต้องพูดอะไรเลย
ส่วนนักแสดงนำก็มาเต็มกันทุกคน หนูนา เก่ง ธชย ณเดชน์ ร้องเพลงได้สุดจริงๆ ร้องจบแต่ละเพลง ทุกคนปรบมือ ขนลุกกันทั้งฮอล
อยากบอกว่าตอนณเดชน์ร้องเพลงปณิธาน เรานี่น้ำตาไหล มีทั้งความใสซื่อของบุรุษ สัจจะ ความแข็งแกร่ง ความตั้งใจดีต่อบ้านเมือง
ที่ณเดชน์ถ่ายทอดออกมา ส่วนนางเอก เด่นในเรื่องของความหวาน และความสง่าบนเวที
ถ้าจะให้วิจารณ์ ส่วนที่น่าจะขยี้ คือ ความรักของนางร้าย ที่กลายเป็นมูลเหตุที่กระทำต่อนางเอก
แน่นอนว่าเล่าด้วยเพลงได้สาระอารมณ์มาเต็ม แต่ด้วยแอ็คชั่นก่อนหน้านั้น ไม่ได้รู้สึกว่ารักผู้ชายมาก ถึงขนาดก่อให้เกิดความร้ายได้ขนาดนั้น
และตอนที่พระเอกไปจัดการกับตัวร้ายในบทบาทหมอรักษาอาการ ก็ค่อนข้างรวบรัดไป ทั้งที่น่าจะมีอะไรให้ติดตาม
ในความเป็นทหารและแพทย์ ที่เข้าถึงตัวละครเป้าหมายได้ ในแบบที่ทหารทั่วไปทำไม่ได้ ซึ่งดูเหมือนซีนนี้โพรเซสจะสั้นไป
ส่วนตอนที่พระ-นาง ซัดเซพเนจรไปตามทะเลทราย ทำได้ดีมากๆ สวยงาม ทั้งภาพ และความรู้สึก
พัฒนาการของความสัมพันธ์ ไม่น่าเชื่อว่าจะเล่าในรูปแบบละครเวทีได้ เรื่องนี้ ควรให้ชาวต่างประเทศดู ว่าคนไทยทำได้
ฉากการสู้รบ ไล่ล่า ก็มีลูกเล่นอยู่มากมาย มีมุขตลกสอดแทรก ไม่น่าเบื่อ ครบรส
บรรยากาศท้องฟ้า ทะเลทราย อารมณ์ ที่หลากหลาย ใครที่ยังไม่ได้ดู ควรไปรับประสพการณ์นี้มากๆ
เพราะคุณจะหลุดไปอยู่ในอีกมิติหนึ่งถึงสอง ชม เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวอันน่าติดตาม ทำให้ลืมชีวิตจริงที่จำเจได้ทั้งหมด
อย่าลืมร้องเพลง "ไร้พันธนาการ" ให้ได้ ก่อนเข้าชม เพราะเพลงนี้มีน้ำหนักเข้ากับยุคสงคราม ที่ทุกคน
มองหาโลกที่ไม่แบ่งแยก นั่นเธอ นี่ฉัน ทั้งที่ควรจะเป็นเรา ซึ่งประเทศไทยคู่ควรที่จะสื่อสารประเด็นสันติภาพ
เราเป็นประเทศเล็กๆ ที่ใฝ่สันติ และในละคร การถ่ายทอดความรักคืองานศิลปะที่งดงาม